บทที่167
หลังจากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็ถามไถ่ฝั่งของไอ้หัวล้านหลิวบ้าง “คนที่ผมให้พวกคุณตามหาได้เบาะแสอะไรมาบ้าง?”
“นายครับ พวกเรากำลังพยายามอยู่ครับ แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย” ไอ้หัวล้านหลิวตอบกลับมาจากอีกฟากของโทรศัพท์ ด้วยความที่กลัวไป๋ยี่เฟยจะโกรธเขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “แต่นายวางใจได้เลยครับ ผมจะผลัดเวรกัน24ชั่วโมงเลย เมื่อมีความคืบหน้าอะไรแล้วผมจะรีบรายงานท่านทันทีครับ”
ไป๋ยี่เฟยตอบ อืม แล้ววางสายไป จากนั้นก็โทรหาฉินหัวด้วยคำถามเดิม และคำตอบที่ได้ก็เหมือนเดิม
ไม่มีเบาะแสอะไรจากทั้งสองฝั่งเลย ไป๋ยี่เฟยรู้สึกร้อนรน เขากลัวจริงๆ ถ้าก่อนที่จะหาตัวคนวางยาเจอ แล้วหลี่เสว่เกิดทนถึงตอนนั้นไม่ได้ล่ะจะทำยังไง?
………
ภายในวิลล่า เย่อ้ายที่เพิ่งสงบสติอารมณ์ลงได้ จึงได้หยิบมือถือขึ้นมาเพื่อที่จะโทรหาใครบางคน คนโง่เง่าอย่างหลี่ฝานเธอจะไม่ใช้แล้ว หาคนที่เธอไว้ใจได้ดีกว่า
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ ต่อให้เธออยากใช้งานเขาก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว หลี่ฝานตอนนี้พิการไปแล้ว
แต่เมื่อเธอหยิบมือถือขึ้นมาเสียงกริ่งที่หน้าประตูก็ดังขึ้น
เย่อ้ายเก็บมือถือแล้วไปเปิดประตู
“นี่คุณมาได้ยังไงเนี่ย?” เย่อ้ายหันหลังแล้วเดินกลับเข้าบ้าน
หลิ่วอู๋ฉงที่ยืนอยู่นอกประตูก็เดินตามเธอเข้ามา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องของโหวจวี๋ผมรู้เรื่องแล้วนะ”
“แล้ว?” เย่อ้ายนั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็รินไวน์แดงให้ทั้งคู่
หลิ่วอู๋ฉงรับมันมา จิบไปทีหนึ่ง “ดังนั้น คงได้เวลาที่เราจะมาร่วมมือกันแล้วสินะครับ”
เย่อ้ายขำออกมา “ฉันเองก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะคะว่า การที่คุณสามารถทำให้ทั้งหกบริษัททำตามที่คุณบอกได้นั้นมันก็เก่งใช้ได้เลย แต่เรื่องส่วนตัวของฉัน ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมายุ่งหรอกค่ะ”
เมื่อมีเรื่องของหลี่ฝานให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว นอกจากคนของตระกูลเย่แล้วเย่อ้ายก็ไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น
หลิ่วอู๋ฉงทำเสียงฮึดฮัด “คุณเย่ครับ คุณอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธสิครับ ผมว่าผมมีเหตุผลมากพอที่จะทำให้เราต้องมาร่วมมือกันนะครับ”
“งั้นคุณก็ลองพูดมาดูสิค่ะ ช่วยอธิบายให้ฉันเข้าใจที” เย่อ้ายพูดลอยๆ
หลิ่วอู๋ฉงควงแก้วไวน์ในมือแล้วพูดขึ้นว่า “ผมสนใจในตัวคุณมากนะครับ”
“คุณเย่ไม่เพียงมีหน้าตาที่งดงาม แถมยังฉลาดและมีหลักการ ผู้หญิงทั่วไปไม่มีทางเทียบคุณได้เลยครับ”
“ดังนั้น คุณเย่ไม่สนใจที่จะมาเป็นคนของผมเหรอครับ?”
เย่อ้ายถลึงตาใส่เขา “นี่คุณฝันกลางวันอยู่รึเหล่าคะ?”
เธอไม่ใช่คนแบบที่เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้ แล้วจะยอมเอาตัวเข้าแลกหรอกนะ และที่สำคัญ ไป๋ยี่เฟยต่างหากที่เป็นคนที่เธออยากได้มากที่สุด การที่ร่วมมือกับหลิ่วอู๋ฉงรันแต่จะทำให้เธอห่างไกลจากไป๋ยี่เฟยมากขึ้นเท่านั้น
หลิ่วอู๋ฉงจ้องมาที่เย่อ้าย “ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่? คุณชอบไป๋ยี่เฟยใช่ไหมครับ?”
