บทที่ 341
หลังจากที่ซูต้าหลิวและจางหรงเดินเข้ามาแล้ว ดึงดูดสายตาของผู้คนส่วนใหญ่เอาไว้
“นั่นมันผู้จัดการใหญ่ที่ไหนกัน เหมือนว่าจะไม่เคยเห็นมาก่อน?”
“ฉันก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน คงจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่อยู่ไหนสายตา”
“ก็คงใช่ ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีหน้ามีตาในเมืองเทียนเป่ยของเราล้วนแต่เคยเห็นมาก่อน ท่านนี้คงจะเป็นคนที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไร”
“……”
ยังดีที่ซูต้าหลิวนั้นอยู่ไกลออกไป ไม่เช่นนั้นถ้าได้ยินขึ้นมาละก็ คงจะโกรธน่าดู
เป็นประธานคณะกรรมการบริหารโหวจวี๋มาตั้งหลายเดือน ก็เอาตัวเองไปวางไว้บนตำแหน่งที่สูงมากเรียบร้อยแล้ว งั้นฉันก็คือพี่ใหญ่ของเมืองเทียนเป่ย พวกแกล้วนเป็นแค่น้องเล็ก
คาดว่าคงไม่มีพี่ใหญ่ที่ไหนจะชอบที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้
ซูต้าหลิวถามจางหรงเสียงเบา “พวกเรานั่งตรงไหน?”
จางหรงตอบ “ตรงนั้น มีป้ายของพวกเราโหวจวี๋กรุ๊ปอยู่ คุณนั่งตรงนั้นก็ได้”
สายตามองไปตามที่จางหรงบอก เป็นตำแหน่งที่อยู่ตรงกลางของแถวแรก ซูต้าหลิวพอใจเป็นอย่างมาก ตำแหน่งที่นั่งที่ดีขนาดนี้ สมควรที่จะมอบมันให้เขาจริง ๆ
แต่ทว่าเขากลับมองเห็นที่บนขั้นบันไดที่อยู่ไม่ไกลออกไปนั้น ยังมีที่นั่งอีกแถวหนึ่ง
“นั่นไว้ให้ใครนั่งกัน? แล้วทำไมพวกเราถึงนั่งที่ข้างล่าง?”ซูต้าหลิวถาม
จางหรงเหงื่อตก รีบอธิบายกลับ: “ที่นั่งนั่นเอาไว้ให้คนจากสหพันธ์ธุรกิจ พวกเราก็เลยต้องนั่งที่ข้างล่างอยู่แล้ว”
“เมืองเทียนเป่ยนั้นไม่ใช่ว่าโหวจวี๋กรุ๊ปเป็นพี่ใหญ่หรือไง? อาศัยอะไรมาให้คนอื่นนั่งด้านล่าง พวกเรานั่งด้านล่าง? การจัดการนี้นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยนะ?”บนใบหน้าของซูต้าหลิวนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
จางหรงอยากที่จะตบซักฉาดออกไป
เคยเห็นคนโง่มา แต่ก็ยังไม่เคยเห็นคนที่โง่มากขนาดนี้มาก่อน
จางหรงกลั้นยิ้มตอบ: “ท่านประธาน รีบเข้าไปนั่งให้เรียบร้อยเถอะ อีกสักพักคงจะเริ่มการประชุมแล้ว”
ซูต้าหลิวรู้สึกว่าก็ใช่ “งั้นฉันไปแล้วนะ”
พูดจบ ซูต้าหลิวก็ใช้บารมีที่เข้าใจเองวันนั้นเดินเข้าไป นั่งลงที่ที่นั่งของประธานคณะกรรมการบริหารโหวจวี๋กรุ๊ป
คนที่เห็นภาพนั้นต่างก็ตกใจจนกรามค้าง
“เขาคือประธานคณะกรรมการบริหารโหวจวี๋กรุ๊ป?”
ไม่ใช่มั้ง? ฉันจำได้ว่าเป็นเด็กวัยรุ่นที่ชื่อไป๋ยี่เฟยอา!”
“ฉันก็จำได้ เปลี่ยนมาเป็นคนนี้ได้อย่างไร?”
