บทที่ 531
เพราะว่าไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่มีบัตรเลื่อนขั้นคนละใบแล้ว ความน่าจะเป็นที่พวกเขาจะกลายเป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจก็เลยมีสูงขึ้น
ถ้าไป๋ยี่เฟยกลายเป็นประธานของสหพันธ์ธุรกิจแล้ว ถ้าอย่างนั้นการที่คนที่อยู่เบื้องหลังคิดที่จะใช้ไป๋ยี่เฟย ล่อไป๋หยุนเผิงออกมาแล้วฆ่าทิ้ง แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ละแวกเมืองหลวงเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามของสหพันธ์ธุรกิจ ไม่มีใครกล้าไปยั่วยุมันอย่างโจ่งแจ้งแน่นอน
ถ้าอย่างนั้น ก่อนที่ผลจะออกมา ตอนนี้เท่านั้น เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะจับไป๋ยี่เฟย
ก่อนหน้านี้ก็ไล่ตามไป๋ยี่เฟยไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้ฆ่าไป๋ยี่เฟยทิ้ง ดังนั้น โอกาสครั้งสุดท้ายนี้ อีกฝั่งจะต้องส่งคนที่สามารถลงมือฆ่าเขาให้ตายได้มาอย่างแน่นอน
แน่นอนว่า ไม่มีใครที่เผยไม้ตายของตัวเองออกมาตั้งแต่แรกหรอก ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ก่อนจะทำอะไรต้องมีการลองผิดลองถูกเสียก่อน
ในตอนนั้น ไป๋ยี่เฟยกับหวังโหลวคิดวิเคราะห์อยู่สักพัก“คนที่อยู่บนเรือมีจำนวนน้อยมากที่มีปัญหา ถ้าอย่างนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะมาจากทางทะเล”
“แต่ว่าคนที่อยู่บนเรือก็ชะล่าใจไม่ได้ ก็ต้องคอยระมัดระวังอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน”
หลังจากที่หลี่เสว่ได้ฟังการวิเคราะห์ของพวกเขาแล้ว ก็รู้ว่าไม่ว่าจะอยู่บนเรือหรือว่าบนทะเลก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น ดังนั้นต้องเตรียมการด้านความปลอดภัยให้ครบครัน
ก่อนที่คนพวกนี้จะมา ไป๋หู่ก็ทำการเตรียมการเรียบร้อยแล้ว แถมลงทะเลก็เตรียมอุปกรณ์ในการดำน้ำเรียบร้อยแล้วด้วย
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยกระโจนลงทะเล ไป๋หู่ก็เดินเข้าไป ใส่อุปกรณ์ดำน้ำให้กับไป๋ยี่เฟยอย่างดี จากนั้นก็ส่งเขาที่ไม่ชำนาญด้านการว่ายน้ำจากเรือกู้ชีพฉุกเฉินเข้าไปในเรือสำราญ
จากนั้นก็จงใจวางไฟฉายไว้ตรงทางเข้า ใช้แสงสว่างอ่อนๆดึงดูดความสนใจของอีกฝั่ง จงใจดึงดูดอีกฝั่งมา
หลังจากที่ทั้งสี่คนนั้นเห็นแสงสว่างก็รู้ตำแหน่งของไป๋ยี่เฟยทันที แต่เพราะว่าแสงที่กระพริบๆอยู่นั้น ทำให้พวกเขาถอยไปทันที
แต่เนื่องจากใกล้จะทำภารกิจเสร็จแล้ว มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็เตรียมความพร้อมที่จะต่อสู้อยู่ตลอดเวลาด้วยเช่นกัน
