บทที่407
หยางหนิวเดินเข้ามาตรงกลางและยืนนิ่งอยู่หน้าโต๊ะหลักฐานทางกายภาพ ล้องมือลงไปในกระเป๋าเสื้อและควานหา นาทีต่อมา ก็หยิบมีดที่มีคราบเลือดสีแดงเข้มออกมา
ทุกคนนั่งตัวตรงพยายามมองไปที่สิ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหลักฐานทางกายภาพนั้น
หลังจากทางตระกุลฉุงได้เห็นมีดนั้นแล้ว ต่างพากันเงียบและตื่นตระหนก
ส่วนด้านของไป๋ยี่เฟยนั้น ยังคงดูไม่ออกเพราะพวกเขานั้นแสดงออกแบบนั้นตั้งแต่ต้นจนจบแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
หลังหยางหนิวแสดงหลักฐานทางกายภาพแล้วพูดขึ้น: “นี่คืออาวุธที่ใช้ฆ่า มีลายนิ้วมือของเซินเหอ และ DNA ของหวังไห่อยู่ด้วย พวกคุณตรวจสอบได้”
“เซินเหอคือฆาตกรที่ฆ่าหวังไห่”
“ส่วนฐานะของเซินเหอนั้น คิดว่าทุกคนคงคุ้นเคย เขาคือคนที่อยู่ข้างกายฉุงโยวเวย”
เมื่อคำพูดจบลงฉุงเฉ่าเจว๋และทนายหูก็สะดุดกึกในใจ และเสียท่าในทันใด
ผู้พิพากษาเห็นเช่นนั้นจึงถามขึ้น: “โจทก์ พวกคุณยังมีอะไรต้องการจะพูดหรือไม่?”
ทนายหูยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหน้า “ไม่มีแล้วครับ”
พยานบุคคล หลักฐานทางกายภาพ มีหมดแล้ว ยังจะพูดอะไรได้อีก?
ฉุงเฉ่าเจว๋ก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก ตอนนี้เขาคิดถึงเรื่องที่มากกว่านั้น ในขณะเดียวกันก็รู้ว่าวันนี้เขาแพ้แล้วอย่างสิ้นเชิง
หยางหนิว คนนี้ดูเฉื่อยชาและไม่แยแสแต่เขาไม่คิดว่ามันเป็นแค่บุคลิกส่วนตัว แต่เป็นเพียงเพราะเขามั่นใจและไม่กลัวตัวตนของทุกคนที่นี่
คนแบบนี้ ไม่มีทางเป็นคนของไป๋ยี่เฟย
สถานะของคนในสี่ตระกูลใหญ่นั้นคล้ายคลึงกันดังนั้นหยางหนิว ไม่น่าจะทัศนคติแบบนี้ต่อพวกเขา ท่าทีของเขาบอกได้แค่เพียงว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเขาจะต้องใหญ่กว่าสี่ตระกูลใหญ่แน่นอน
คนที่สามารถอยู่เหนือสี่ตระกูลใหญ่ ก็มีเพียงความเป็นไปได้ว่าเป็นคนจากสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง!
สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงอยากจะช่วยไป๋ยี่เฟย!
