บทที่ 229
“ไปสร้างโรงพยาบาลใหม่ คุณเป็นคณบดี”
หลิวเสี่ยวอิงรู้สึกตื่นเต้นมากทันที ยังจำได้ว่านหลงหลิงหลิงบอกเธอก่อนหน้านี้ ว่า ไป๋ยี่เฟย อยากจะลงทุนในโรงพยาบาล แต่เธอไม่ได้หวังว่า ไป๋ยี่เฟยจะบอกเธอว่า เขาอยากจะสร้างโรงพยาบาล และเธอเป็นคุณบดี!
ไป๋ยี่เฟยเห็นสีหน้าเธอก็รู้ว่าเธอก็เต็มใจมาก “แต่คงต้องรอเวลาสักพักก่อน มีเหตุการณ์มากมายในชั่วนี้”
“ฉันรอได้”
ห่างจากความฝันเพียงไม่กี่ก้าว จะมีอะไรที่รอไม่ได้
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า“ เอิน”
เวลาที่หลิวเสี่ยวอิงออกไป หลงหลิงหลิงก็เข้ามาพอดี แต่สีหน้าเธอไม่ค่อยดี
“ซุนเหว่ยปฏิเสธคำเชิญของเรา”
ไป๋ยี่เฟยเลิกคิ้ว “ทำตัวเป็นหยิ่ง”
หลงหลิงหลิงเงียบ
ไป๋ยี่เฟยจุ๊ “ดูเหมือนว่า ฉันต้องไปเอง”
เขารู้ ซุนเหว่ยทำสิ่งนี้ ต้องเพื่อจุดประสงค์แน่นอน เขาพุ่มเป้าหมายไปยังเขา ถ้าไม่เป็นเพราะมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังของเขา ก็เป็นเพื่อผลประโยชน์ของเขาเอง
ในเมื่อเย่อ้ายทำอะไร ก็ควรเป็นเพราะตัวเขาเองอยากได้รับผลประโยชน์มากกว่านี้ และเขาจึงเจตนาที่จะหลอกลวงเขา เพื่อที่สั่งเงื่อนไขที่มีผลประโยชน์ดีต่อกับเขาเอง
คนที่เนียนเหล่านี้ น่ารำคาญจริงๆ!
ไป๋ยี่เฟยและหลงหลิงหลิงไปที่ล็อบบี้ของธนาคารจู้ติ่ง
ตอนแรกหลงหลิงหลิวคิดว่าซุนเหว่ยปฏิเสธคำเชิญของพวกเขา หากพวกเขามาหา พวกเขาก็อาจถูกปฏิเสธเช่นกัน แต่ได้พบกับซุนเหว่ยประธานของธนาคารจู้ติ่งซุนเหว่ยอย่างราบรื่น
ในห้องสำนักงาน ไป๋ยี่เฟยเข้ามาก็มองห้องสำนักงานแวบหนึ่ง
การตกแต่งของห้องสง่างามมาก เปรียบเทียบกับรูปลักษณ์เลี่ยนของเขาชัดเจนมาก
ซุนเหว่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่ขยับนิดหน่อย ในปากของเขาพูดด้วยคำขอโทษ แต่สีหน้าก็ไม่ค่อยจริงใจเท่าไหร่
“ขอโทษจริงๆ ไม่รู้คือคุณประธานไป๋ของโหวจวี๋มา ไม่สามารถมารับได้”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มอย่างเย็นช้าในใจ อีแก่!
“คือพวกเรากะทันหัน มาเยี่ยมเยียนคุณประธานซุน ไม่ได้แจ้งก่อน”ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างเฉยๆ
ซุนเหว่ยยิ้มและพูด “ไม่ๆ คุณประธานไป๋ได้มาเยี่ยม ก็เป็นเกียรติของฉัน!”