“ไม่รู้อ๋า? โหวจวี๋เปลี่ยนประธานคณะกรรมการบริหารตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“……”
หลังจากที่ซูต้าหลิวนั่งลงแล้ว มองไปที่ที่นั่งข้างกายทั้งสอง ที่ด้านซ้ายนั้นว่างอยู่ แต่ก็สามารถมองเห็นป้ายที่วางอยู่ว่าเป็นคริสตัลกรุ๊ป
ที่ด้านขวานั้นมีผู้ชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่านั่งอยู่ ก็คือประธานคณะกรรมการบริหารเยว่หยากรุ๊ปเซียวเถิง น่าเสียดายตรงที่ ซูต้าหลิวนั้นไม่รู้จัก
แต่เซียวเถิงนั้น รู้อยู่แล้วว่าประธานคณะกรรมการบริหารโหวจวี๋กรุ๊ปนั้นคือใคร เห็นซูต้าหลิว กลับไม่ได้ประหลาดใจอะไรมากมายนัก เพียงแค่ยิ้มทักทาย “ประธานซู สวัสดี”
ซูต้าหลิวยิ้มตาหยีตอบ: “สวัสดีสวัสดี”
หลังจากที่ทักทายกันแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะให้พูดคุยกันอีก
ในเวลานี้ ประตูก็ถูกเปิดออก คนต่างก็ทยอยกันเข้ามา
ซูต้าหลิวก็มองตามไปเหมือนกัน พบคนงามที่เห็นเมื่อวันก่อน ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “คนงามของฉันก็มาด้วย……”
เซียวเถิงมองซูต้าหลิว มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย
คนที่มานั้นก็คือประธานคณะกรรมการบริหารการบันเทิงเย่ซื่อเย่อ้าย และที่ตามอยู่ด้านหลังของเธอแถมยังนั่งบนรถเข็นอยู่นั้นคือหลี่ฝาน
“คุณไปนั่งที่ด้านหลัง เมื่อเห็นจังหวะ คุณรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร”พูดจบ เย่อ้ายก็เดินตรงไปที่แถวหน้า หลี่ฝานก็เข็นรถเข็นไปที่แถวหลังด้วยตัวเอง
ตอนที่เย่อ้ายเดินมาถึงที่ด้านหน้าของซูต้าหลิวนั้น ซูต้าหลิวลุกขึ้นยืน จับเย่อ้ายเอาไว้ “คนงาม ไม่เจอกันนานนะ!”
เย่อ้ายตกอกตกใจ เห็นเป็นซูต้าหลิว ก็สะบัดเขาออกอย่างรังเกียจทันที “ซูต้าหลิว ให้เกียรติฉันบ้าง!”
ซูต้าหลิวช้ำใจ “คุณพูดแบบนี้ได้อย่างไรกัน? วันนั้นยังเชิญคุณไปอาบ……ด้วยกันอยู่ชัด ๆ ”
“หุบปาก!”เย่อ้ายตะโกนบอก “คุณลองพูดอีกประโยคดู เชื่อไม่เชื่อว่าฉันจะ……”
“อะไร?”ซูต้าหลิวหัวเราะอย่างมีนัยแอบแฝง “คนงามมีแผนอะไรใหม่?”
เย่อ้ายอดทนแล้วอดทนอีก สุดท้ายก็ส่งเสียงต่ำ ตอบอย่างโหดเหี้ยม: “ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ วันนี้ คุณจะต้องตายอย่างทุเรศ!”
พูดจบ เย่อ้ายถึงจะเดินไปถึงที่ที่นั่งของตัวเอง ที่นั่งของเธอนั้นอยู่ที่แถวที่สองไปทางด้านขวา ห่างจากซูต้าหลิวพอสมควร
ซูต้าหลิวเห็นดังนั้นก็เสียดายเป็นอย่างมาก “คนงามนี่ทำไมถึงไม่เข้าใจรสนิยมอย่างนี้นะ?”
เมื่อกี้นี้ซูต้าหลิวกำลังทำอะไร? ลวนลามเย่อ้าย?
ต่อหน้าธารกำนัล คิดไม่ถึงว่าจะกล้าลวนลามผู้หญิงคนหนึ่ง แถมยังเป็นประธานคณะกรรมการบริหารการบันเทิงเย่ซื่อ ถึงแม้ว่าจะไม่ใหญ่โตเท่าโหวจวี๋ ฐานะของคนๆ นั้นก็ไม่น่าจะต่ำมากใช่ไหม?