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ฉุงเฉ่าเจว๋ก็ตกตะลึงและอ่อนแออย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เขาคิดแค่อยากจะแก้แค้นให้ลูกชาย ตอนนี้กลับต้องยอมแพ้เพราะการแทรกแซงของสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง
ไม่เต็มใจ โกรธ กลับไม่กล้าพูดมาก
ฉุงเฉ่าเจว๋เงยหน้ามองไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยมีสีหน้าเมินเฉยแต่ก็ยังมีรอยยิ้มอยู่บ้าง
เห็นดังนั้น ฉุงเฉ่าเจว๋กำหมัดแน่น เขากลัวว่าเขาจะทนไม่ได้และลงมือฆ่าไป๋ยี่เฟยในศาลนี่เสียเลย
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมไป๋ยี่เฟยจึงได้สงบนิ่งตั้งแต่ต้นจนจบแบบนี้ เพราะเขาคำนวณมาก่อนแล้วอย่างดีแล้ว พัวพันถึงสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงทำเพื่อหน้าตาซึ่งไม่มีทางให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขาเป็นคนสั่งฆ่า เช่นนั้นการช่วยไป๋ยี่เฟยพลิกคดี ถือเป็นตราประทับเพื่อความราบรื่น
ถ้าหากเขายังโวยวายต่อไป เช่นนั้นก็จะกลายเป็นปรปักษ์กับสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง นี่ถือว่าไม่ดี ตระกูลใหญ่สี่ตระกูลนั้นต่างแก่งแย่งชิงดี ถ้าหากตระกูลฉุงผิดใจกับสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงแล้วล่ะก็ พวกเขาคงจะถูกอีกสามตระกูลนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ฉุงเฉ่าเจว๋ไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว เขากลัวแล้ว
ตอนนี้เองเมื่อผู้พิพากษาเห็นเช่นนี้จึงยกมือขึ้นเพื่อเคาะค้อนประธานเพื่อจะอ่านคำตัดสินตามที่สมควร
แต่กลับถูกทนายหูพูดขัดจังหวะ
“ศาลที่เคารพ ผมยังมีเรื่องอยากจะพูด”
“เชิญ” หยุดชั่วคราวแล้ววางค้อนในมือของเขาลง
ทนายหูพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย: “พยานบุคคลเมื่อครู่สามารถยืนยันได้ว่าหวังไห่ถูกฆ่าจริง และพิสูจน์จำเลยถูกข่มขู่ แต่นี่ไม่ได้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้เสียหายต้องการฆ่าคน และไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจำเลยฆ่าคนเพื่อป้องกันตัว”
ตอนนั้นอยู่ในห้องรับรอง เดิมทีคนที่อยู่ด้านนอกไม่สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยซ้ำ เมื่อตำรวจมาถึงเห็นมีเพียงไป๋ยี่เฟยเท่านั้นที่ฆ่าฉุงโยวเวยเท่านั้นเอง
หลังจากทนายหูพูดจบ คนตระกูลฉุงก็มีปฏิกิริยาตอบกลับทันที หลักฐานดังกล่าวข้างต้นสามารถพิสูจน์ได้ว่าหวังไห่ถูกสังหาร แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าไป๋ยี่เฟยป้องกันตัว
ฉุงเฉ่าเจว๋ผ่อนคลายลงเล็กน้อยและกล่าวว่า: “ศาลที่เคารพ สถานการณ์ในตอนนั้นเป็นอย่างไรพวกเราไม่อาจเข้าใจได้อย่างแจ่มชัด มีเพียงคำให้การของเขาเพียงฝ่ายเดียวจึงไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาฆ่าเพื่อป้องกันตัว”
ต่งหยีซวนยิ้มเล็กน้อยเมื่อเธอเห็นสิ่งนี้ ในที่สุดเธอก็ถึงคราวที่เธอจะได้พูดบ้างแล้ว แต่ในขณะที่เธอกำลังจะพูดไป๋ยี่เฟยก็ก้าวไปข้างหน้า
“แล้วถ้าผมมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าผมฆ่าเพื่อป้องกันตัวล่ะ?” ไป๋ยี่เฟยถามอย่างเรียบเฉย
ทนายหูพูดขึ้นในทันที: “หากคุณมีหลักฐานพิสูจน์ว่าตนเองนั้นฆ่าเพื่อป้องกันตัว ผมจะไม่พูดอะไรอีกเด็ดขาด!”
ฉุงเฉ่าเจว๋พูดตามขึ้นมาอย่างเหน็บแนม “เพ้อเจ้อให้มันน้อยหน่อย แกมีหลักฐานไหม?”
