บทที่402
สถานที่คุมตัวผู้ต้องสงสัยเป่ยไห่
ไปยี่เฟยถูกผู้คุมนำตัวไปที่ห้องรับรองชั่วคราว เขานั่งลงและมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ต่งหยีซวน ที่อยู่ตรงข้ามนั้นสวมชุดเดรสสีขาวและเสื้อกันลมสีเบจ ผมยาวปานกลางและตรง หน้าตาไม่เลวและมีดวงตาเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง
ยังไม่ทันที่ไป๋ยี่เฟยจะพูดอะไร ต่งหยีซวนก็แนะนำตัวเองขึ้นมาเสียก่อน “ฉันชื่อต่งหยีซวน ค่ะ เป็นทนายของคุณ”
“คุณมีอะไรอยากจะพูดไหมคะเกี่ยวกับเรื่องคดี ฉันสามารถช่วยได้”
ไป๋ยี่เฟยนิ่งไปเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น: “ไม่มี”
ครั้งนี้กลับเป็นต่งหยีซวน ที่นิ่งไป ตามหลักแล้วพวกลูกคนรวยมักจะเป็นพวกรักตัวกลัวตาย แต่การแสดงออกของไป๋นี่เฟยกับนิ่งสงบ ไม่แยแสหรือว่ามีความมั่นใจ?
ไม่ จะมีความมั่นใจได้ยังไง?
ต่งหยีซวน ขมวดคิ้ว “ดีค่ะ คดีนี้ไม่มีทางจะแก้ไขอะไรได้ อย่างไรก็ตามฉันจะพยายามให้ดีที่สุดในชั้นศาล”
“งั้นแบบนี้จะมีความหมายเหรอ?” ไป๋ยี่เฟยถาม
ต่งหยีซวน ตอบ: “มีเงินก็มีความหมายค่ะ”
ความรู้สึกก็มาพร้อมเงินนั่นแหละ
“ตอนนี้คุณอายุเท่าไหร่แล้ว?”
“24” ต่งหยีซวน เดิมทีไม่อยากที่จะตอบแต่เมื่อพิจารณาว่าอีกฝ่ายคงไม่มีวันเวลาในการใช้ชีวิตเหลืออยู่มากแล้ว จึงไม่ปิดบัง
ไป๋ยี่เฟยอ๋อรับหนึ่งคำ “นี่เป็นคดีแรกของคุณรึเปล่า?”
“ค่ะ” ต่งหยีซวน พยักหน้า
ไป๋ยี่เฟยถามขึ้นอีก: “คดีแรกก็ทำคดีแบบนี้แล้ว ไม่คิดถึงความก้าวหน้าในอาชีพการงานในอนาคตเหรอ?”
“มีเงินก็พอแล้วค่ะ” ต่งหยีซวน ตอบ “ใช่แล้ว ผู้ช่วยของคุณให้ฉันบอกคุณว่าภรรยาของคุณเดินทางไปเมืองหลวง เพื่อช่วยคุณ เธอเดินทางไปบ้านตระกูลไป๋พร้อมแม่ของคุณ แต่ก็ไม่ได้พบกับตระกูลไป๋ พวกเรารออยู่ด้านนอกตลอดเวลา จากนั้นสามวันก็เป็นลมล้มไป”
“เป็นลมไป?” ไป๋ยี่เฟยบีบหูฟังในมือแน่นและเงียบไปครู่หนึ่ง
ต่งหยีซวน มองเขาแปลก ๆ “ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ฉันวางก่อนนะคะ”
พูดจบต่งหยีซวน ก็วางสายโทรศัพท์และออกไปทันที
ไป๋ยี่เฟยถูกพาตัวกลับไปด้วยสติล่องลอยและนั่งคนเดียวบนเตียง
เขารู้ว่าเรื่องราวครั้งนี้จะต้องทำให้หลี่เสว่เป็นกังวลเป็นอย่างมาก แต่เขาคิดไม่ถึงว่าหลี่เสว่จะไปตั้งใจไปที่เมืองหลวง เพื่อขอพบตระกูลไป๋เพื่อขอให้คนมาช่วยเขาโดยเฉพาะ อีกทั้งยังเป็นลมล้มพับเพราะรออยู่ถึงสามวัน
และที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงยิ่งกว่าคืออู๋กุ้ยเซียง
ไป๋ยี่เฟยไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับอู๋กุ้ยเซียงและไป๋หยุนเผิงและไม่มีความรู้สึกใดเลย
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังสิ่งที่ อู๋กุ้ยเซียงแสดงให้เห็นคือแทบจะไม่มีความรักจากแม่ที่มีต่อลูกชายของเธอ สิ่งนี้ทำให้เขาหวั่นไหวเล็กน้อย
บางทีครอบครัวที่ไม่คุ้นเคยนั้นอาจจะยังคงมีสายใยอบอุ่นหลงเหลืออยู่
หลิวโส่วและพวกเห็นไป๋ยี่เฟยเป็นแบบนี้ต่างก็พากันเป็นห่วงแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวน
พูดตามจริงครึ่งเดือนมานี้ ในห้องคุมขังของพวกเขานั้นมีความสงบสุขที่สุดแล้วก็ว่าได้ ทุกวันกินอิ่มนอนหลับตรงเวลา บางครั้งยังมีการล้อมวงกันเพื่อเล่นเกมกันด้วย มันช่างมีความสุขมาก
ทั้งหมดนี้ต้องถือว่าเป็นหนี้บุญคุณไป๋ยี่เฟยแล้ว
