บทที่ 523
เย่ฮวนวางแก้วไวน์ลง แล้วมองไปบนท้องฟ้าและทะเล น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกลุ้มใจอย่างเห็นได้ชัด
“ตระกูลเย่มีพี่น้องผู้ชายทั้งหมดสี่คนด้วยกัน”
“พ่อของผมเป็นลูกคนโต และเป็นทายาทของตระกูลเย่คนต่อไป”
“แต่ หลังจากที่ปู่ของผมสละตำแหน่ง พ่อของผมก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และทั้งร่างกายของเขาก็เป็นอัมพาต ส่วนแม่ของผมได้รับการกระทบอย่างแรงร่างกายจึงซีดมาก”
“ผ่านไปไม่นานมาก คุณปู่ของผมก็ล้มป่วยด้วย”
“เฮ้อ…”
“เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเดือนเดียว มันบังเอิญเกินไปว่าไหม?”
หลังจากพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็พยักหน้า “จริงด้วย”
ความจริงแล้วไป๋ยี่เฟยก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไร แต่เป็นเรื่องที่มีเจตนาจงใจ
ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลเย่ การแย่งชิงตำแหน่งทายาทกับตำแหน่งจักรพรรดิในสมัยโบราณก็เหมือนกัน เพื่อตำแหน่งนั้นแล้ว ในสายตาของพวกเขาครอบครัว ไม่ได้สำคัญอะไรเลย
แต่ไป๋ยี่เฟยก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องภายในตระกูลเย่ และไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตัวเขา
เย่ฮวนบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ความจริงแล้วเขากลับรู้ดีอยู่แก่ใจมากกว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญได้ยังไงกัน?
เย่ฮวนยิ้มอย่างเศร้าสลด “หลังจากนั้น ทุกคนที่สนับสนุนพ่อของผมก็สนับสนุนอาสองและอาสามของผมแล้วและครอบครัวของผมก็ไม่ได้มีชีวิตที่สงบสุขอีกเลย”
“และผม ก็โดนพี่น้องเกือบทั้งหมดขับไล่ กระทั่งหุ้นของตระกูลเย่ก็โดนพวกเขาหลายคนแบ่งกัน”
“พวกเขายังหานามแฝงของหมอชื่อดังกำจัดพ่อผม และตอดกินตระกูลเย่ แต่ผมกลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง”
ไป๋ยี่เฟยฟังแล้ว ก็ถามอย่างสงสัยว่า “ด้วยความสามารถในปัจจุบันของคุณ ควรจะสามารถโต้กลับได้ถึงจะถูก”
“คิดว่าผมไม่อยากทำงั้นเหรอ?” เย่ฮวนมองไป๋ยี่เฟยอย่างเย็นชา แล้วหันกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับยิ้มเจื่อนๆแล้วพูดว่า “แต่ผมก็ยังมีพ่อกับแม่อยู่”
“แล้วถ้าพวกสุนัขจนตรอกนั้นแก้แค้นพ่อแม่ผมล่ะจะต้องทำยังไง?”
ไป๋ยี่เฟยหยุดนิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ชีวิตในโลกนี้ มักจะมีความกังวลและมักจะมีไม่กี่คนที่คุณให้ความสำคัญ
อย่างเช่นเขาคนที่เขาใส่ใจที่สุดคือหลี่เสว่และแม่กับน้องสาวตัวเอง
ไป๋ยี่เฟยมองเย่ฮวนอย่างเงียบๆ แล้วถามว่า “แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”
“เฮ้อ…” เย่ฮวนหัวเราะเยาะตัวเอง แล้วพูดอีกว่า “อาสี่บอกว่า ผมควรออกจากเมืองหลวงไป เพราะถ้าอยู่ในเมืองหลวงต่อไปคงจะถูกกดดันอยู่ตลอด”
“และคงจะหาสิ่งที่เรียกว่าความจริงไม่พบ และยิ่งแก้แค้นให้พ่อแม่ไม่ได้ ดังนั้น ด้วยความช่วยเหลือของอาสี่ผมจึงออกจากเมืองหลวงมายังเป่ยไห่”
“ค่อยๆ ใช้ความสัมพันธ์ของลุงสี่ ตั้งหลักมั่นคงในเป่ยไห่ และผม ก็คอยช่วยเหลืออาสี่เช่นกัน จนกลายเป็นผู้นำตระกูลเย่คนใหม่”
สีหน้าของเย่ฮวนเรียบเฉย แต่ไป๋ยี่เฟย กลับรู้สึกว่า มีร่องรอยของความหนาวเย็นมากกว่าเมื่อครู่
ไป๋ยี่เฟยคิดไปคิดมา ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ แต่ก็กลับสงสัยว่า “เรื่องพวกนี้เกี่ยวอะไรกับการแต่งงานกับเฝิงเซียนเซียนด้วยล่ะ?”