เย่อ้ายยอมรับอย่างเปิดอก “ใช่ แล้วมันจะทำไมคะ?”
หลิ่วอู๋ฉงพูดขึ้นมาลอยๆ “ผมไม่สนหรอกนะว่าคุณจะชอบใคร ถ้าคุณอยากที่จะได้ไป๋ยี่เฟยมาอยู่ในครอบครอง ผมอาจจะช่วยให้คุณได้เขามาจริงๆ ก็ได้”
เย่อ้ายจ้องหน้าหลิ่วอู๋ฉง เธอไม่สามารถรู้ได้เลยว่าชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ปากก็บอกอยู่ว่าอยากให้เธอเป็นของเขาแต่ก็จะช่วยให้เธอสมหวังกับไป๋ยี่เฟย น่ารำคาญชะมัด
หลิ่วอู๋ฉงเห็นถึงความลังเลของเย่อ้าย “ผมมันแตกต่างจากคนทั่วไป คนทั่วไปมักจะสนใจแต่ตำแหน่ง เงินทองหรือไม่ก็อำนาจ แต่สิ่งที่ผมสนใจมีเพียงแค่คนเท่านั้น”
“ผมรู้สึกถูกใจคุณมาก ผมจึงอยากได้คุณมาครอบครอง และผมก็ใจกว้างกับคนของตัวเองมากด้วยนะครับ ผมยินดีที่จะเสียสละความอดทนอดกลั้นที่ตัวเองมีให้กับคนของตัวเองได้”
คำพูดของหลิ่วอู๋ฉงนั้นทำให้เย่อ้ายรู้สึกถึงความอันตรายที่แอบแฝงอยู่ คนแบบเขา มันน่ากลัวและบ้าบิ่นซะยิ่งกว่าคนที่สนใจแต่เงินทองหรืออำนาจเสียอีก
“ต้องขออภัยด้วยนะคะ ฉันขอปฏิเสธค่ะ” เย่อ้ายอยากจะตัดสัมพันธ์กับหลิ่วอู๋ฉงให้หมดสิ้น
เมื่อ หลิ่วอู๋ฉงได้ยินอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ เขาแค่ยิ้มออกมาอย่างเจื่อนๆ” คุณเย่ครับ ผมคิดว่าต่อให้คุณปฏิเสธไปมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ เพราะไม่ว่าอะไรที่ผมอยากได้ มันก็จะต้องเป็นของผมเสมอครับ”
“นี่คุณหมายความว่ายังไง?” เย่อ้ายรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
หลิ่วอู๋ฉงยิ้มออกมา “ทำตัวสบายๆ ครับ ต่อให้ผมทำอะไรกับคุณ คุณก็ขัดขืนไม่ได้หรอกครับ จริงไหมครับ? คุณเองก็รู้ว่าผมใช้วิธีอะไรในการทำให้ประธานของทั้งหกบริษัททำตามที่ผมสั่งได้ยังไง?”
เย่อ้ายไม่ตอบ มันต้องไม่ใช่วิธีที่ดีแน่ๆ
“นั่นก็เพราะผมวางยาพวกเขาไงครับ คนเราหน่ะ ถึงแม้จะมีความต้องการที่จะไขว่คว้าเงินทองหรืออำนาจที่มากมายเพียงใด แต่ก็ไม่มีใครที่ไม่รักชีวิตหรอกจริงไหมครับ?”
เย่อ้ายตัวเริ่มสั่น หลิ่วอู๋ฉงคนนี้เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ
หลิ่วอู๋ฉงจิบไวน์อีกครั้ง “ช่วงนี้คุณคงรู้สึกว่าตัวเองอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่ายเป็นพิเศษจริงไหมครับ?”
เย่อ้ายตอบสนองได้ในทันที “นี่คุณวางยาฉันเหรอ?”
หลิ่วอู๋ฉงพยักหน้ายอมรับ “ใช่ครับ ดังนั้น คุณเย่จะลองพิจารณาดูอีกรอบไหมครับ?”
เย่อ้ายทำตาเคร่งเครียด แต่ไม่พูดอะไร
หลิ่วอู๋ฉงเองก็ไม่รีบร้อน ยกไวน์ขึ้นมาดื่มจนหมด แล้วยืนขึ้น “คุณเย่ครับ ผมจะให้เวลาคุณตัดสินใจอีกสองวัน แล้วเจอกันใหม่นะครับ”
พูดจบเขาก็หันไปพูดกับบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่หน้าประตู “ต้าเฮยเสี่ยวเฮยจับตาดูคุณเย่ไว้”
ต้าเฮยเสี่ยวเฮยพยักหน้า
ต้าเฮยเสี่ยวเฮยเป็นบอดี้การ์ดที่ตระกูลเย่ส่งมาให้คุ้มครองเธอโดยเฉพาะ แต่พวกเขากลับหักหลังเขาเนี่ยนะ!
