บทที่ 532
ในเวลานี้เอง ไป๋ยี่เฟยก็มาถึง!
ไป๋ยี่เฟยตามมาพร้อมกับสวีลั่ง สวีลั่งไปจัดการคนพวกนั้นบนดาดฟ้า ตอนแรกเขาก็ต้องไปเหมือนกัน แต่บังเอิญเห็นคนร้ายสองคนที่เข้ามาพอดี
เพื่อที่จะป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ไป๋ยี่เฟยจึงตามเข้ามาด้วย แล้วมาเห็นภาพที่คนพวกนี้กำลังจะขืนใจเฝิงเซียนเซียนเข้าพอดี
แม้ว่าไป๋ยี่เฟยจะมีความแค้นกับเฝิงเซียนเซียน แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง แน่นอนว่าไม่มีทางเห็นผู้หญิงถูกกลั่นแกล้งรังแกแล้วจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอย่างแน่นอน ดังนั้น เขาจึงเริ่มลงมือ
คนร้ายทั้งสองคนกำลังลวนลามเฝิงเซียนเซียนอยู่ คนหนึ่งรั้งขาของเฝิงเซียนเซียนเอาไว้ ส่วนอีกคนกำลังเตรียมที่จะถอดกางเกง
ในขณะนี้เอง จู่ๆไป๋ยี่เฟยก็ปรากฏตัวขึ้นมาข้างหลังพวกเขา จากนั้นก็ใช้หนึ่งมือกดตรงไหล่ของคนร้ายหนึ่งในนั้นเอาไว้ ส่วนอีกมือกดที่หัว
จากนั้นก็ออกแรงบิด
“แกร็ก”
คอของชายคนนั้นถูกไป๋ยี่เฟยหักเลยทันที
เขายังไม่ได้ตอบสนองกลับมา ถลึงสองตาโต ล้มลงไปที่พื้น ตายไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนอีกคนตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ จากนั้นก็รีบหยิบกระบองขึ้นมาจากพื้น ฟาดไปอย่างแรง
ไป๋ยี่เฟยเตรียมป้องกันไว้ก่อนแล้ว ยกมือขึ้นจับไม่กระบองของคนนั้นเอาไว้ จากนั้นก็บิดมือ มือของอีกฝ่ายบิดไปข้างหลังตามไม้กระบองทันที
“อ๊าก!”
คนคนนั้นร้องโอดโอยออกมา ไม่รอให้เขาได้เคลื่อนไหว ไป๋ยี่เฟยก็เข้ามา จัดการเหมือนกับเมื่อตะกี้ กดหัวของเขาไว้ แล้วก็บิดอย่างแรง
เสียง“แกร็ก”ดังขึ้นมาอีกหนึ่งครั้ง คอหักไปเรียบร้อย
ทั้งสองคนถูกไป๋ยี่เฟยหักคอไปจนหมด ขาดอากาศหายใจตาย
พวกของสวี่ชางเห็นแบบนี้ ก็ตกใจอยู่ไม่น้อย
เฝิงเซียนเซียนนั่งฟุบลงไปที่พื้น มองพวกคนร้ายสองคนที่นอนตายอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าซีดขาว สั่นไปหมดทั้งตัว
ในเวลานี้เอง เฝิงเซียนเซียนมองไป๋ยี่เฟยด้วยสีหน้าซับซ้อน เธอคิดไม่ถึง ว่าคนที่ช่วยชีวิตตัวเองจะเป็นไป๋ยี่เฟย!
ในตอนแรกเธอหมดความหวังแล้ว คิดถึงเรื่องตายแล้วด้วย
แต่ว่า มีคนปรากฏตัวออกมา แล้วช่วยชีวิตเธอ คนคนนี้ ก็คือไป๋ยี่เฟย!
เฝิงเซียนเซียนคิดที่จะพูดขอบคุณด้วยความสั่นกระส่าย แต่น่าเสียดายเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อตะกี้นี้ มันน่ากลัวจนเกินไป ตอนนี้เธอเปิดปากพูดอะไรไม่ออก
ไป๋ยี่เฟยจ้องมองเฝิงเถียนเถียนด้วยสายตาเย็นชา รู้ว่าเธอคิดจะพูดอะไร จึงพูดออกมาอย่างเย็นชา“ไม่ต้องขอบคุณผม ก็แค่ทำตามใจเท่านั้น”
เขาไม่ใช่คนดี แต่คุณธรรมพื้นฐานเขาก็พอจะมีอยู่บ้าง
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็หันเดินจากห้องโถงไป
เฝิงเซียนเซียนกลับยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ไม่ใช่แค่คำพูดของไป๋ยี่เฟย แต่เพราะว่าเธอนึกถึงตอนที่ไป๋ยี่เฟยฆ่าคนร้ายสองคนเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้
ในความคิดของเฝิงเซียนเซียน ไป๋ยี่เฟยเป็นแค่คนธรรมดาๆเท่านั้น เรื่องศิลปะการต่อสู้ ไม่ใช่ประเภทที่เก่งกาจมากมายอะไร
วันนี้ เฝิงเซียนเซียนถึงได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า ไป๋ยี่เฟยแข็งแกร่งมากขนาดไหน!
เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงเมื่อก่อนตอนที่เธอให้คนแกล้งทำเป็นตกลงไปในน้ำจากนั้นก็ฉวยโอกาสฆ่าไป๋ยี่เฟย พอตระหนักขึ้นมาได้ เฝิงเซียนเซียนก็เริ่มสั่น ตนเองในตอนนั้น มันช่างโง่เขลาสิ้นดี!
ถ้าไป๋ยี่เฟยรู้ว่าเป็นตัวเองล่ะก็ แสดงว่า……
ที่เธอไม่รู้ก็คือ ไป๋ยี่เฟยรู้ว่าเป็นเธอแล้ว แถมเตือนเย่ฮวนไปแล้วด้วย ให้เขาดูเฝิงเซียนเซียนเอาไว้ให้ดีๆ
ในเวลานี้ สวี่ชางเดินเข้ามาพร้อมกับรปภ.ที่ล้อมรอบตัวเขาอยู่ พยุงเฝิงเซียนเซียนขึ้นมาอย่างสุภาพ พร้อมกับพูดยิ้มๆ“คุณเฝิงตกใจแย่แล้ว จริงๆแล้วเมื่อตะกี้พวกเราจงใจให้มันเป็นแบบนี้ เพื่อที่จะทำให้อีกฝั่งลดการระมัดระวังตัวลง จากนั้นก็อาศัยโอกาสที่ไม่ทันได้ตั้งตัวลงมือจัดการ”
“เห้อ ใครจะไปรู้พวกเราช้าไปหนึ่งก้าว แต่ผลลัพธ์ออกมาดีก็ดีแล้ว”
เฝิงเซียนเซียนได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกกระอักกระอ่วน จงใจหรือว่าเรื่องจริง เธอยังดูไม่ออกอีกเหรอ?
……
ค่ำคืนมืดมิดที่เงียบสงัด ท้องทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เรือสำราญที่โดดเดี่ยวไร้ซึ่งความช่วยเหลือ
เหล่าบรรดาผู้คนล้วนแต่นั่งยองอยู่บนดาดฟ้าอย่างเชื่อฟัง รออยู่อย่างเงียบสงบ
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาทำลายความเงียบสงบ
“ชิ้ว!”
คนร้ายคนหนึ่งเพิ่งจะหันหน้าไปมอง ช่วงลำคอก็มีเลือดปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็ถลึงสองตาโตด้วยความไม่อยากจะเชื่อ สุดท้ายก็ล้มลงไปทั้งอย่างนั้น
เนื่องจากเขายืนอยู่ตรงระเบียง ทำให้พอล้มลง ก็ตกลงไปในทะเลทันที
“ตู้ม!”
ในขณะที่ตกลงไปในทะเล เลือดสดๆก็ย้อมสีทะเลส่วนหนึ่งจนกลายเป็นสีแดง แต่กลับถูกความมืดมิดปกปิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง
พอได้ยินเสียงนี้ คนที่อยู่รอบๆก็หันมามอง พวกคนร้ายอีกสองสามคนก็เดินขึ้นไปดูที่ระเบียงทันที
ผู้ชายที่เป็นหัวหน้าไม่ได้เห็น แต่แค่ได้ยินเสียงเท่านั้น จึงตะโกนถามขึ้น“เกิดอะไรขึ้น?”
“มีคนลอบโจมตีครับ!”
ชายคนนั้นสะดุ้งทันที เดินกำปืนตรงเข้าไป กวาดสายตามองเหล่าผู้คน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ใคร ออกมาเดี๋ยวนี้!”
เหล่าบรรดาผู้คนต่างทยอยกันก้มหัว พวกเขาต่างก็มองไม่ชัดว่าใครเป็นคนลงมือ ไม่สิ ควรจะบอกว่า คนข้างตัวพวกเขาล้วนแต่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่รู้เลยว่าเป็นฝีมือของใคร
ชายคนนั้นสีหน้าเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด“บอกมา เป็นฝีมือของใคร?”
พูดจบ ก็ยังไม่มีใครตอบกลับมา
ขายคนนั้นจึงยิงปืนขึ้นฟ้า“ปัง”ดังลั่นไปทั่วท้องฟ้า“จะบอกไม่บอก? ถ้าไม่บอก นัดต่อไปฉันจะไม่ยิงขึ้นฟ้าแล้วนะ!”
พูดจบ ชายคนนั้นก็สุ่มชี้คนหนึ่งขึ้นมาถาม“บอกมา ใครเป็นคนทำ?”
คนคนนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่รู้อะไรเลยสักนิด ทำได้แค่ตอบกลับไปตัวสั่นๆ“ผมไม่รู้……”
“ปัง!”