หลังจากไป๋ยี่เฟยเป็นพี่ใหญ่แล้ว เขาก็ไม่ปล่อยให้ใครต้องมารับใช้ ต่างคนต่างดูแลเรื่องของตนเองก็พอแล้ว
ยิ่งกว่านั้นทุกคนต่างรู้ดี ไป๋ยี่เฟยฆ่าคนเพราะต้องการแก้แค้นให้พี่น้องและเพื่อน จึงยิ่งรู้สึกว่าไป๋ยี่เฟยเป็นคนมีคุณธรรมคุ้มค่าที่จะคบหา
หลิวโส่วเห็นทุกคนมองเขาเพียงเพราะเขามีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีกับไป๋ยี่เฟย ดังนั้นจึงถูกผลักออกไปให้เขาเป็นตัวแทนทุกคนไปถามไถ่
“พี่? พี่ไม่เป็นไรนะ?” หลิวโส่วเดินเข้าไปและนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยได้สติและมีความแน่วแน่ในสายตาของเขาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “ฉันไม่เป็นไร”
“พี่ ทนายพี่เขาว่าไงบ้าง?” หลิวโส่วถาม
ไป๋ยี่เฟยรับรู้ถึงความหวังดีของพวกเขาจึงตอบ “ไม่มีอะไรทางออกอะไร”
หลิวโส่วไม่แปลกใจ คดีฆ่าคนตายแบบนี้บวกกับถูกตำรวจจับได้คาหนังคาเขา หากมีทางออกอื่นก็เรียกว่าเห็นผีแล้วสิ!
“พี่ อย่าเสียใจไปเลย อย่างมากก็แค่อีกยี่สิบปีเกิดใหม่เป็นชายชาตรีอีกครั้ง!”
“นั่นสิ…” คนอื่น ๆ ต่างพยักหน้าและเห็นด้วย
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะ “ตอนนี้ฉันก็เป็นชายชาตรีอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นจะยังคงเป็นต่อไป ไม่ต้องรอยี่สิบปีหรอก”
“พี่?” หลิวโส่วไม่เข้าใจ ทำไมจึงได้มีความรู้สึกแปลก ๆ?
ไป๋ยี่เฟยยิ้ม “รอดูเถอะ!”
……
เวลาครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงวันที่ไป๋ยี่เฟยต้องขึ้นศาล
ไป๋ยี่เฟยถูกใส่กุญแจที่ข้อมือและข้อเท้าและถูกนำตัวขึ้นรถเพื่อเดินทางไปยังศาลฎีกาเมืองเป่ยไห่
ในเวลาเดียวกันหน้าที่ทำการศาลในเมืองเป่ยไห่ก็มีชีวิตชีวาผิดปกติ
วันนี้เป็นวันเปิดพิจารณาคดีของไป๋ยี่เฟย ฉุงโยวเวยได้เตรียมจัดให้คนในตระกูลฉุงไปประจำการนอกศาลก่อนเวลาและคนที่สนิทที่สุดก็ติดตามฉุงเฉ่าเจว๋
ในเวลานี้ฉุงเฉ่าเจว๋นั่งอยู่ในรถBentleyพร้อมกับหญิงสาวผิวสีและชายวัยกลางสวมแว่นตาคนหนึ่ง
“ท่านฉุงสาม ท่านนี้คือทนายหู”
ฉุงเฉ่าเจว๋มองทนายหูที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ทนายหูยิ้มแล้วพูดขึ้น “ท่านฉุงสาม เป็นเกียรติที่ได้เป็นทนายความของคุณ”
“ก็แค่ครั้งนี้เท่านั้นแหละ” ฉุงเฉ่าเจว๋ไม่ไว้หน้า แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดมากไป ทนายหูเป็นทนายมือหนึ่งในเมืองหลวง เขาไม่เคยแพ้ในคดีที่เขารับทำ
ทนายหูเองก็ไม่ถือโทษ ตระกูลฉุงเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่แบบนี้มีนิสัยไม่ดีบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
“ท่านฉุงสามวางใจ คดีนี้ไม่มีทางแพ้แน่นอน พวกเขาไม่มีทางหาหลักฐานได้” ทนายหูพูดอย่างมั่นใจ
ฉุงเฉ่าเจว๋พยักหน้า เขาวางใจในจุดนี้มา แต่อย่างไรเสียเพื่อเป็นการป้องกัน เขาถามหญิงผิวสีดำ “เรื่องที่ฉันให้เธอไปตรวจสอบวันนั้น ได้เรื่องรึยัง?”
“ตรวจสอบแล้วค่ะ แต่ยังต้องใช้เวลาอีกสักนิดกว่าจะได้ข่าวกลับมา”
“ยังทัน” ฉุงเฉ่าเจว๋พยักหน้า
ทนายหูได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ลูกความของเขาดูเหมือนจะปกปิดเรื่องอะไรบางอย่างจากเขา หวังเพียงว่ามันจะไม่ส่งผลเสียต่อรูปคดี
ฉุงเฉ่าเจว๋พูดเสร็จหันไปเพื่ออยากจะดูว่าไป๋ยี่เฟยมาถึงแล้วหรือยัง แต่กลับเห็นคนสองคน