แม้ว่าเขาพูดแบบนี้ แต่ก็ไม่เห็นซุนเหว่ยยืนขึ้นและทักทายไป๋ยี่เฟย
หลงหลิงหลิงยืนอยู่ข้างหลังของไป๋ยี่เฟย ค่อนข้างจะไม่พอใจ
ไป๋ยี่เฟยก็ไม่มีสีหน้า เนื่องจากเขาไม่ทักทายเขา เขาจึงไม่เกรงใจกับเขาแล้ว เขาเดินตรงไปที่โซฟาและนั่งลง “วันนี้ฉันมา คืออยากจะคุยกับคุณประธานซุนเรื่องเงินกู้”
“อืม?” ซุนเหว่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “เงินกู้เหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า เนื่องจากพวกเขาก็มาแล้ว ก็ได้คุยเรื่องเงินกู้ก่อน แล้วค่อยดูว่าไอ้เนียนนี้อยากจะทำอะไร? ถ้าเขายังไม่ตกลง แล้วค่อยเชิญชวนเขาไปทานอาหารเย็นด้วยกันในคืนนี้ก็ไม่สาย
“ใช่ คุณโหวจวี๋ต้องเริ่มโครงการใหญ่ในชั่งนี้ ซึ่งต้องใช้เงินทุนที่จำนวนมาก ดังนั้น … “ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดจบ แต่เขาเชื่อว่าซุนเหว่ยต้องเข้าใจความหมายของเขา
ซุนเหว่ยแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจมาก่อน
“โอ้ เป็นอย่างนี้เหรอ!”ซุนเหว่ยหัวเราะ “ในความเป็นจริง ฉันก็เคยได้ยินจากประธานธนาคารอื่นๆพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทำไมฉันได้ยินว่า โครงการนี้มีความอันตรายมาก และอาจจะที่จะสูญเสียเงินมาก?”
ไป๋ยี่เฟยเลิกคิ้วเล็กน้อย “เสียเงิน?ไม่รู้ว่าคุณประธานซุนได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน?”
“สิ่งนี้ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือคุณก็รู้ด้วยว่า หากมีความอันตรายมากเกินไป เราก็ไม่กล้าที่จะให้คุณ ประธานไป๋กู้”
ไป๋ยี่เฟยได้ยินเช่นนี้ ก็มองไปข้างล่าง“ แล้วคุณประธานซุนคิดว่า ทำอย่างไรถึงจะกู้เงินได้?”
ซุนเหว่ยจิบชา“ คุณประธานไป๋ พวกเราก็เป็นนักธุรกิจเหมือนกัน ฉันก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก แต่มันก็ไม่ใช่ตกลงได้แค่นั้นแล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่าไหม ฉันไปคุยกันใหม่กับประธานของยูเนียนเพย์อื่นๆ แล้วค่อยบอกผลลัพธ์ให้คุณประธานซุน?”
“ได้ งั้นคืนนี้ฉันจะเป็นเจ้าภาพ เชิญทุกคนมาทานอาหารเย็นกัน แล้วเดี๋ยวค่อยคุยกัน?”
ซุนเหว่ยยิ้มและพยักหน้า
“งั้นคืนนี้7โมง โรงแรมเทียนเป่ย”
“เอิน” สายตาซุนเหว่ยผ่านไปที่หลงหลิงหลิง “คืนนี้ผู้ช่วยหลงจะมาด้วยใช่ไหม โอ้ ใช่แล้ว ฉันจำได้ว่ามีผู้หญิงสวยๆอยู่ข้างคุณประธานไป๋ ซึ่งนามสกุลน่าจะเป็นหลิว ที่ล้างพิษให้ฉันในวันนั้น เธอจะมาคืนนี้มาด้วยใช่ไหม”
สายตาของไป๋ยี่เฟยมืดลึก ไอ้แก่บ้ากาม!
“ทุกสิ่งที่ควรมาก็จะมา” หลังจากไป๋ยี่เฟยพูดอย่างคำที่มีความหมายมาก เขาก็พาหลงหลิงหลิงออกไป
เมื่อซุนเหว่ยเห็นประตูห้องสำนักงานปิด เขาก็ฮึอย่างเย็นชา“ ไป๋ยี่เฟย เมื่อตอนคืน ฉันก็จะดูว่า แกจะทำตัวเป็นหยิ่งได้ยังไง?”
