บทที่ 395
“ไม่ได้!” กู่หรงตอบด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจ “นี่ก็ไม่ใช่แล้ว ดังนั้น ไม่ว่าผมจะทำยังไง ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม”
“นี่นาย !” กู่หรงไม่รู้ว่าจะควรพูดอย่างไงกับไป๋ยี่เฟยแล้ว เขาเหมือนหมูตายที่ไม่กลัวน้ำร้อนลวก และทําให้คนจนปัญญา
ในตอนนั้นเอง ไป๋ยี่เฟยก็มองไปที่ตำรวจหญิงที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งและถามว่า “บอกชื่อของคุณให้ผมหน่อยได้ไหม ? อย่างน้อยผมก็ได้รู้จักเพื่อนอีกคนก่อนที่ผมจะตาย”
นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว มันใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องไร้สาระเหรอ!
แต่ตํารวจหญิงกลับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่า “ฉันชื่อเหลียงยู่”
กู่หรงหันหน้าไปมองเหลียงยู่ด้วยความประหลาดใจ ไม่ใช่ว่า เหลียงยู่ไม่เคยอยากบอกชื่อตัวเองกับไป๋ยี่เฟยมาโดยตลอดหรอกเหรอ? ทำไมตอนนี้ถึงยอมบอกแล้วล่ะ? เขารู้สึกว่าทัศนคติของเหลียงยู่ที่มีต่อไป๋ยี่เฟยเปลี่ยนไป
เหลียงยู่ไม่ได้มองไปที่ กู่หรง แต่กลับมองไปที่ไป๋ยี่เฟย
“ชื่อไพเราะดีเหมือนกันนะ”
หลังจากพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็พูดกับกู่หรงว่า “คุณตํารวจครับ ผมสามารถพูดกับเธอตามลำพังได้ไหมครับ?” แค่ประโยคเดียวเท่านั้น จะไม่พูดอะไรมากอย่างแน่นอน ”
กู่หรงขมวดคิ้ว “ไป๋ยี่เฟย นี่นายคิดจะทําอะไรกัน? ผมบอกแล้วไงว่า ตอนนี้นายกําลังถูกสอบสวนอยู่นะ ไม่ใช่เวลาที่นายจะมาจีบสาวเล่นแบบนี้ ”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตอบโต้ใดใด แต่เขากลับมองไปที่ เหลียงยู่ อย่างเดียว
เหลียงยู่ครุ่นคิดสักพัก และพูดกับกู่หรง “หัวหน้าคะ บางทีเขาอาจจะพูดอะไรเกี่ยวกับคดีนี้?”
กู่หรงหยุดนิ่ง และไปมองที่เหลียงยู่อย่างประหลาดใจ สุดท้ายเขาจึงทำได้แต่ทำตามคำขอของเหลียงยู่
หากตามนิสัยแต่ก่อน เหลียงยู่ จะไม่มีทางให้ความสนใจกับคนอย่างไป๋ยี่เฟยเด็ดขาด แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมวันนี้เหลียงยู่ถึงได้ผิดปกติขนาดนี้ ทั้งทัศนคติที่มีต่อไป๋ยี่เฟยก็เปลี่ยนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เหลียงยู่ลุกขึ้นและเดินไปอยู่ข้างข้างไป๋ยี่เฟย “ พูดมาสิ !”
ไป๋ยี่เฟยส่งสัญญาณให้เหลียงยู่ก้มหน้าลง “ผมอยากกระซิบ ”
เหลียงยู่ก็ทำได้แค่ก้มหน้าลง และเข้าไปใกล้ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยพูดเบาๆ “ช่วยผมพูดประโยคหนึ่งให้พ่อคุณหน่อย ผมรู้จักฐานะของคุณ”
เหลียงยู่มองที่ไป๋ยี่เฟยด้วยสีหน้างุนงง “หมายความว่ายังไง? ”
“แค่คุณพูดให้พ่อคุณฟังก็พอล่ะ”
เหลียงยู่ยิ่งสงสัย ว่ามันมีความเกี่ยวข้องอะไรกับพ่อของหล่อนด้วย หรือบางทีเขาอาจรู้จักคุณพ่อของหล่อนด้วยหรือเปล่า? และทำไมเขาต้องฝากคำพูดไปให้พ่อด้วยล่ะ? แล้วมันมีความเกี่ยวข้องอะไรกับโทษของเขาด้วย?
