บทที่169
พอมองไปที่ข้างๆ ของเขา ก็มีผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งยืนอยู่ ดูจากความสัมพันธ์แล้ว ท่าทางพวกเขาจะเป็นแฟนกัน
เมื่อเซียวหรงเทาเห็นสภาพของหลี่เสว่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ เขาก็พูดแซะขึ้นมาว่า “สีหน้าของคุณนายไป๋ดูไม่ดีเลยนะครับ นี่ท่านประธานไป๋ทำให้คุณเครียดถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
ในตอนที่เซียวหรงเทาได้รู้ว่าไป๋ยี่เฟยคือประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปนั้น เขาตกใจจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ ถึงว่าล่ะทำไมก่อนหน้านั้นเขาถึงได้ทำตัวกร่างขนาดนั้น?
แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทั้งๆ ที่ไป๋ยี่เฟยเป็นเพียงแค่เด็กจนๆ ที่มาจากบ้านนอก แต่ทำไมจู่ๆ ก็ขึ้นมาเป็นประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปได้ล่ะ?
ส่วนเรื่องต่อมาที่ทำให้แปลกใจก็คือข่าวของไป๋ยี่เฟย
ถึงจะบอกว่ามันเป็นการเข้าใจผิดก็ตาม แต่เขาก็ยังคิดว่าคนๆ นั้นต้องใช่ไป๋ยี่เฟยแน่ๆ
นึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ดูสง่างามอย่างไป๋ยี่เฟย จะเป็นร้อนแรงได้ขนาดนี้ คืนเดียวจัดถึงสามคนเลย
เขาช่างไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไม? ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีคนสวยอย่างหลี่เสว่อยู่ข้างกายอยู่แล้วยังจะออกไปหากินอีกทำไม?
พอมาเห็นสภาพของหลี่เสว่ในตอนนี้ เขาก็เข้าใจไปว่าหลี่เสว่คงจะปวดใจกับเรื่องที่ไป๋ยี่เฟยทำจนต้องทรุดลงถึงขนาดนี้
พอหลี่เสว่ได้ยินสิ่งที่เซียวหรงเทาพูดมา เธอก็ขมวดคิ้วแล้วตอบไปว่า “ฉันไม่ได้สนิทกับคุณนะ”
พูดจบ ผู้หญิงที่มากับเซียวหรงเทาก็ถามขึ้นด้วยเสียงที่ไพเราะว่า “หรงเทา เธอเป็นใครเหรอคะ?”
“เธอคนนี้เหรอครับ? เธอก็คือภรรยาของคนที่มีข่าวอื้อฉ่าวผู้โด่งดังของเมื่อวานซืนไงครับ” เซียวหรงเทาอธิบาย
พอสาวงามได้ฟังอย่างนั้นก็ขำออกมา “อ๋อ ที่แท้ก็คุณนายไป๋นี่เอง!”
“คุณนายไป่อย่าคิดมากเลยนะคะ ฉันเชื่อว่าคุณไป๋ยี่เฟยคงไม่ได้ตั้งใจไปหาผู้หญิงพวกนั้นหรอกค่ะ คุณสวยออกขนาดนี้ ถ้าพูดกับเขาดีๆ เดี๋ยวเขาก็กลับใจได้เองแหละค่ะ”
“ใช่ครับ ผมกับไป๋ยี่เฟยเราเรียนมาด้วยกัน คนอย่างเขาผมรู้จักดี คงจะมีอะไรที่เข้าใจผิดกันแน่ๆ คุณอย่าคิดมากเลยนะครับ ผมเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกครับ”
พอหลี่เสว่ได้ยินสิ่งที่ทั้งคู่กำลังพูด เธอก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมา ประธานไป๋อย่างนั้นเหรอ?
แต่เธอก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า เพียงตอบกลับไปว่า “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกคุณเหรอคะ?”
พอได้ยินอย่างนั้น เซียวหรงเทากับผู้หญิงคนนั้นก็ชะงักไป แล้วเซียวหรงเทาก็ทำหน้าจริงจัง “พวกเราอุตส่าห์มาปลอบใจคุณ สามีของคุณนอกใจเองแท้ๆ แล้วคุณยังจะมาหาเรื่องเราอีกอย่างนั้นเหรอครับ?”
