บทที่ 396
ขณะเดียวกัน ในห้องผู้ป่วยวีไอพีของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองหลวง คนที่วางสายก็ขมวดคิ้ว
“คิดไม่ถึงเลยว่า จะโดนไป๋ยี่เฟยวางสายใส่”
เหลียงเหว่ยชาวที่กำลังรินน้ำอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยก็อึ้งไปสักครู่ “เป็นอะไร? ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยไม่ได้อยู่ที่สถานีตำรวจงั้นเหรอ”
ใช่ และคนที่อยู่บนเตียงในตอนนี้คือ เหลียงหมิงเยว่ คนที่ไป๋ยี่เฟยเคยช่วยไว้ก่อนหน้านี้ ที่ตอนนี้เหลียงเหว่ยชาวกำลังดูแลอยู่นั่นเอง
เหลียงหมิงเยว่ยิ้มอย่างขมขื่น “ไป๋ยี่เฟยขอให้เสี่ยวยู่บอกผมว่า เขารู้จักฐานะของเสี่ยวยู่”
ท่าทีในการรินน้ำของเหลียงเหว่ยชาวก็หยุดลง “ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ข่มขู่คุณอยู่งั้นเหรอ? ถ้างั้นเขาก็จะเกี่ยวข้องในการสังหารหวังไห่ และการตายของหวังไห่ก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่นายสั่งฆ่าไป๋ยี่เฟย ถ้าเช่นนั้นการที่ฉุงโยวเวยฆ่าไป๋ยี่เฟย ก็เป็นเรื่องที่ทําให้ตํารวจได้รับบาดเจ็บสาหัสและเรื่องนี้มันก็ไม่อาจปิดบังได้ และเมื่อถึงเวลานั้นทุกอย่างก็จะเกี่ยวข้องกันเองอย่างสิ้นเชิง”
เหลียงหมิงเยว่ยิ้มอย่างขมขื่นและพยักหน้า “ที่สำคัญ เขาเป็นคนขอให้เสี่ยวยู่ฝากคำพูดมาให้ผม”
เหลียงเหว่ยชาวตกใจ “เขาตรวจสอบคุณแล้วเหรอ!”
เหลียงหมิงเยว่พยักหน้า “ถ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ ผมก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล แต่ประเด็นคือเขารู้ว่าจุดอ่อนของผมคือเสี่ยวยู่ดังนั้นเขาจึงฝากคำพูดกับเสี่ยวยู่ ”
ในตอนแรกนั้นเหลียงยู่ทะเลาะกับเหลียงหมิงเยว่เพราะเรื่องการตายของแม่เขา แต่เหลียงหมิงเยว่ก็ปรับความเข้าใจ และเกลี้ยกล่อมเหลียงยู่ได้ในที่สุด ซึ่งโดยปกติแล้วเขามักจะใส่ใจเหลียงยู่อยู่เสมอ
เหลียงยู่ไม่รู้อะไรเลย และเหลียงหมิงเยว่ก็ไม่อยากให้เหลียงยู่รู้อะไรไปมากกว่านั้น
ถ้าไป๋ยี่เฟยมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เหลียงยู่จะต้องรู้อย่างแน่นอนว่าเรื่องนี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับตัวเขา และหากเมื่อถึงตอนนั้นเขาอาจจะเข้าใจผิดอีกครั้ง หรือกระทั่งเกลียดเหลียงหมิงเยว่เลยก็เป็นได้
ไป๋ยี่เฟยได้ทำการตรวจสอบและศึกษาอย่างชัดเจนก่อนแล้ว ดังนั้นเขาถึงได้แม่นยําขนาดนี้
เหลียงเหว่ยชาวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ไป๋ยี่เฟยคนนี้ประมาทไม่ได้เลยจริงๆ”
“แต่ที่เขาทำแบบนี้เพื่ออะไรกันล่ะ?” เหลียงเหว่ยชาวสงสัย “แต่แม้ว่าเราอยากจะช่วยเขามากเท่าไหร่ และไม่ว่าจะมีทั้งหลักฐานส่วนตัวหรือหลักฐานทางกายภาพ เราก็ไม่มีทางที่จะลงมือได้ เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็จะต้องตายอยู่ดี”
“แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเกี่ยวข้องกัน แต่มากที่สุดก็ทําได้แค่ให้ทั้งสองพ่ายแพ้และได้รับบาดเจ็บเท่านั้น งั้นก็แสดงว่า เขากำลังพยายามแก้แค้นคุณอยู่สิ?”