แต่สุดท้ายก็สู้พวกไป๋ยี่เฟยสามคนที่ล้อมอยู่ตรงทางเข้าไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยจัดการไปหนึ่งคน ไป๋หู่กับสวีลั่งจัดการกับคนที่เหลืออีกสามคน
ในขณะนี้เอง ข้างบนก็มีคนลงมาอีกสิบคน
ด้านใต้น้ำ พวกเขาล้อมรอบเอาไว้แล้ว และเตรียมตัวพร้อมไว้ก่อนแล้ว คนพวกนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลยสักนิด ดังนั้นไป๋หู่จึงพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ“ที่นี่มีผมคนเดียวก็พอแล้ว”
สวีลั่งเชื่อในพละกำลังของไป๋หู่“ถ้าอย่างนั้นผมขึ้นไปข้างแล้วกัน”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มๆอย่างมั่นใจ“ไปเถอะ นานแล้วที่ไม่ได้ออกแรงลงไม้ลงมือแบบนี้ ว่าจะผ่อนคลายกล้ามเนื้อกับกระดูกสักหน่อย”
ทั้งสามคนมองตากันพร้อมกับยิ้มๆ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ต้องพูดก็รู้กันดี
บนเรือ
ตอนที่มีคนตะโกนออกมา ไป๋ยี่เฟยก็พาหลี่เสว่กับโจวฉวี่เอ๋อไปซ่อนเอาไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นคนพวกนี้ไม่มีทางรู้ว่ามีสองคนนี้อยู่ด้วยอย่างแน่นอน ตอนนี้พวกเธอปลอดภัยแล้ว
ส่วนพวกของเย่ฮวน ทั้งหมดก็ถูกคนร้ายควบคุมตัวอยู่ที่ดาดฟ้า ตอนนี้กำลังนั่งกุมหัวอยู่ที่พื้น
ตอนที่มีเสียงร้องดังขึ้นมา เฝิงเซียนเซียนก็กำลังพักผ่อนอยู่ในเรือ ก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็น บวกเข้ากับสถานะของเย่ฮวน เธอจึงไม่กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเดินออกมาดูให้แน่ชัดอย่างใจกล้า
ตอนที่เธอเดินมาถึงทางออกของดาดฟ้า ก็อึ้งตะลึงไปทันที
เพราะว่าเธอเห็นเย่ฮวน เย่ฮวนกำลังนั่งยองอยู่ที่พื้น แล้วก็ถัดไปไม่ไกลก็มีพวกคนชุดดำถืออาวุธปืนอยู่ด้วย
เฝิงเซียนเซียนตกใจสุดๆ
ตอนที่เธอกำลังจะเดินกลับไปนั้น เธอเห็นคนพวกนั้นกำลังหาไป๋ยี่เฟย ทำให้เธอหยุดฝีเท้าลงอย่างทันที จากนั้นเธอก็เห็นไป๋ยี่เฟยกำลังถูกคนพวกนั้นจับตัว
พอเห็นภาพตรงหน้านี้ เฝิงเซียนเซียนก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที“สมควรถูกจับ!”
เฝิงเซียนเซียนก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว ถึงขนาดที่อยากจะหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ
ในขณะนี้เอง หนึ่งในคนร้ายหันมาเห็นเฝิงเซียนเซียนเข้าพอดี
เฝิงเซียนเซียนถลึงสองตาโต สูดหายใจเข้าหนึ่งที ในใจตื่นตระหนกขึ้นมา ก่อนจะหันตัววิ่งหนีไปทันที
คนร้ายคนนั้นเห็นแล้วก็หัวเราะออกมา ราวกับว่าเห็นอะไรที่มันน่าขำ ก่อนที่จะดึงตัวคนร้ายอีกคนมา แล้วพูดกระซิบเบาๆไปสองสามประโยค คนคนนั้นก็ขำออกมาทันที
