บทที่ 275
เวลาสิบโมงเช้า โจวฉวี่เอ๋อยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าร้านกาแฟด้วยสีหน้าจริงจัง มองสำรวจรอบๆ
เมื่อก่อนฉินหัวช่วยเหลือทุกคนอยู่ตลอดอย่างไม่เคยพร่อง ดังนั้นเธอจึงหาเวลาไปเชิญฉินหัวมาทานข้าว แสดงความขอบคุณ
รออยู่สองสามนาที โจวฉวี่เอ๋อเห็นฉินหัวเดินมาจากไกลๆ โจวฉวี่เอ๋อกวักๆมือ“ทางนี้”
ฉินหัวเห็นแล้ว ก็โบกๆมือเช่นกัน
เดินมาถึงตรงหน้าของโจวฉวี่เอ๋อ ฉินหัวก็อึ้งตะลึงอยู่สักพัก ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเกรงใจทันที“ขอโทษด้วยนะ ให้คุณรอซะนานเลย”
โจวฉวี่เอ๋อยิ้มๆอย่างเขินอาย“ไม่เป็นไร ฉันมาก่อนสองสามนาทีต่างหากล่ะ”
ฉินหัวพยักหน้า กำลังจะพูดอะไร สายตาหันไปเห็นผู้ชายสวมชุดแปลกๆคนหนึ่ง ถือดาบซามูไรเดินมาทางพวกเขา
ฉินหัวรู้สึกได้ถึงอันตรายทันที รีบจูงโจวฉวี่เอ๋อวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
โจวฉวี่ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ เกือบจะถูกฉินหัวลากล้มลงไปอยู่ที่พื้น
“ว้าย……เป็นอะไรไป?”
ฉินหัววิ่งพลางพูดขึ้น“มีคนอยู่ข้างหลัง”
โจวฉวี่เอ๋อที่วิ่งตามฉินหัว หันไปมองข้างหลัง ก็ตกใจขึ้นมา
คนที่กำลังถือดาบซามูไรนั่นกำลังวิ่งไล่ตามพวกเขา แถมระยะห่างก็ยิ่งใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เร็วแปลกๆ
โจวฉวี่ร้องตะโกนขึ้นมา“ไล่ตามมาแล้ว!”
ฉินหัวได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็หยุดลงทันที พูดกับโจวฉวี่เอ๋อ“คุณวิ่งไปก่อน เดี๋ยวผมรับมือกับมันไว้เอง!”
พูดจบ ฉินหัวก็วิ่งตรงไปยังชายถือดาบซามูไรนั่น พุ่งเข้าไปสู้อย่างรวดเร็ว
ชายคนนั้นเป็นมือดาบอันดับหนึ่งของหลิงหนาน พอเห็นฉินหัวพุ่งเข้ามาอย่างไม่ประเมินพละกำลังของตัวเอง ก็ยิ้มอย่างดูแคลน ไม่ได้ชักดาบออกมา
แต่ต่อมาไม่นาน เขาก็อึ้งตะลึง
เห็นฉินหัวก้าวเข้ามาข้างหน้า ถูกคว้าข้อมือเอาไว้ในขณะที่ตัวเองไม่ทันได้ดูท่าทางอย่างชัดเจน จากนั้นก็ถูกยกฟาดลงบนพื้น
ชายคนนั้นคิดไม่ถึงว่าคนธรรมดาคนเดียวจะยกเขาฟาดลงบนพื้นอย่างสบายๆได้ขนาดนี้ นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ
“ฉันเป็นถึงมือดาบอันดับหนึ่งของหลิงหนาน นายเป็นใครกัน?”
ฉินหัวขี้เกียจที่จะพูดพล่ามไร้สาระอะไรกับเขา พอเห็นเขาลุกขึ้นมายืน ก็เตะไปทันที
ชายคนนั้นยังคงไม่ทันได้สวนกลับ ถึงขนาดที่จะสกัดกั้นก็ยังทำไม่ทัน ถูกฉินหัวเตะปลิวไปก่อน
“ปึ้ง!”