เย่ฮวนไม่ได้หันกลับไปมอง เพียงแต่พูดอย่างเฉยชาว่า “เฝิงเซียนเซียนเรียนจบจากโรงเรียนแพทย์ และหลังจากเรียนจบก็ไปทำงานที่โรงพยาบาล”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินดังนั้นก็คิดบางอย่างขึ้นได้ทันที “หล่อนดูแลพ่อคุณงั้นเหรอ?”
“อืม”
ไป๋ยี่เฟยยังไม่เข้าใจ “เป็นเพราะเรื่องนี้คุณจึงต้องแต่งงานกับหล่อน? หรือว่า คุณชอบหล่อน?”
เย่ฮวนส่ายหน้า แล้วพูดต่ออย่างหวนคิดว่า “นักศึกษาจบใหม่ไม่สามารถเข้ามาดูแลพ่อผมได้ และอาสองฉันก็เป็นคนจัดการเอง”
“หล่อนสันนิษฐานแล้วก็รู้เอง ดังนั้นหล่อนจึงตั้งใจดูแลพ่อผมมาก ถึงแม้จะทำผิดพลาดเป็นครั้งคราว แต่หล่อนก็ตั้งใจมาก และป้อนยาให้พ่อผมอย่างตั้งใจ ทำอาหารอย่างตั้งใจ และอ่านหนังสือพิมพ์ให้พ่อผมฟังอย่างตั้งใจ…”
“ผมจำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง หล่อนไม่ระวังทำแก้วน้ำตกลงพื้น ทั้งน้ำและเศษแก้วก็กระเด็นไปบนพื้น และบังเอิญผมเห็นเข้า หล่อนกลัวว่าผมจะดุ จึงรีบใช้มือของหล่อนทำความสะอาดอย่างเร่งรีบ และโดนกระจกบาดมือ”
“พอดีแม่บอกว่าถึงเวลากินยาแล้ว ผมจึงไม่ได้สนใจหล่อน และไปหายา แต่เพราะไม่ค่อยได้อยู่ที่โรงพยาบาลบ่อยมาก เลยไม่รู้ว่ายาอยู่ที่ไหน ซึ่งในตอนนั้นผมเองก็ทั้งรีบทั้งโกรธ จึงตะโกนเรียกเฝิงเซียนเซียนโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น”
“ทันทีที่หล่อนได้ยินเสียงของผม ก็รีบยกน้ำแก้วหนึ่งพร้อมกับถือยาไว้ในมือแล้ววิ่งมา”
“ผมเห็นเลือดบนแก้วน้ำหยดหนึ่งค่อยๆไหลลงและตามมาด้วยหยดที่สอง หยดที่สาม…”
“ในตอนนั้นเองตาผมก็แดงและจมูกก็เริ่มแสบ”
ไป๋ยี่เฟยฟังเงียบๆแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ดังนั้นคุณเลยชอบหล่อน?”