ในขณะนี้เอง คนที่เป็นหัวหน้ากำลังเตรียมการให้คนอื่นๆลงไปจับตัวไป๋ยี่เฟยต่อ
คนร้ายสองคนนี้จึงฉวยโอกาสเดินเข้าไปในโกดังเรือ
เย่ฮวนนั่งยองอยู่ที่พื้น ความเป็นจริงแล้วกำลังหาเบาะแสของเฝิงเซียนเซียนอยู่ หลังจากมองไปรอบๆแล้ว ไม่เห็นวี่แววของเธอ เย่ฮวนก็นึกว่าเธอกำลังหลบซ่อนอยู่ในห้องพัก
คิดๆดูแล้วก็ใช่ ข้างนอกมีเสียงดังขนาดนี้ เธอน่าจะได้ยิน แล้วก็รู้ว่าสถานการณ์มันไม่ธรรมดาแล้ว คงไม่โง่โผล่ออกมาง่ายๆแน่นอน
ที่เย่ฮวนไม่รู้ก็คือ เฝิงเซียนเซียนออกมาเรียบร้อยแล้ว แถมยังถูกคนร้ายเห็นแล้วด้วย ต่อมาเธออาจจะต้องเจอกับอะไรที่ไม่คาดคิดอย่างแน่นอน
ในขณะที่เฝิงเซียนเซียนกำลังตื่นตระหนกวุ่นวายอยู่นั้นก็ถือว่ายังมีสติอยู่บ้างนิดหน่อย จึงไม่หลบซ่อนอยู่ในห้องพัก ไม่อย่างนั้นเธอก็จะจบไม่สวยอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงวิ่งไปยังห้องโถงอย่างรวดเร็ว
ถ้าเธอจำไม่ผิดล่ะก็ พวกของสวี่ชางแทบจะไม่ออกมาเลย บางทีพวกเขาอาจจะอยู่ที่ห้องโถง อาจจะยังมีโอกาสอยู่ก็ได้
เฝิงเซียนเซียนวิ่งมาถึงห้องโถง เห็นพวกของสวี่ชางที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งที่อยู่ลึกที่สุดในห้องโถง แล้วก็พวกรปภ.สองสามคนที่อยู่ข้างๆด้วย
เฝิงเซียนเซียนเห็นความหวังแล้ว“ช่วยฉันด้วย!”
เพราะว่าตื่นกลัวเกินไป เฝิงเซียนเซียนจึงสะดุดล้มลง
“ว้าย!”
ในขณะนี้เอง คนร้ายสองคนที่อยู่ข้างหลังเดินตามเข้ามา ความเร็วเท่านั้นของเฝิงเซียนเซียน พวกเขาแค่เดินเฉยๆก็เร็วกว่าเธอแล้ว
เฝิงเซียนเซียนมองไปข้างหลัง ตกใจจนส่ายหัว คิดที่จะลุกขึ้นวิ่งต่อ แต่เนื่องจากสะดุดล้มเท้าแพลง จึงลุกขึ้นไม่ไหว
เธอรู้สึกกลัวมากว่าเดิม
“อย่าเข้ามานะ!อย่าเข้ามา!”
พวกสวี่ชางกำลังตกใจกับการปรากฏตัวของเฝิงเซียนเซียน แต่ตรงทางเข้ามีคนร้ายสองคนโผล่มาพอดี สีหน้าของคนทั้งหลายสิบคนดูแย่ขึ้นมาทันที
พวกเขารู้สึกตึงเครียดขึ้นมา ไม่มีใครกล้าไปช่วยพยุงเฝิงเซียนเซียน
ถึงยังไง ในสายตาของพวกเขา คนพวกนี้เหมือนกับโจรสลัด แล้วโจรสลัดก็ไม่มีทางใช้เหตุใช้ผลกับพวกเรา อย่าไปขัดขาพวกมันจะดีที่สุด
สองคนนั้นไม่ได้พกปืน แต่ที่ตัวก็พกอาวุธมาเหมือนกัน กระบองสองอัน
เฝิงเซียนเซียนเห็นสองคนนั้นเข้ามาใกล้ตัวเองเรื่อยๆ ก็ตกใจจนตัวสั่น พอนึกถึงสวี่ชางที่อยู่ด้านหลัง ก็รีบพูดร้องขอความช่วยเหลือ“ช่วยฉันด้วย!ช่วยฉันด้วย!”
“ฉันเป็นผู้หญิงของเย่ฮวนนะ ช่วยฉันด้วย……”
พูดจบ ทั้งสองคนก็เดินตามเฝิงเซียนเซียนจนทัน หลังจากเห็นเธอแล้วยิ้มอย่างดูถูก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองพวกของสวี่ชาง
“จะช่วยไหม?”