ในวันที่สองฉุงเฉ่าเจว๋ขอให้คนตรวจสอบกล้องวงจรปิดของไนต์คลับซิงคง แต่น่าเสียดายที่ทางไนท์คลับปกป้องความเป็นส่วนตัวของแขกจะไม่มีการกล้องในห้องส่วนตัว แต่มีเฉพาะด้านนอกของทางเดินเท่านั้น
ถ้าหากว่าไม่ได้เป็นแบบนี้ เขาคงจะสามารถพิสูจน์ความจริงที่ไป๋ยี่เฟยฆ่าคนได้โดยตรงแล้วและไม่ได้ถูกไป๋ยี่เฟยโต้กลับ และบอกว่าตนเองนั้นฆ่าคนเพื่อป้องกันตัว
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่ท่าทางมุ่งมั่นของฉุงเฉ่าเจว๋และยิ้ม “เอาหลักฐานออกมาสิ!”
ครั้งนี้คนที่มาคือเฉินห้าว เฉินห้าวหยิบปากกาบันทึกเสียงขนาดเล็กและส่งให้ผู้พิพากษา
จากนั้นผู้พิพากษากดสองครั้งและเครื่องบันทึกจะเริ่มเล่นโดยอัตโนมัติ
“ฉันคือหลานชายของหวังไห่”
“เล่นอะไร?”
“แกแม่งเป็นหลานของหวังไห่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว? ก็แกฆ่าเขา! ฉันมาที่นี่เพื่อเก็บหนี้!”
……
“น่าเสียดายที่แกปล่อยให้เถาเยวปิดมันเอาไว้ แต่ผู้หญิงท้องจะให้ปิดยังไง นอกเสียจากเธอจะหายไป หวังไห่รู้ว่าเถาเยว ไม่ได้ท้องลูกของเขาก็เลยต้องการจะให้เอาออก”
“หลังจากแกรู้แล้วก็ให้คนแอบเข้าไปฆ่าหวังไห่แล้วโยนความผิดให้ไป๋ยี่เฟย”
เทปบันทึกเสียงนี้เป็นการยืนยันอีกครั้งเรื่องที่ว่าฉุงโยวเวนฆ่าหวังไห่ ฟังจนถึงตรงนี้ ฉุงเฉ่าเจว๋ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก
จนถึงตอนหลัง…
“ให้ฉันฆ่า ฆ่าเขาให้เตาย!”
“จะให้เขามีชีวิตออกไปไม่ได้!”
“ลงมือ!”
จากนั้นก็มีเสียงของการชกต่อยเตะและจากนั้นก็เงียบและจากนั้นก็มีการสนทนาสองสามครั้งพร้อมกับเสียงไฟฟ้าที่ไม่ชัดเจน
“ดีมาก ก่อนตายจำชื่อฉันเอาไว้ ฉันหลี่ป้า ที่ฆ่าแกไป๋ยี่เฟย!”
จากนั้นก็มีเสียงของของหนักกระแทกและหลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงดังขึ้นอีกสองสามครั้งจากนั้นเสียงของหลี่ป้าก็หายไป
และหลังจากนั้นเป็นเสียงของฉุงโยวเวยร้องขอความเมตตา สุดท้ายทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบ
การเล่นเทปบันทึกเสร็จสิ้น
เสียงตั้งแต่ฉุงโยวเวยสั่งให้คนไปฆ่าไป๋ยี่เฟยเป็นต้นมา ฉุงเฉ่าเจว๋กับทนายหูก็รู้แล้วว่ามันจบแล้ว
ช่วงหลังยิ่งไม่ต้องพูดถึงเป็นเสียงของบอดี้การ์ดและหลี่ป้าที่ล้อมไป๋ยี่เฟย หลี่ป้ายังพูดอย่างชัดเจนว่าจะฆ่าไป๋ยี่เฟย เสียงโจมตีในตอนหลังก็สามารถจะจินตนาการได้ว่าหลี่ป้ากำลังทำร้ายไป๋ยี่เฟย