“ฮึ ดูสิตอนนี้คุณต้องมาหมออย่างตัวคนเดียว ดีไม่ดีตอนนี้เขาอาจจะกำลังโยกย้ายอย่างเมามันอยู่กับใครก็ไม่รู้? คิดเหรอคะว่าเขาจะมาสนใจคุณ?”
เมื่อหลี่เสว่ได้ยินอย่างนั้น เธอก็เริ่มหายใจถี่ขึ้น แล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “เรื่องของสามีฉัน พวกคุณไม่ต้องมายุ่ง”
“จริงอยู่ว่าเราไม่ควรยุ่ง เราก็แค่เตือนคุณด้วยความหวังดี ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวไป๋ยี่เฟยนั้นมีไม่น้อย ทั้งสาวงามประจำห้อง ไหนจะผู้ช่วยของเขาที่อยู่โหวจวี๋อีก ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอกับเขานั้นดูไม่ชัดเจนเอาซะเลย ไม่แน่พวกเขาอาจจะได้กันไปนานแล้วก็ได้นะครับ”
“ที่ผ่านมาคุณได้แต่อยู่ในกะลา ผมรู้สึกเสียดายแทนคุณจริงๆ เอาอย่างนี้ดีไหม……”
ยังไม่ทันได้พูดจบ ก็มีใครบางคนมาดึงแขนเขาให้หันหลังไป
“เพรี้ยะ!”
เซียวหรงเทาถูกตบเข้าที่หน้าอย่างจัง
“หุบปากเน่าๆ ของแกซะ!”
ไป๋ยี่เฟยเดินไปหยุดลงที่ข้างตัวของหลี่เสว่ เอาเธอมาแอบไว้ด้านหลัง แล้วจ้องเขม็งมาที่เซียวหรงเทา
“ไป๋ยี่เฟย?” เซียงหรงเทาถูกตบจนมึน เขาคิดว่าหลี่เสว่นั้นมาคนเดียว ไม่คิดว่าไป๋ยี่เฟยจะปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ แถมยังมาตบหน้าเขาด้วย
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างพากันมองมาทางนี้
ไป๋ยี่เฟยพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เรื่องส่วนตัวของผมมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ ดังนั้นช่วยหุบปากเน่าๆ ของพวกคุณด้วยครับ ไม่อย่างนั้น ผมจะทำให้ปากของพวกคุณไม่สามารถเปิดได้อีกตลอดกาล!”
นี่คุณกล้าขู่ผมเหรอ?” เซียวหรงเทาถาม แล้วพูดต่อในทันที “ไป๋ยี่เฟย คุณอย่าคิดนะว่าแค่ตัวเองอยู่สูงแล้วจะทำอะไรก็ได้ สุดท้ายมันก็เป็นข่าว แล้วสิ่งที่ผมพูดมาเมื่อกี้มันผิดตรงไหน?”
“แล้วคุณกล้าพูดรึเปล่าหล่ะว่าระหว่างคุณกับเหอหยวนหยวนและผู้ช่วยหรงคนนั้นไม่ได้มีอะไรกัน?”
ไป๋ยี่เฟยตอบมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ทำไมจะไม่กล้าล่ะ? เหอหยวนหยวนเป็นแค่เพื่อนเรียนสมัยก่อน ผมกับเธอเราก็มีสัมพันธ์กันแค่นี้ ส่วนผู้ช่วยหรงนั้นเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน มีอะไรที่มันไม่ชัดเจนอย่างนั้นเหรอ?”
“นี่คุณ!” เซียวหรงเทาไม่รู้จะตอบโต้ยังไง
แต่หลี่เสว่ที่ที่ยืนอยู่ด้านหลังไป๋ยี่เฟย ได้หมดสติและล้มลงไป
“เสว่เอ๋อ!” ไป๋ยี่เฟยร้อนรน “เสว่เอ๋อ! เสว่เอ๋อ! เสว่เอ๋อ!”