ชายคนนั้นลอยไปชนเสาไฟริมถนน ก่อนจะตกลงมาบนพื้น
รู้สึกกระอัก
ฉินหัวถุ้ยออกมา“ขยะ!”
พูดจบ กำลังจะหันกลับไป ได้ยินเสียงของโจวฉวี่เอ๋อที่อยู่ข้างหลัง
“ช่วยด้วย!”
ฉินหัวรีบหันไปทันที เห็นคนสองคนกำลังลากโจวฉวี่เอ๋อเข้าไปในรถตู้คันหนึ่งที่จอดอยู่ริมถนน
พอเห็นแบบนี้ ฉินหัวแววตาก็สั่น รีบพุ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็ว“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ!”
พูดจบ ก็มีคนสองคนลงมาจากบนรถตู้ ในมือถือไม้กระบอง เดินตรงมาที่ฉินหัว
ฉินหัวกระวนกระวายเป็นห่วงโจวฉวี่เอ๋อ เตะทั้งสองคนกระเด็น
มือดาบอันดับหนึ่งของหลิงหนานที่นอนลุกไม่ได้อยู่บนพื้นก็สองตาถะลึง ทำไมคนคนนี้ถึงเก่งขนาดนี้?
ฉินหัวจัดการคนสองคนนั้น แล้วก็เข้าไปกระชากอีกสองคนที่เหลือออก เตะไปอีกคนละที สุดท้ายก็ดึงโจวฉวี่เอ๋อเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง
“ไสหัวไปซะ!”
พอคนพวกนั้นเห็นว่าฉินหัวไม่ควรจะไปยุแหย่ด้วย ก็รีบพามือดาบคนนั้นขึ้นรถจากไปทันที
โจวฉวี่เอ๋อซบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของฉินหัว สั่นเล็กน้อย
เมื่อตะกี้ทำให้เธอตกใจแทบตาย สองคนนั้นไม่พูดไม่จา เข้ามาจับตัวเธอขึ้นไปบนรถ นี่เป็นครั้งแรกที่เจอเหตุการณ์แบบนี้
ฉินหัวเห็นว่าพวกมันไปกันแล้ว ก็เพิ่งจะมาสังเกตเห็นโจวฉวี่เอ๋อที่อยู่ในอ้อมกอด จู่ๆก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรจะเอามือไปวางไว้ตรงไหน
“เอ่อ ไม่มีอะไรแล้ว ไปกันหมดแล้วล่ะ”
โจวฉวี่เอ๋อตอบ อื้อ กลับมาหนึ่งคำ ผละออกจากอ้อมกอดของฉินหัวด้วยความเกรงใจ“ขอบคุณ คุณมาก”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก”ฉินหัวพูดตอบกลับ“มันเป็นสิ่งที่ผมควรทำ”
โจวฉวี่เอ๋อเป็นเพื่อนสนิทของพี่น้อง การที่ช่วยชีวิตเธอเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว
แต่คำพูดนี้ดังเข้ามาในหูของโจวฉวี่เอ๋อ ดันกลายเป็นอีกความหมายหนึ่ง ทำให้โจวฉวี่เอ๋อหน้าแดงขึ้นมา
……
ในห้องใต้ดินที่แสนมืดมิดอับชื้น มองไม่เห็นแสงตะวัน
หลิ่วอู๋ฉงเดินเข้าไป
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” เสียงของหงซินดังขึ้นมาจากข้างหลังของหลิ่วอู๋ฉง ทำให้หลิ่วอู๋ฉงสั่นสะดุ้งอย่างทันที
หลิ่วอู๋ฉงกำลังจะหันไป มือของหงซินก็มาโอบเอวของหลิ่วอู๋ฉงไว้ พร้อมกับกระซิบที่ข้างๆหูของเขา“ทำไมถึงไม่พูดล่ะ?”