“พวกแกเข้ามาเดี๋ยวนี้นะ!” เย่อ้ายตะคอกใส่พวกเขา
ต้าเฮยเสี่ยวเฮยเดินก้มหน้าเข้ามา
“พวกแกรู้รึเปล่าว่าการหักหลังตระกูลเย่มันจะมีจุดจบยังไง?” เย่อ้ายพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว
ต้าเฮยกับเสี่ยวเฮยทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน หน้าตาเหมือนกันมาก ตอนนี้ก็อยู่ในสภาพเดียวกัน ก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามอง เย่อ้าย
เย่อ้ายคำรามออกมา
จากนั้นเย่อ้ายก็ล้วงมือถือออกมาเพื่อที่จะโทรหาใครบางคน
แต่ว่า ต้าเฮยก็เข้ามาแย่งมือถือของเธอไป “คุณหนู โปรดยกโทษให้พวกเราด้วยครับ”
พอเย่อ้ายถูกแย่งมือถือไปความโกรธก็ได้ระเบิดออกมาทันที “ไป! ไสหัวไปซะ!”
ว่าแล้วเธอก็คว้าแก้วไวน์บนโต๊ะขึ้นมาแล้วเขวี้ยงออกไป
แก้วไวน์กับไวน์แดงที่ยังดื่มไม่หมดลอยไปกระทบกับใบหน้าของ ต้าเฮยเสี่ยวเฮย ทั้งคู่ไม่ได้หลบ แต่กลับเดินออกไปอย่างเงียบๆ
เย่อ้ายโกรธจนปัดของที่วางอยู่บนโต๊ะชาทั้งหมดลงพื้นไป แล้วเสียง “แพร้ง!!” ก็ดังไปทั่วห้อง
………
เฉินห้าวนำมือถือที่ชิงมาได้มาวางไว้บนโต๊ะทำงานของไป๋ยี่เฟยด้วยความระมัดระวัง “นายครับ นี่คือมือถือของเขาครับ”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้น เขาก็มองไปที่เฉินห้าวแล้วพูดขึ้นมาว่า “ต่อไปผมจะพยายามไม่สั่งให้คุณไปขโมยมือถือใครอีกแล้ว”
“ห๊ะ?” เฉินห้าวอึ้งไป นี่เจ้านายจะไม่ใช้งานเขาอีกแล้วเหรอ?
ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นก่อนที่เฉินห้าวจะได้เปิดปาก “การขโมยมือถือไม่ใช่สิ่งที่ดี ที่ผมให้คุณติดตามผมก็เพื่อให้คุณมาทำงานให้ผมก็จริง แต่ผมไม่อยากให้คุณกลับไปเดินทางสายเดิม ผมแค่อยากให้คุณใช้ความสามารถของตัวเองไปหาเงินอย่างสุจริตเท่านั้น เข้าใจไหม?”
“นายครับ……”
เดิมทีเฉินห้าวก็ไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น ขอแค่ติดตามนายไปเรื่อยๆ ก็มีเงินใช้แล้ว แต่เจ้านายกลับคิดเพื่อเขาขนาดนี้แม้แต่สิ่งที่เขาไม่ใส่ใจ เจ้านายยังคิดเผื่อเลย
ชั่วขณะหนึ่ง เฉินห้าวรู้สึกสับสนอย่างมาก
ไป๋ยี่เฟยพูดถึงตรงนี้ก็หยุดไป ไม่พูดต่อ “คุณไปพักก่อนเถอะ”
“ครับนาย “เฉินห้าวโค้งคำนับ แล้วเดินจากไป
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมา เฉินห้าวได้จัดการมือถือเครื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องปลดล็อกอีก สามารถเปิดใช้ได้เลย
หลังเปิดมือถือออก สิ่งแรกที่ไป๋ยี่เฟยสนใจคือรายการการโทร ในนั้นเต็มไปด้วยตัวเลขมากมาย
มันคือเบอร์ที่ไม่มีชื่อ หรือก็คือไป๋ยี่เฟยไม่รู้จักคนๆ นี้
หลังจากไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง ไป๋ยี่เฟยก็ตัดสินใจใช้เบอร์นี้มือถือเบอร์นี้โทรออกไป จากนั้นก็เปิดลำโพง
หลังจากเสียงรอสายดังขึ้นสองครั้ง อีกฝั่งก็รับสาย จากนั้นก็มีเสียงที่แหบกร้านดังขึ้น “ว่า”
ไป๋ยี่เฟยนิ่งเงียบ ทั้งคู่ต่างพากันเงียบ
หลังจากผ่านไปหนึ่งนาที เหมือนคนทางนั่นจะสังเกตถึงความผิดปกติแล้ว จึงได้ตัดสายไป