โหวจวี๋เป็นบริษัทที่ขนาดใหญ่ และต้องการเงินทุนเพื่อเริ่มโครงการใหม่ เอาแค่ธนาคารหลายแห่งรวมตัวกันและไม่ให้กู้เงิน เขาก็ต้องเอาอกเอาใจกับพวกเขาไม่ใช่เหรอ?
ท้ายที่สุด ในการเป็นผู้นำของยูเนียนเพย์ นั่นคือผู้นำที่แท้จริงของบริษัทเหล่านี้
หลังจากออกจากธนาคารจู้ติ่ง ไป๋ยี่เฟยกล่าวว่า “ไปเชิญประธานของธนาคารเหล่านั้นและเชิญคนอื่นๆด้วยอีก”
ย้อนกลับไปโหวจวี๋ หลงหลิงหลิงก็ไปเชิญประธานเหล่านั้น ส่วนไป๋ยี่เฟยไปที่ผับเทียนถังเพื่อตามหาสวีลั่ง โดยผ่านข่าวจากไป๋หู่
เหตุผลที่เขาหาสวีลั่ง เพราะเขาอยากรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเขาที่อยากจะฆ่าเขาคือใคร?
ในความเป็นจริงหลังจากหนิววั่งและหลิวเสี่ยวอิงมาหาเขาในตอนเช้าแล้วรู้เกี่ยวกับยาแก้พิษนั้นแล้ว ไป๋ยี่เฟยก็มีความคิดนี้
คนๆนั้นอยากจะฆ่าเขาตลอด และให้เขาอยู่ในเมืองเทียนเป่ยอย่างนิ่งๆ
เขาไม่เคยคิดว่าจะออกจากเมืองเทียนเป่ย แต่คนที่อยู่เบื้องหลังเขาหามือสังหารซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อฆ่าเขา และยังวางยาพิษให้หลี่เสว่โดยบังเอิญ ทำให้ตอนนี้เธอกลายเป็นเด็ก
ถ้าเขาจะอดทนอีก เขาก็ไม่ใช่ผู้ชาย!
ไป๋ยี่เฟยขับรถไปที่ผับเทียนถังและพบกับไป๋หู่ที่หน้าประตู
เขาไม่ได้เข้าไปในทันที แต่ถามว่า “คุณรู้จักไป๋เซี่ยวไหม?”
เห็นได้ชัดว่าไป๋หู่ไม่คาดคิดว่าไป๋ยี่เฟยจะถามเรื่องนี้ จากนั้นก็ตอบอย่างซื่อสัตย์ว่า “รู้ครับ”
“เขาอยู่ในเมืองหลวง?”
ไป๋หู่พยักหน้า
ไป๋ยี่เฟยเหล่ตาเล็กน้อย ไป๋เซี่ยว น้องชายของเขา
ในตอนนั้นไป๋หยุนเผิงเคยพูดถึงกับเขา ตอนนั้นเขาคิดว่าไป๋เซี่ยวตายแล้ว และไป๋หยุนเผิงถึงจะมาหาเขา แต่ไป๋หยุนเผิงไม่ได้ตอบตรงๆ ดูเหมือนว่าเขาคิดมากเกินไป
ไป๋เซี่ยวยังไม่ตาย!
เหตุการณ์ของชั่วนี้ และผู้ที่อยากจะฆ่าเขา ก็เกิดขึ้นในหลังจากที่เขากลายเป็นประธานของโหวจวี๋ คนนั้นให้เขาอยู่ที่เมืองเทียนเป่ยอย่างนิ่งๆ และเขาก็นึกถึงไป๋เซี่ยวอย่างตามจังหวะ
แน่นอนว่านี่คือการคาดเดาของเขา ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ ก็ต้องมีหลักฐานเพื่อพิสูจน์
นี่คือสาเหตุที่เขามาหาสวีลั่ง
แต่ไป๋ยี่เฟยสงสัยว่า “คุณรู้ได้อย่างไรว่าสวีลั่งอยู่ที่ไหน”
ไป๋หู่กับสวีลั่งเป็นผู้ศัตรู แต่แค่เพราะไป๋ยี่เฟยให้งานกับสวีลั่ง พวกเขาถึงร่วมมือกันเพียงสองครั้ง สวีลั่งน่าจะไม่ปรากฏร่องรอยของตัวเอง