เย่ฮวนส่ายหน้าและยิ้ม “ไม่ใช่ ผมแค่รู้สึกซาบซึ้งใจมาก อย่างไรเสีย ในตอนนั้น ผมมีการหมั้นหมายอยู่แล้ว”
“เอ๋?” ไป๋ยี่เฟยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พอคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ เพราะในตระกูลใหญ่มักมีการเกี่ยวดองสมรสกันอยู่บ่อยครั้ง และการหมั้นหมายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เหมือนอย่างเช่นฉางเชี่ยวกับฉุงลี่หย่า
เย่ฮวนยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบไปคำหนึ่ง แล้วถอนหายใจพร้อมกับพูดว่า “ตอนที่คุณปู่ยังอยู่ ก็กำหนดงานแต่งงานให้ผมกับลูกสาวของเหลียงหมิงเยว่ เหลียงยู่”
ไป๋ยี่เฟยเบิกตากว้างทันทีบ้าเอ๊ยที่แท้ก็คือเหลียงยู่นั่นเอง!
ไป๋ยี่เฟยนึกภาพไม่ออกเลยว่า ผู้หญิงที่ห้าวหาญอย่างเหลียงยู่เนี่ยนะ ถ้าแต่งงานแล้วจะอย่างไรเน้อ? หรือ ถ้าเจอเข้ากับคนที่ชอบจะเป็นอย่างไร?
“แล้วภายหลังคุณยังไงกับ…”
เย่ฮวนส่งเสียงยิ้มเจื่อนๆ “เพราะตอนนั้นอาสี่กำลังจะวางแผนให้ผมออกจากเมืองหลวง แต่อารองบอกว่าผมมีการหมั้นหมายแล้ว ให้ผมแต่งงานแล้วค่อยไป”
“คุณก็รู้อยู่นิว่า ฐานะของเหลียงหมิงเยว่มีความหมายต่อสี่ตระกูลใหญ่อย่างไร และอารองก็ไม่อยากเห็นผมแต่งงานกับเหลียงยู่”
และตอนนั้นเหลียงหมิงเยว่ก็ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นประธานสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงด้วย โดยเขาก็ได้ควบคุมสี่ตระกูลใหญ่ไว้ ถ้าเย่ฮวนแต่งงานกับเหลียงยู่จริงๆ เช่นนั้นเหลียงหมิงเยว่จะต้องช่วยเย่ฮวนค้นหาความจริงในตอนนั้นได้อย่างแน่นอน
“ดังนั้น ภายนอกอารองจึงพูดว่าจะต้องแต่งงานให้เสร็จ แต่จริงๆแล้วเขาแค่ต้องการฆ่าคุณทิ้ง? ไป๋ยี่เฟยหยิบแก้วไวน์แดงแก้วนั้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แล้วจิบเบาๆ
เย่ฮวนไม่ได้ตอบ แต่เพียงด้วยพูดเสียงเฉยชาว่า “เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเลยออกจากเมืองหลวงไป และผมก็ลากตัวเฝิงเซียนเซียนไปหาเหลียงหมิงเยว่ แล้วบอกว่าผมอยู่กับหล่อนแล้ว และยังบอกอีกว่าเฝิงเซียนเซียนมีลูกของผมแล้วด้วย”
“เหลียงหมิงเยว่รักเหลียงยู่มาก และไม่อยากได้ลูกเขยอย่างผม ดังนั้นจึงถอนหมั้นแล้ว และผมจึงสามารถออกจากเมืองหลวงไปได้อย่างราบรื่น”
“และในที่สุดโดยการพึ่งพาความสัมพันธ์ของอาสี่จึงสามารถตั้งหลักมั่นคงในเป่ยไห่ได้”
สายตาของเย่ฮวนในตอนนี้แฝงไว้ด้วยความเหี้ยมโหด และดวงตาก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ราวกับว่าอยากจะฉีกอะไรบางอย่างออกเป็นชิ้นๆ
ไป๋ยี่เฟยมองแค่แวบเดียวก็ไม่ได้มองอะไรมาก