สุดท้ายไม่รู้ว่าไป๋ยี่เฟยฆ่าหลี่ป้าได้อย่างไร และในเวลานั้นเพราะเผชิญหน้ากับการคุกคามของความตายไป๋ยี่เฟยจึงสูญเสียสติสัมปชัญญะเขาไป ดังนั้นจึงไม่มีสติเมื่อฉุงโยวเวยที่อยู่ตรงหน้าร้องขอความเมตตา แล้วฆ่าฉุงโยวเวยเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของตนเอง
อันที่จริงเทปบันทึกเสียงอันนี้ผ่านการจัดการมาแล้ว มีบางส่วนถูกตัดไป เช่นตอนที่ไป๋ยี่เฟยบอกว่าตนเองมาเพื่อฆ่าฉุงโยวเวย และเช่นตอนที่ไป๋ยี่เฟยฆ่าหลี่ป้าด้วยประทัด อีกทั้งเช่นคำพูดที่ฆ่าฉุงโยวเวยกล่าวในตอนท้าย
ต่งหยีซวนเห็นเช่นนั้นจึงรีบพูดขึ้น: “เมื่อพิจารณาจากเทปบันทึกเสียง ลูกความของดิฉันไปที่นั่นเพราะเรื่องที่ผู้เสียหายฆ่าหวังไห่ แต่ผู้เสียหายไม่ยอมรับ อีกทั้งยังมีความคิดจะฆ่าลูกความของดิฉัน”
“ลูกความของดิฉันถูกบอดี้การ์ดและยอดฝีมือล้อมเพื่อทำร้าย สถานการณ์เช่นนี้เพื่อปกป้องตนเอง ลูกความของดิฉันไม่สามารถที่จะไม่ตอบโต้ได้ อีกทั้งยังสูญเสียสติสัมปชัญญะในตอนหลัง สิ่งนี้ทำให้เขาได้ฆ่าคนไปหลายคน”
“ทั้งหมดนี้เป็นการฆ่าเพื่อปกป้องตัวเอง”
พูดจบ ผู้พิพากษามองไปที่โจทก์ทนายหูดูเหมือนจะต้องการพูดอะไรบางอย่างเพื่อหักล้าง แต่ก็ไม่สามารถหักล้างทุกอย่างได้แล้ว
ตอนนี้เอง ฉุงเฉ่าเจว๋กล่าวอย่างเคร่งขรึม: “ศาลที่เคารพ ผมไม่มีอะไรจะพูด ถอนฟ้อง”
ดวงตาของทนายหูเบิกกว้างด้วยความตกใจแม้ว่าหลักฐานจะดูยุ่งยากไปหน่อยตราบใดที่เขาขอเลื่อนการพิจารณาคดีของศาลและตรวจสอบอีกครั้งเขาอาจพบบางสิ่งบางอย่างและเขาจะสามารถพลิกเกมได้
แต่ฉุงเฉ่าเจว๋ยอมแพ้แล้วอีกทั้งยังเป็นฝ่ายถอนฟ้อง
ผู้พิพากษากลับไม่รู้สึกประหลาดใจและประกาศผลอย่างสงบนิ่ง: ไป๋ยี่เฟยฆ่าคนเพื่อป้องกันตัวและโจทก์ได้ถอนฟ้องและพ้นผิด!
เมื่อประกาศจบแล้ว ในที่สุดไป๋หู่และคนอื่น ๆ ก็มีการแสดงออกทางสีหน้า พวกเขาไม่สามารถที่จะกลั้นหัวเราะหรือปรบมือและส่งเสียงเชียร์ได้ เรียกได้ว่าพวกเขาตื่นเต้นมาก
ไป๋ยี่เฟยกลับนิ่งสงบและพูดกับฉุงเฉ่าเจว๋ที่ลุกขึ้นและกำลังจะเดินจากไป: “ผมทำได้ตามที่พูดแล้ว คุณมาจากไหนก็กลับไปทางนั้น!”
ฉุงเฉ่าเจว๋นิ่งไปครู่หนึ่งดวงตาดูเศร้าหมอง
ทุกคนต่างคิดว่าด้วยท่าทีของไป๋ยี่เฟยเช่นนี้ ฉุงเฉ่าเจว๋จะโกรธ แต่ฉุงเฉ่าเจว๋กลับนิ่งสงบและมีเพียงสายตาที่น่าสะพรึงกลัว