เหลียงหมิงเยว่ส่ายหน้า “มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก! ไป๋ยี่เฟยถึงขั้นกล้าฝากคำพูดกับเหลียงยู่ งั้นก็แสดงว่าเขามีแผนการที่จะรับมือแล้ว แต่ผมเองก็ไม่รู้ละเอียดขนาดนั้น ”
เขาเองก็คิดไม่ออกเหมือนกัน เพราะว่านี่เป็นเหมือนทางตัน แล้วจะต้องแก้ไขยังไงดีล่ะ?
“แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ” เหลียงเหว่ยชาวยื่นน้ำให้เหลียงหมิงเยว่
เหลียงหมิงเยว่ดื่มน้ำไปคำหนึ่ง แล้วถอนหายใจเบาๆ “งั้นคงต้องรอดูการเปลี่ยนแปลงก่อน แล้วค่อยลงมือในเวลาที่เหมาะสม!”
……
ณ คฤหาสน์หลันโปกั่ง
หลังจากที่หลี่เสว่รู้ว่าไป๋ยี่เฟยถูกจับในข้อหาฆาตกรรม หล่อนก็รู้สึกสับสนและทำอะไรไม่ถูกเลย ไม่สิ ควรพูดว่า โลกของหล่อนนั้น พังทลายหมดแล้ว
ไป๋ยี่เฟยต้องการล้างแค้นให้ฉินหัว และหล่อนก็ไม่สามารถหยุด หรือห้ามปรามเขาได้เลย ดังนั้นหล่อนจึงไม่ได้ห้ามและหยุดเขา แต่ ณ ตอนนี้หล่อนรู้สึกเสียใจมาก และคิดว่าหล่อนควรจะหยุดเรื่องนี้แต่แรกแล้ว
แต่ ตอนนี้ถึงแม้จะเสียใจไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว? เพราะไป๋ยี่เฟยถูกจับตัวไปแล้ว และอีกไม่นานเขาก็จะถูกตัดสินประหารชีวิต !
หลี่เสว่นั่งอยู่ในห้องของหล่อนตลอดทั้งบ่าย จนตกดึก หลี่เสว่ก็กลับมามีสติอีกครั้ง “ไม่สิ ฉันจะต้องหาทางช่วยเขาให้ได้! ”
หลี่เสว่จึงตัดสินใจไปพบหลี่เฉียงตง ที่คฤหาสน์ใกล้ๆ
“เสว่เอ๋อ ลูกมาแล้วเหรอ” หลี่เฉียงตงไม่แปลกใจกับการมาของหลี่เสว่เลย ทั้งยังรินชาร้อนๆให้หลีเสว่แก้วหนึ่งด้วย
หลี่เสว่พูดอย่างกังวนว่า “พ่อคะ มีวิธีไหนที่จะสามารถช่วยไป๋ยี่เฟยได้บ้างคะ?”