ทันใดนั้น สัมผัสทั้งห้าของทุกคนก็รู้สึกไม่ดีกับประธานคณะกรรมการบริหารโหวจวี๋คนใหม่
……
ภายในห้องสังเกตการณ์ของโรงแรม ไป๋ยี่เฟยที่นั่งเอ้อระเหยลอยชายอยู่ที่นั่น กำลังดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องประชุมอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ในตอนนั้นเอง หลงหลิงหลิงก็เข้ามา “สวีจื้อมาถึงแล้ว”
“อืม ไปเตรียมตัวเถอะ!”ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า
ในมอนิเตอร์ก็ปรากฏภาพสวีจื้อมาถึงแล้วจริง ๆ
เขาคือหนึ่งในสี่รองประธานสหพันธ์ธุรกิจประจำมณฑล การประชุมใหญ่ในครั้งนี้เป็นเขาที่จัดการ
สวีจื้อผิวขาวนวลผ่อง ใส่แว่นตาหนึ่งอัน ดูเหมือนว่าเป็นคนอบอุ่นมาก เขาเดินเข้าไปทีละก้าว ในเวลานั้นทุกคนยังไม่รู้ฐานะของเขา จนเมื่อเห็นเขาเดินไปนั่งที่นั่งที่อยู่ตรงกลางสุด ทุกคนถึงได้มีปฏิกิริยากลับมา ทันใดนั้น ห้องประชุมก็เงียบลง
หลังจากที่นั่งลงแล้ว สวีจื้อก็กระแอม “ยินดีต้อนรับทุกท่านที่สละเวลามาเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ เป้าหมายของการประชุมในครั้งนี้ก็เพื่อให้ธุรกิจในเมืองเทียนเป่ยพัฒนาไปได้ดีกว่าเดิม……”
จบคำพูดที่เป็นทางการ ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น
ซูต้าหลิวส่งเสียงดูถูก “เสแสร้งแกล้งทำ ยังพูดได้ดีไม่เท่าฉัน”
สวีจื้อ เริ่มพูดอีกครั้ง โดยภาพรวมนั้นวนอยู่ที่การพัฒนาธุรกิจเมืองเทียนเป่ย และยังพูดถึงข้อเสนอแนะบางอย่าง มีประโยชน์อย่างแท้จริง พูดถึงตอนสุดท้าย เขาค่อย ๆ มองไปที่ซูต้าหลิว: “ในเวลานี้ ผู้นำธุรกิจของเมืองเทียนเป่ยก็คือโหวจวี๋กรุ๊ป เช่นนั้น พวกเราก็ให้ประธานคณะกรรมการบริหารโหวจวี๋กรุ๊ป เป็นตัวแทน กล่าวความคิดเห็นสักสองสามประโยค”
พูดจบ ซูต้าหลิวงงงวยในทันที กล่าวความคิดเห็น?
ก็ไม่รู้ว่าเมื่อกี้ใครเป็นคนบอกว่าพูดได้ไม่ดีเท่าเขา?
“กล่าวอะไรอา?”ซูต้าหลิวถาม
เขาไม่มีไมโครโฟน คำพูดนั้นมีแต่ที่อยู่คนข้างกายเท่านั้นถึงได้ยิน ดังนั้นเซียวเถิงจึงบอกอย่างหวังดี: “พูดอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจไม่กี่ประโยคก็ได้แล้ว”
ซูต้าหลิวเข้าใจ พอดีกับที่พนักงานนำไมโครโฟนมาให้ ก็ยื่นมือออกไปรับ ลุกขึ้นยืน “สวัสดีทุกท่าน ผมคือประธานคณะกรรมการบริหารโหวจวี๋กรุ๊ปซูต้าหลิว”
“การพัฒนาธุรกิจนอกจากจะต้องมีศักยภาพทางธุรกิจแล้ว ก็ต้องดูการวางแผนของผู้นำธุรกิจ ผู้นำวางแผนดี การพัฒนาธุรกิจก็จะดีตาม พวกคุณคิดว่าใช่หรือไม่?
พูดจบ ก็เสียงปรบมือดังขึ้น ส่วนที่ว่าจะจริงใจหรือไม่นั้น ใครจะไปรู้หล่ะ?
“ตัวอย่างเช่น บางที อันที่จริงกินข้าวด้วยกัน เล่น ๆ กันก็สามารถได้รับเงินลงทุน มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องทำให้มันวุ่นวายขนาดนั้นละ?”
“คุณหนูเย่ คุณคิดว่าใช่หรือไม่? คุณดูคุณถ้าหากว่าเต็มใจ ผมก็สามารถให้เงินลงทุนกับคุณได้!”ซูต้าหลิวหัวเราะเหอะเหอะบอก
เย่อ้ายหน้ามืดในทันที “สมควรตาย!”
ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา สวีจื้อที่อยู่บนเวทีก็มีสีหน้าไม่ดี
แต่ซูต้าหลิวนั้นกลับไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อยจ้องมองเย่อ้ายอย่างไม่สุภาพ