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วยครับ!” ไป๋ยี่เฟยตะโกนออกมาอย่างร้อนรน ดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำ
คุณหมอที่ได้ยินเสียงนั้นก็รีบเข้ามาพร้อมกับเข็นเตียงมาด้วย จากนั้นก็ยกหลี่เสว่ขึ้นเตียงไป
ก่อนที่ไป๋ยี่เฟยจะจากไป เขาก็ได้หันกลับมาพูดกับเซียวหรงเทาว่า “ถ้าเสว่เอ๋อเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ผมไม่มีทางปล่อยคุณไว้แน่!”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็วิ่งจากไป
เซียวหรงเทายืนอึ้งอยู่กับที่ กระวนกระวายใจ แววตาของไป๋ยี่เฟยที่ส่งมาเมื่อกี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน เหมือนกับแววตาของคนที่พร้อมจะฆ่าเขาให้ตาย เห็นแล้วช่างน่าขนลุกเหลือเกิน
“ไปกันเถอะ!”
พวกเขาไม่รู้หรอกว่าทำไมหลี่เสว่ถึงหมดสติไปอย่างนั้น แต่การที่ไป๋ยี่เฟยพูดมาอย่างนั้น แสดงว่าเธอต้องได้รับผลกระทบจากการโต้เถียงที่เกิดขึ้นเมื่อกี้อย่างแน่นอน ดังนั้น ถ้าไม่รีบไปตอนนี้แล้วจะให้ไปตอนไหน?
หลี่เสว่ถูกส่งตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉิน แล้วหมอก็ไปตามคุณหมอหนิววั่ง
ส่วนคุณหมอหนิวนั่น ตอนนี้เขากำลังสัมภาษณ์ หลิวเสี่ยวอิงกับผู้อำนวยการและคณบดี อยู่ที่ห้องทำงานของท่านคณบดี
หลิวเสี่ยวอิงนั่งอยู่ตรงอีกฟากของโต๊ะ มองมายังคนทั้งสามที่นั่งอยู่ตรงข้าม พวกเขาไม่พูดอะไรเลย มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมาก
จนผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดคณบดีก็เปิดปากพูด “ผลการเรียนของคุณนั้นมันยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ แถมยังเคยไปเรียนที่เมืองนอกด้วย ในสวนนี้พวกเรายอมรับจากใจจริง”
ถ้าเป็นอย่างนี้ผู้อำนวยการก็เป็นหมารับใช้นะซิ เมื่อคณบดีบอกว่าดี เขาจึงรีบพูดเสริมขึ้นมา “จริงครับ ผลการศึกษาแบบนี้ประเทศเราคงมีอยู่ไม่กี่คน รู้ทั้งแพทย์แผนจีนและแผนปัจจุบัน เก่งมากครับ”
หนิววั่งไม่พูดอะไร
คณบดีพูดต่อ “แต่คุณอายุยังน้อย เพิ่งเรียนจบไม่นาน ประสบการณ์ก็คงจะยังไม่เยอะใช่ไหมคะ? แล้วการที่คุณจะมาสมัครเป็นหมออย่างเต็มตัวนั้น ผมว่าคงยังไม่ได้นะคะ”
“แต่ว่า ถ้าดูจากผลการเรียนของคุณแล้ว พวกเรายอมรับความสามารถในการเรียนรู้ของคุณเลยค่ะ คุณสามารถเริ่มศึกษาจากสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดก่อนได้ สะสมประสบการณ์ให้มากๆ การที่จะเป็นหมออย่างเต็มตัวในภายภาคหน้าหน้าเราเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณเลยนะคะ”
เมื่อผู้อำนวยการได้ยินอย่างนั้น เขาก็พยักหน้าเห็นด้วย “อืม ใช่ครับ คุณเองก็น่าจะรู้นะครับ ว่าในสายงานแพทย์นั้นต่อให้คุณรู้และเข้าใจ แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์มันก็เป็นเรื่องยากเลย ถ้าขาดประสบการณ์แล้วเกิดรักษาผิดพลาดขึ้นมามันจะไม่ตลกเอานะครับ”
หนิววั่งยังคงนั่งเงียบ เขาเองก็รู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้ใช้ได้เลยทีเดียว ผลการเรียนก็ส่วนหนึ่ง และอีกเหตุผลก็คือ คนที่รู้แพทย์แผนจีนตอนนี้ถือว่าเหลือน้อยมากๆ การที่สามารถเรียนรู้แพทย์แผนจีนได้สำเร็จนั้นถือว่าเยี่ยมมาก
แต่สิ่งเดียวที่ติดอยู่ก็เป็นไปตามที่ท่านคณบดีพูดเลย ประสบการณ์ของเธอมันน้อยไป
พอหลิวเสี่ยวอิงฟังจบ เธอก็เบะปาก “ความหมายของพวกคุณคือฉันสัมภาษณ์งานไม่ผ่านใช่ไหมคะ?”