สวี่ชางได้ยินแบบนั้นก็รีบหันหน้าหนีทันที แสร้งทำเป็นไม่เห็น
คนอื่นๆและรปภ.ก็เมินหน้ามองไปที่อื่น ไม่มองเฝิงเซียนเซียน
เฝิงเซียนเซียนเห็นแบบนี้ ก็อึ้งตะลึง แล้วก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังหมดหนทางขึ้นไปอีก
“ไม่……ไม่ได้นะ……”เฝิงเซียนเซียนถอยหลังไปด้วยความหวาดกลัว พยายามออกมาให้ห่างจากคนพวกนี้
คนร้ายคนหนึ่งรู้สึกพออกพอใจกับท่าทีของพวกสวี่ชางอย่างมาก“ดีมาก รู้งานดีนี่”
“วางใจได้ พวกเราแค่รู้สึกเบื่อเท่านั้น อยากจะหาอะไรสนุกๆทำสักหน่อย พอพวกเราจากไปอย่างสำราญใจแล้ว ขอแค่พวกแกรู้งาน พวกเราก็จะไม่ไปยุ่งกับชีวิตของพวกแกแน่นอน”
คนร้ายอีกคนวางกระบองที่อยู่ในมือลง ดึงเฝิงเซียนเซียนที่อยู่ที่พื้นขึ้นมา จากนั้นก็ใช้สองมือโอบเอวของเฝิงเซียนเซียนไว้ วางเธอลงที่โต๊ะที่อยู่ข้างๆ
เฝิงเซียนเซียนขัดขืนอย่างรุนแรง“อา……อย่านะ!ปล่อยฉัน!”
“ช่วยฉันด้วย……อย่านะ……ฉันเป็นผู้หญิงของเย่ฮวน ถ้าพวกแกปล่อยฉัน อยากได้อะไรก็ได้ทั้งนั้น!”เฝิงเซียนเซียนพูดขึ้นมาด้วยความตื่นตกใจ ไม่ว่าจะเป็นข้อต่อรองอะไรก็ได้หมด ขอแค่ปล่อยเธอไปก็พอ
จากนั้นคนร้ายสองคนก็หาอะไรสนุกๆแก้เซ็งทำ ไม่แยแสกับคำพูดของเฝิงเซียนเซียนเลยแม้แต่น้อย หนึ่งในนั้นยังพูดขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยมอีกด้วย“อย่ามาพล่ามอะไรไร้สาระกับฉันนะ!”
“พวกฉันไม่สนเงินทอง สนแต่ความสนุก ถ้ารู้งานก็หยุดร้องแหกปากได้แล้ว!”
“เอ้ย อย่าสิ ให้ร้องออกมาสิถึงจะยิ่งสนุก!”
“เหอะๆ……ที่นายพูดมันก็ถูกว่ะ……”
ทั้งสองคนพูดๆขำๆพลางล้อมซ้ายล้อมขวาเฝิงเซียนเซียน ในขณะเดียวกันก็ยื่นมือไปกระชากกระโปรงของเฝิงเซียนเซียน
“แขวก……”
กระโปรงถูกดึงจนเป็นรูใหญ่ ข้างในเผยให้เห็นถึงสองขาสีขาวนวล
ภาพภาพนี้เล่นเอาคนร้ายทั้งสองคนตาลุกวาว สีหน้าสับปลับขึ้นมาทันที“สาวน้อย โอ๋ๆ เดี๋ยวจะทำให้เธอรู้สึกดีสุดๆไปเลย ฮ่าๆ……”
เฝิงเซียนเซียนกุมกระโปรงของตัวเองอย่างสุดชีวิต ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง พูดขึ้นอย่างกล้ำกลืน“อย่านะ……ฮือๆ……ขอร้องพวกแกล่ะ……”
ความเมินเฉยไม่สนใจของพวกสวี่ชางและมือที่ของไอ้พวกคนร้ายที่กำลังลูบคลำอยู่ที่เรือนร่างของเธอ ทำให้เฝิงเซียนเซียนรู้สึกสิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ถ้าเธอถูกทั้งสองคนนี้กระทำชำเรา เย่ฮวนจะต้องไม่อยากได้เธอแล้วแน่ๆ ตระกูลเย่ไม่มีทางเอาสะใภ้ที่ไม่บริสุทธิ์แล้วแน่นอน ในตอนนี้ เฝิงเซียนเซียนหมดสิ้นแล้วซึ่งความหวัง
ถึงขนาดที่ เธอคิดอยากจะตายๆไปให้รู้แล้วรู้รอด!