พอคนคนนี้พูดจบ ชายคนนั้นก็ยิงปืนทันที
“ว้าย!”
คนรอบๆตกใจจนร้องออกมา ยิ่งขยับห่างออกจากที่นี่ ก้มหัวลงต่ำกว่าเดิม ในขณะเดียวกันความกลัวก็แผ่ซ่านไปทั่วทั้งใจของทุกๆคน
ส่วนกลางหน้าผากของคนคนนั้นก็มีรูสีเลือดหนึ่งรู สองตาถลึงโต ตายไปทั้งที่ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ชายคนนั้นตะคอกออกมาด้วยความโกรธ“บัดซบ!ค้นตัวพวกมันเดี๋ยวนี้!ดูว่าที่ตัวใครมีมีดอยู่บ้าง!”
พูดจบ สองสามคนตรงนั้นก็เริ่มตรวจค้นทันที
เมื่อตะกี้ในมือของคนที่ตายคนนั้นถือปืนเอาไว้หนึ่งกระบอก แต่เนื่องจากตกลงไปในทะเล ปืนกระบอกนั้นก็ตกลงไปด้วย
ตอนนี้ บนเรือเหลือเพียงปืนสองกระบอก กระบอกหนึ่งอยู่ที่หัวหน้า ส่วนอีกกระบอกอยู่ในมือของหนึ่งในเหล่าคนร้าย
คนร้ายคนนั้นกำลังถือปืนเดินตรวจค้นอยู่ พอตรวจค้นเสร็จแล้ว ก็เดินไปอยู่ตรงหน้าคนอีกหนึ่งคน
คนคนนี้ก็บังเอิญเป็นสวีลั่งที่เพิ่งจะแฝงกายเข้ามาพอดี
“แก ลุกขึ้นมา!”คนคนนั้นถือปืนชี้ไปที่สวีลั่ง
สวีลั่งสองมือยกขึ้น ท่าทางยอมแพ้ ยืนขึ้นมาอย่างให้ความร่วมมือสุดๆ จากนั้นก็ยิ้มให้คนคนนั้น
หลังจากที่คนคนนั้นเห็นรอยยิ้มของสวีลั่งก็อึ้งชะงักไป
สวีลั่งไม่ได้ยิ้มแบบประจบประแจง แต่ยิ้มอย่างดีใจ
หลังจากที่คนคนนั้นอึ้งตะลึงไปสักพักก็รีบตอบสนองกลับมาทันที“เถ้า……”
เพิ่งจะพูดออกมา สวีลั่งก็หยิบมีดกริชออกมา แทงเข้าไปที่หัวใจของคนคนนั้นเสียก่อน
หัวหน้าของพวกมันได้ยินเสียง หลังจากที่เห็นสวีลั่ง ก็หยิบปืนในมือขึ้นมายิงไปสองสามนัด“ปังปัง”
หลังจากที่สวีลั่งฆ่าคนแล้วก็ยกขาขึ้นมาเตะคนคนนั้นออกไป จากนั้นก็พุ่งกระโจนไปที่คนร้ายอีกคนที่วิ่งเข้าอย่างสุดแรง คนร้ายเห็นแบบนั้นก็หยิบมีดตัดฟืนในมือออกมาจะฟันไปที่สวีลั่ง
สวีลั่งเอนหัวเล็กน้อย ในขณะเดียวกันก็ใช้มีดกริชของตัวเอง ปาดไปที่คอของคนร้าย จากนั้นก็ถีบคนร้ายกระเด็นไปหาชายคนนั้น
ปืนที่ชายคนนั้นยิงออกไปทั้งหมดนั้นล้วนแต่โดนร่างกายของคนร้ายคนนี้ทั้งนั้น
“บ้าเอ้ย!”ชายคนนั้นสบถออกมา ก่อนจะเปลี่ยนเป้าอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้สวีลั่งอยู่ใกล้ระเบียงเรียบร้อยแล้ว ฉวยโอกาสก่อนที่ชายคนนั้นจะยิงปืนอีกรอบ พลิกตัวกระโดดลงจากเรือสำราญไป
พวกคนร้ายเห็นแบบนี้ก็รีบวิ่งไปเกาะที่ระเบียงทันที
แต่ยังเห็นไม่ชัดเจน หัวกับตัวก็ขาดแยกจากกัน ตกลงไปในทะเล
สวีลั่งไม่ได้กระโดดลงไปในทะเลจริงๆ แต่ใช้มือเกาะเอาไว้ที่ขอบเรือ
บนดาดฟ้า เนื่องจากการตายของคนคนนั้น ทำให้ปืนอีกกระบอกตกลงบนพื้น สวีลั่งไม่ได้เก็บขึ้นมาทันที เพราะว่าเขาไม่ต้องการ อีกอย่างที่เขาคิดก็คือ พวกเถ้าแก่พวกนั้นมีบอดี้การ์ด มีปืน ก็น่าจะเอามาใช้รับมือแน่ๆ