“ก็ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เราสามารถมอบหมายให้คุณไปเป็นหมอผู้ช่วยก่อน ให้คุณได้สะสมประสบการณ์ไป คุณเองก็รู้ว่าสายงานอย่างเรานั้นเวลาถือเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุดสำหรับเรา”
“ใช่ค่ะ คุณพูดถูก” หลิวเสี่ยวอิงเริ่มรู้สึกรำคาญแล้ว
ทั้งๆ ที่ไม่อยากรับเธอเข้าทำงาน ยังจะทำเป็นมาพูดให้ดูดีอีก ฟังแล้วรู้สึกขยะแขยง
เมื่อผู้อำนวยการเห็นว่าพฤติกรรมที่เธอแสดงออกมานั้นดูไม่ค่อยเหมาะสม เขาก็ทำหน้าจริงจังขึ้นมา “นี่คุณกำลังแสดงพฤติกรรมอะไรออกมา? ไม่ว่ายังพวกเราก็เป็นรุ่นอาวุโสของคุณนะ และสิ่งที่เราพูดมันก็คือเรื่องของประสบการณ์คุณที่อ่อนประสบการณ์กว่าไม่อยากฟังก็ช่างแล้ว แต่นี่ยังมาแสดงพฤติกรรมแบบนี้อีก ไม่รู้จักสัมมาคารวะเอาซะเลย!”
พอหลิวเสี่ยวอิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอก็เริ่มโกรธแล้ว “พวกคุณยังจะมาบอกว่าฉันมารยาทไม่ดีอีก แล้วสิ่งที่พวกคุณกำลังทำอยู่หล่ะคะ? แค่คำๆ เดียว ได้คือได้ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ แล้วจะมาพล่ามอะไรให้มากความอีกทำไม? เสียเวลา!”
สีหน้าของคณบดีก็เริ่มเปลี่ยนแล้ว “คุณคิดว่าคนที่ไร้ประสบการณ์อย่างคุณจะมีโรงพยาบาลไหนรับคุณเข้าทำงาน? เกรงว่าจะไม่มีสักที่ ทุกคนต่างก็เป็นหมอ ใครจะไปกล้าเอาคนอย่างคุณเข้าไปเสี่ยงกัน?”
“อีกอย่าง เด็กน้อย คุณควรเจียมตัวซะบ้างนะ การอยู่ๆ จะมาเป็นหมออย่างเต็มตัวแบบนี้ คุณเองก็ควรย้อนดูตัวเองบ้างนะว่าตัวเองมีความสามารถมากพอหรือเปล่า!”
หลิวเสี่ยวอิงทำเสียงฮึดฮัดแล้วลุกขึ้นยืน “ใครบอกล่ะว่าฉันขาดความสามารถกับประสบการณ์? พวกคุณก็แค่ใช้มาตรฐานของตัวเองมาพิจารณาคนอื่นเท่านั้น รู้แค่ว่าคนที่อายุน้อยจะต้องขาดความสามารถและประสบการณ์ใช่ไหม? ดังนั้นทุกๆคน จึงจำเป็นต้องเดินตามเส้นทางนี้เพียงอย่างเดียวใช่ไหม?”
คณบดีกับผู้อำนวยการคำรามออกมา “นี่คุณ!”
หลิวเสี่ยวอิงหันหลังเพื่อจะเดินจากไป
แล้วในตอนนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออก “คุณหมอหนิว แย่แล้วค่ะ คุณหลี่เสว่คนนั้นหมดสติอีกแล้วค่ะ ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในห้องฉุกเฉินค่ะ กำลังรอคุณอยู่เลยค่ะ!”
พอหนิววั่งได้ยินอย่างนั้น เขาก็ลุกขึ้นทันที แล้วเดินออกไปข้างนอก คณบดีกับผู้อำนวยการเห็นอย่างนั้นก็พากันเดินตามไป ฐานะของหลี่เสว่คนนี้พวกเขารู้จักดี จะมัวชักช้าไม่ได้เด็ดขาด
พริบตาเดียวภายในห้องทำงานก็ไม่หลงเหลือใครแล้ว หลิวเสี่ยวอิงเองก็เดินตามคนพวกนั้นออกไปเหมือนกัน