เหลียงยู่กลับไปอย่างที่นั่ง แล้วคิดเกี่ยวกับปัญหาเมื่อสักครู่
กู่หรงเห็นดังนั้นแล้วก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “ไป๋ยี่เฟย นี่นายพูดอะไรไป ? นายจะทำอะไรอีกงั้นเหรอ”
ไป๋ยี่เฟยยักไหล่ “ไม่ได้อยากทําอะไรนิครับ? แค่คุยกันเปล่าๆ ”
กู่หรงยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ไป๋ยี่เฟยกลับชี้ไปที่กำแพงทางด้านขวามือและพูดว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิดนะ ข้างนอกมีคนกำลังมองผมอยู่?”
“ทั้งยังเป็น คนใหญ่คนโตซะด้วยสิ ใช่หรือเปล่า?”
กู่หรงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบไปว่า “ไม่นิ คุณทายผิดแล้ว”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มอย่างเฉยเมย “จะใช่หรือไม่นั้นมันไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ยังไงผมก็ยังไม่มีอะไรจะพูดอยู่ดี”
กู่หรงนิ่งเงียบ ใช่แล้ว ไม่ว่าจะพูดยังไงมันก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ดี? ยังไงมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนตอนจบที่ไปยี่เฟยต้องโดนโทษประหารชีวิตได้
“คุณตํารวจครับ จบได้แล้วหรือยัง ? อาการบาดเจ็บของผมมันยังไม่หายดี เจ็บมากเลยนะครับ ให้ผมไปพักได้แล้วหรือยังครับ? “ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเฉยเมย
เมื่อเห็นดังนั้นแล้วกู่หรงก็ถอนหายใจ พร้อมกับสั่งให้ตำรวจสองนายที่ยืนอยู่ข้างกำแพงประคองไป๋ยี่เฟย
ออกไป
ก่อนที่เขาจะออกไป คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ออกไปก่อนแล้ว
เมื่อกู่หรงเห็นเหลียงยู่ลุกขึ้นยืน เขาก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “เมื่อกี้ไป๋ยี่เฟยคุยอะไรกับคุณ? เขาขู่คุณหรือเปล่า? ”
เหลียงยู่ส่ายหน้า “ไม่ค่ะ เขาบอกว่า เขารู้จักฐานะของฉัน ”
กู่หรงอึ้งเล็กน้อย “มันหมายความว่ายังไง? ”
เหลียงยู่ส่ายหัว “ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
กู่หรงหลุบตาลงครุ่นคิด คำพูดนี้ มันหมายความว่ายังไง ประเด็นสำคัญคืออะไร?
……
หลังจากออกไป กู่หรงและเหลียงยู่ก็ไปที่ห้องสอบสวนข้างๆ ซึ่งในนั้น พวกเขาจะทำการถ่ายทอดสถานการณ์ในการพิจารณาคดีแบบเรียลไทม์
ที่นี่มีหลายคนนั่งอยู่ด้วยกัน สำหรับคนที่เป็นหัวหน้านั้นสวมเสื้อคลุมสีดำ เลยทำให้ผมสีเงินของเขาโดดเด่นมาก
“หัวหน้าครับ การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วครับ”
ชายคนนั้นพยักหน้า พร้อมกับแสดงท่าทีว่าทราบแล้ว จากนั้นเขาก็หันไปมองที่ เหลียงยู่ “เมื่อกี้เขาพูดอะไรกับคุณ? ”
“เขาพูดว่า ผมรู้จักฐานะของคุณ” เหลียงยู่ตอบอย่างตรงไปตรงมา แต่กลับไม่สนใจครึ่งประโยคก่อนหน้านี้เลย
“คนผมสีเงินนั้นอึ้งไปสักครู่ “คุณรู้จักฐานะของฉัน?”