หลี่เฉียงตงถอนหายใจและพูดเบาๆว่า “ไม่มีทางไหนเลยลูก”
ใชค่ะ เพราะช่องว่างระหว่างฐานะ ซึ่งเดิมทีก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปยุ่งได้อยู่แล้วค่ะพ่อ
แววตาของหลี่เสว่หม่นหมองลงทันที “แล้วเราจะทํายังไงกันดีคะ? เขาจะต้องตายแน่…”
หลี่เฉียงตงตบบ่าหลี่เสว่ด้วยความปลอบโยน ” เสว่เอ๋อ ลูกต้องเชื่อในตัวไป๋ยี่เฟยนะ และอย่าไปกังวลมากเลย เพราะพ่อรู้ว่าเขาทํางานอย่างมีขอบเขตเสมอ ”
หลี่เสว่ส่ายหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง “เรื่องอย่างนี้จะให้หนูเชื่อได้ยังไงคะพ่อ? ตํารวจก็เห็นมันด้วยตาตัวเองแล้ว…”
“เสว่เอ๋อ บางทีเรื่องราวอาจพลิกผันก็ได้” หลี่เฉียงตงทนไม่ไหว เขาจึงต้องพูดประโยคนั้นออกไป
หลี่เสว่เงยหน้าขึ้น ดวงตาขอหล่อนแดงก่ำ “หมายความว่ายังไงคะ? พลิกผัน? พลิกผันอะไรคะพ่อ?”
หลี่เฉียงตงไม่ได้พูดว่า พลิกผันหมายถึงอะไร พูดแต่เพียงว่า “พ่อแค่เดาเหตุการณ์เท่านั้น ทุกอย่างมันไม่แน่นอนหรอกลูก”
หลี่เสว่อึ้งเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืน “หนูทราบแล้วค่ะ งั้นหนูไม่รบกวนเวลาพักผ่อนพ่อแล้วนะคะ หนูกลับก่อนนะคะพ่อ”
หลี่เฉียงตงพยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรมาก พร้อมกับมองดูหลี่เสว่เดินจากไป
ในตอนนั้นเอง หลิวจื่อหยุนก็เดินออกมา ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “เมื่อกี้ที่คุณพูดมันคือความจริงหรือแค่เรื่องโกหก? เรื่องนี้สามารถพลิกผันได้จริงเหรอ? ”
“ผมไม่รู้” หลี่เฉียงตงพูดอย่างเฉยเมย
หลิวจื่อหยุนได้ยินดังนั้นก็จ้องตาใส่หลี่เฉียงตง “ไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร? แต่นี่ไม่ใช่การให้ความหวังกับเสว่เอ๋อหรอกหรือ? หากตอนสุดท้ายแล้ว ผลลัพธ์ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ฉันจะคอยดูแล้วกันว่าคุณจะปลอบเสว่เอ๋อว่ายังไง! ”
หลี่เฉียงตงฝืนยิ้มอย่างจนปัญญา
……
ณ ริมฝั่งแม่น้ำในเมืองหลวงมีชายร่างสูงใหญ่และชายที่นั่งรถเข็นนั่งอยู่ด้วยกันที่นั่น
หลินขวางคุกเข่าลง และหยิบหินที่อยู่ข้างเท้าของเขาขึ้นมา เขาขว้างมันลงไปในน้ำ หลังจากนั้นไม่นาน หินก็กระดอนอยู่บนผิวน้ำสองสามครั้ง ก่อนที่มันจะหยุด และจมลงไปในน้ำ
ไป๋เซี่ยวนั่งมองออกไปอย่างเงียบๆบนรถเข็น เมื่อเห็นหลินขวางไม่มีทีท่าว่าจะเอ่ยปากพูดอะไร เขาจึงพูดขึ้นว่า “เรียกผมมาที่นี่เพื่อมาดูนายขว้างก้อนหินลงน้ำอย่างนั้นเหรอ”
หลินขวางขว้างไปอีกครั้งหนึ่ง “ไม่ใช่”
“แล้วเพื่ออะไรกันล่ะ” ไป๋เซี่ยวถาม
หลินขวางยืนขึ้นและมองไปที่ไป๋เซี่ยว “ ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยกำลังเดินอยู่บนเส้นทางแห่งความเป็นความตาย นายคงมีดีใจมากสินะ?”