“ทางด้านของหลงหลิงหลิงไม่มีปัญหา ก็มีแค่โจวฉวี่เอ๋อ ข้างตัวเธอมีคนคอยปกป้องอยู่”หลิ่วอู๋ฉงอดไม่ได้ที่จะตอบกลับไปอย่างเย็นชา
มือของหงซินลูบอยู่ตรงช่วงหน้าอกของหลิ่วอู๋ฉง พูดขึ้นเบาๆ“เหอะ ก็ไม่เลวเลยนี่ ทางด้านของโจวฉวี่เอ๋อ อาจารย์ค่อยคิดหาวิธีอีกที”
หลิ่วอู๋ฉงตอบ อื้อ กลับมาหนึ่งคำ ก่อนจะพูดถามขึ้น“จริงๆแล้วผมสามารถให้ที่อยู่ที่ดีกว่าที่นี่กับพวกคุณได้นะ ทำไมท่านหูถึงเลือกที่นี่?”
หงซินยิ้มๆ“เพราะว่าแมลงในร่างกายของคุณชอบน่ะสิ!”
หลิ่วอู๋ฉงร่างกายหยุดชะงักไป
หงซินลูบๆหลิ่วอู๋ฉงต่อ“คุณวางใจได้ ขอแค่คุณยอมเชื่อฟังแต่โดยดี ก็สามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้”
หลิ่วอู๋ฉงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ให้หงซินที่อยู่ข้างหลังเห็น“ถ้าเกิดฆ่าไป๋ยี่เฟยได้แล้ว จะสามารถเอาแมลงออกได้ไหม? ถ้ายังให้อยู่ในร่างกายต่อไป ในใจก็คงจะอยู่ไม่สุขหรอก”
ในขณะนี้หูเทียนจิ่นออกมาพอดี หงซินจึงรีบผลักหลิ่วอู๋ฉงออกไปทันที
“เป็นยังไงบ้าง?” หูเทียนจิ่นถามขึ้น
หลิ่วอู๋ฉงตอบไปอย่างตรงๆ
หูเทียนจิ่นสบถ หึ ออกมาหนึ่งที“มีคนที่มีฝีมือปกป้องอยู่? คนมีฝีมือคนไหนกัน? ถึงขนาดที่เสี่ยวเฝิงยังจัดการไม่ได้?”
เสี่ยวเฝิงคือคนที่สวมชุดซามูไร มือดาบอันดับหนึ่งของหลิงหนานที่ถือดาบซามูไรคนนั้น
หูเทียนจิ่นพูดขึ้นต่อ“ช่างเถอะ ถึงจัดการอันนี้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร นายไปวางแผนต่อ ฉันจะให้ไป๋ยี่เฟยได้ลิ้มรสการที่คนข้างกายของมันทรยศหักหลังไปทีละคนๆ จากนั้นก็ค่อยๆทรมานจนตายต่อหน้าต่อตามัน!”
จู่ๆหลิ่วอู๋ฉงก็นึกคำถามหนึ่งขึ้นมาได้“ท่านหูตอนนี้ไป๋ยี่เฟยไม่ใช่แค่สูญเสียความทรงจำ แต่ยังบกพร่องทางปัญญาอีกด้วย ต่อให้ฆ่าคนที่อยู่ข้างกายของมัน มันก็ไม่น่าจะรู้สึกอะไรหรอกใช่ไหมล่ะ?”
“แล้วมันยังไง?” หูเทียนจิ่นพูดขึ้นอย่างไม่สนใจ“ตายแล้วก็คือตายแล้ว”
……
ในช่วงค่ำ ไป๋ยี่เฟยโทรศัพท์ไปหาหลี่เสว่ อยากที่จะถามไถ่สักหน่อยว่าพวกเขาอยู่ทางนั้นสบายดีไหม
ตอนที่หลี่เสว่รับโทรศัพท์ ก็รู้สึกเครียดไม่น้อย สูดหายใจเข้าเล็กน้อย“ไป๋ยี่เฟย?”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งตะลึงไป สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของหลี่เสว่“เสว่เอ๋อ คุณเป็นอะไรไป?”
“ฉันเหมือนจะเป็นไข้น่ะ……”น้ำเสียงของหลี่เสว่ดูอ่อนแอสุดๆ