“หือ?” เหลียงยู่ก็อึ้งไปเหมือนกัน “ฉันก็ไม่รู้? ”
ชายคนนั้นส่งเสียงไอเล็กน้อยแล้วถามกู่หรงว่า “ท่าทีเมื่อครู่ของเขานั้นดูเหมือนจะไม่สนใจชีวิตและความตายของตัวเขาเลย แต่ผมเห็นเขาไม่สนใจอะไรเลย ราวกับรู้ว่าตัวเองจะไม่ตาย ”
เมื่อเหลียงยู่กลับถึงบ้านก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว แต่ตั้งแต่ที่หล่อนได้ฟังคำพูดของไป๋ยี่เฟยแล้ว หล่อนก็เหม่อลอยและคิดไม่ออกเลยว่าคำพูดของไป๋ยี่เฟยนั้นหมายถึงอะไร
แต่หล่อนก็ยังมีความคิด ที่จะลองโทรหาพ่อของหล่อน
“พ่อคะ?”
“เสี่ยวยู่ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”
“มีคนฝากคำพูดมาให้พ่อค่ะ”
“พูดว่ายังไงบ้าง?”
“เขาพูดว่า ผมรู้จักฐานะของพ่อ”
สายติดขัด “ใครฝากคำพูดให้ลูก?”
“เป็นนักโทษที่สอบปากคําวันนี้ค่ะพ่อ” เหลียงยู่ตอบ
ในครั้งนี้สายนั้นก็เงียบไปทันที
“พ่อคะ? เป็นอะไรไปคะ? พ่อยังอยู่หรือเปล่าคะ? ” เหลียงยู่ร้องเรียกหลายครั้ง โดยไม่ได้ยินเสียงตอบกลับอะไรเลย
เสียงในโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เสียงดัง และทุ้มกว่าเดิม “พ่อยังอยู่ บอกพ่อสิว่า คนนั้นชื่ออะไร”
“ไป๋ยี่เฟยค่ะพ่อ”
“แน่ใจว่าชื่อ ไป๋ยี่เฟย”
“แน่ใจค่ะ”
“อืม พ่อรู้ล่ะ”
“” พ่อคะ เขาหมายความว่ายังไงคะ? ” เหลียงยู่ยังไม่เข้าใจว่า ทําไมพ่อถึงพูดว่ารู้แล้ว?
พ่อของหล่อนไม่ได้พูดอะไรมาก พูดแค่ว่า “ไม่มีอะไรหรอกลูก ตั้งใจทำงานของลูกไปเถอะ เข้านอนเช้าๆหน่อยล่ะ”
“ค่ะ พ่อก็เข้านอนเช้าๆเหมือนกันนะคะ”
หลังจากวางสายแล้ว เหลียงยู่ก็รู้สึกว่าเหมือนพ่อของหล่อนจะรู้อะไรบางอย่าง แต่แค่ไม่บอกหล่อนเท่านั้น หรือว่าจะมีความลับอะไรหรือเปล่า?
ก็ใช่ว่าอาจมีความเป็นไปได้
ในตอนแรกหล่อนคิดว่าไป๋ยีเฟยเป็นก็เพียงลูกคนรวยคนหนึ่ง และถูกครอบครัวเอาแต่ใจมาแต่เด็ก แต่พอหลังจากอ่านข้อมูลของเขาแล้วถึงได้รู้ว่า เขามีชีวิตที่ยากลําบากมากขนาดไหน อย่าว่าแต่ถูกเอาแต่ใจเลย แม้แต่พ่อแม่ยังไม่มีเลย แล้วใครเป็นคนเลี้ยงดูล่ะ?
หลังจากที่เขายอมรับโหวจวี๋แล้ว เรื่องราวต่างๆ ก็ทําให้หล่อนรู้ว่าไป๋ยี่เฟยและลูกคนรวยเหล่านั้นไม่ใช่คนที่อยู่ในระดับเดียวกัน เลยทําให้หลายบริษัทพ่ายแพ้อย่างน่าสมเพช
ถ้าเช่นนั้นการฆาตกรรมครั้งนี้ อาจจะมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ไป๋ยี่เฟยกำลังถูกใส่ความอยู่หรือเปล่า?
แต่พวกเขาก็เห็นไป๋ยี่เฟยฆ่าคนด้วยตาตัวเองแล้วนิ แล้วจะถูกใส่ความได้ยังไงกันล่ะ