ไป๋เซี่ยวไม่คิดว่าเขาจะถามอย่างนี้ แต่เขากลับพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมาและพูดว่า “ใช่ ผมดีใจมาก”
หลินขวางขมวดคิ้ว และเห็นได้ชัดว่า เขากำลังไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
ไป๋เซี่ยวก็เห็นดังนั้น จึงถามขึ้นว่า “ไป๋ยี่เฟยให้นายยุ่งเหรอ? แล้วการที่เขาจะตายหรือไม่ตายนั้นมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย? หรือนายคิดว่าเห็นเขาเพียงสองครั้ง ก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้วงั้นเหรอ? ”
หลินขวางกล่าวด้วยใบหน้าที่สงบ “เพื่อนไม่ได้ถูกกำหนดโดยจำนวนครั้งการเจอหน้าหรอกนะ”
งั้นก็แสดงว่า นายนับไป๋ยี่เฟยเป็นเพื่อนแล้วงั้นเหรอ? ไป๋เซี่ยวหัวเราะเยาะ “นายต้องรู้ว่า นายกับไป๋ยี่เฟยนั้นไม่เหมือนกัน บางทีเขาอาจไม่ต้องการนับนายเป็นเพื่อนก็ได้ ”
หลินขวางส่งเสียงเย็นชา “ฉันกับเขาจะเหมือนกัน หรือไม่เหมือนกัน หรือแม้แต่จะเป็นเพื่อนหรือไม่เป็นเพื่อนนั้น ฉันไม่ได้สนใจหรอก”
ไป๋เซี่ยวมองเขาอย่างงุนงง
หลินขวางถามอีกว่า “ถ้าเป็นนายล่ะ นายจะทำยังไง”
ไป๋เซี่ยวได้ยินดังนั้น ก็พูดอย่างช้าๆว่า “ถ้าเป็นผมงั้นเหรอ? ลูกผู้ชาย 10 ปี ล้างแค้นก็ไม่สาย ต้องมีสักวันหนึ่ง ผมจะให้คนที่รังแกผม รู้ชะตากรรมของการล่วงเกินผม ”
ดูเหมือนหลินขวางจะคาดเดาคำตอบได้ “นี่สิ คือความแตกต่างระหว่างผู้คน ถ้าหากเป็นผม ทางเลือกของผมก็คงเหมือนกับไป๋ยี่เฟย”
“ไอ้โง่” ไป๋เซี่ยวพูดอย่างไร้ความปราณี
หลินขวางหัวเราะเบาๆ “มันดูโง่ก็จริง แต่มันก็คุ้มค่ากับหัวใจของตัวเอง และไม่ได้รู้สึกละอายใจในตนเอง “
ไป๋เซี่ยวหันหน้ากลับไป “ นายก็เป็นนาย เขาก็เป็นเขา ที่เขาทำแบบนี้ เพราะไม่มีใครหยุดเขาได้ แต่สำหรับนายมันต่างกัน เพราะนายยังมีตระกูลหลินทั้งตระกูล นายคิดว่าตระกูลหลินจะอนุญาตให้นายทำอย่างนี้งั้นเหรอ ?”
“ใช่!” หลินขวางสูดหายใจเข้าลึกๆ “นายพูดถูก นี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้ผมต่างจากเขา ”
ไป๋เซี่ยวไม่ได้ตอบอะไร
หลินขวางพูดอย่างเคร่งเครียดว่า “งานวันเกิดพ่อผมในวันมะรืนนี้ เชิญนายมาร่วมงานด้วยนะ”
ไป๋เซี่ยวเงยหน้าขึ้นมอง “เชิญผมเหรอ? นายแน่ใจ?”
“ไม่ต้องสงสัยหรอกน่า ผมแค่เชิญคุณเปล่าๆ” หลินขวางเหลือบมองไปที่ไป๋เซี่ยว “ไป๋ยี่เฟยไม่มีทางจะไปแล้ว มิหนำซ้ำยังถูกตระกูลไป๋ทอดทิ้งอีก และนาย ก็เป็นทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่”
ไป๋เซี่ยวขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น “แล้วยังไงล่ะ? ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นจริงๆล่ะ? ”
“ไม่มีหรอก” หลินขวางตอบ
เรื่องนี้ จะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอน เพราะหลักฐานเป็นข้อสรุปของทุกอย่างแล้ว และจะเหลือเพียงผลลัพธ์เดียวที่ทุกคนต่างก็รู้กันอยู่แล้ว