เย่ฮวนพูดต่อว่า “ซึ่งต่อมา อยู่ๆ เฝิงเซียนเซียนก็มาหาผม บอกว่าจะแต่งงานกับผม”
“แต่ผมก็ไม่ได้เห็นด้วย”
“เพียงแต่ตอนนั้นเพื่อออกจากเมืองหลวงและผมก็ไม่เคยมีความรู้สึกรักต่อหล่อนเลยแม้แต่น้อย”
“แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหล่อน พอผมไม่ตอบตกลง หล่อนก็คุกเข่าอยู่หน้าประตูบ้านผมตลอด”
“คุกเข่าทั้งวัน จนสุดท้าย หล่อนทนไม่ไหว ก็เลยเป็นลมไป”
“ผมเลยพาหล่อนไปโรงพยาบาล หลังจากที่หล่อนฟื้น ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย หล่อนก็ขอแต่งงานกับผม”
“ผมทำอะไรไม่ได้ เลยแสร้งทำเป็นตอบตกลงกับหล่อน และรอวันหลังค่อยหาโอกาสปฏิเสธ”
“แต่ทันใดนั้นหล่อนก็หยิบมือถือออกมาและให้ผมดูคลิป คลิปหนึ่ง”
ในคลิปนั้นเป็นคำพูดจากแม่ของเย่ฮวนถึงเย่ฮวน
“ลูก แม่รู้ว่าลูกไม่ได้มีความคิดนี้ แต่ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงคนหนึ่งมันสำคัญมาก ลูกพูดต่อคนมากมายว่าเซียนเซียนตั้งท้องของลูก และลูกก็ทำให้ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานคนหนึ่งกลายเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วได้อย่างไร?”
“เซียนเซียนก็เป็นเด็กดีคนหนึ่ง ทั้งตั้งใจทั้งมีความพยายาม อยู่เคียงข้างลูกก็ดูแลลูกอย่างดี ลูก อยู่กับเซียนเซียนเถอะ แต่งงานกับหล่อน ให้หล่อนเป็นภรรยาของลูกนะ”
“พ่อกับแม่ไม่ต้องการให้เซียนเซียนดูแลแล้ว แม่จะให้เซียนเซียนไปหาลูกนะ รอให้พวกลูกอยู่ด้วยกันก่อน แล้วค่อยเปิดดูคลิปนี้นะ”
“แม่ยังอยากเห็นพวกลูกมีหลานอยู่นะ! แต่น่าเสียดาย ที่แม่มองไม่เห็นแล้ว”
“หลังจากอยู่ด้วยกันแล้วพวกลูกต้องดูแลกันให้ดีนะ ดีกับเซียนเซียนหน่อยล่ะ จะรังแกหล่อนไม่ได้นะลูกรู้ไหม?
“ตอนนี้แม่พอใจมากแล้ว ไม่หวังอะไรมากแล้ว ลูก อย่าไปตามหาความจริงอะไรอีกเลยนะ”
“จริงด้วย แบบนี้ก็ดีมากแล้ว”
“ลูกกับเซียนเซียนแต่งงานกันแล้ว ค่อยมีลูก ค่อยดูแลน้องสาวลูกให้ดี และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับครอบครัว”
คลิปจบลง
เย่ฮวนจับข้อมูลในวิดีโอได้อย่างว่องไว ทันใดนั้นตาก็แดงก่ำ พร้อมกับคว้าตัวเฝิงเซียนเซียนไว้ แล้วถามเสียงดังว่า “หมายความว่ายังไง?” ทำไมแม่ผมถึงบอกว่ามองไม่เห็น?”
“ทำไม?” เย่ฮวนออกแรงเขย่าเฝิงเซียนเซียน เพราะเขามีการคาดเดาอยู่ในใจแล้ว แต่แค่ไม่อยากเชื่อเท่านั้น
เฝิงเซียนเซียนเห็นว่าเย่ฮวนทำขนาดนี้ ก็พูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “คุณน้า…จากไปแล้ว”
……
บนดาดฟ้า สายลมโชยพัดมาเบาๆ
เย่ฮวนพูดจบก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และกะพริบไม่หยุด ราวกับว่าต้องการบีบของเหลวบางอย่างกลับไป