บทที่ 135
เมื่อหวงเหมาเห็นเช่นนี้จึงจ้องไปที่ห้าวจื่อ เพื่อไม่ให้ตนเองลงน้ำด้วย เขาจึงพูดทันที”คุณนะคุณ! นี่คุณกล้าขโมยโทรศัพท์แล้วเหรอ ผมเห็นคุณเป็นเพื่อน คุณกลับทำร้ายผมแบบนี้เหรอ?”
“ พี่ๆ เขาเป็นคนขโมยโทรศัพท์ ไม่ใช่ผม ถ้าคุณต้องการโทรศัพท์ ก็หาเขาสิ!”
ไป๋ยี่เฟยยกคิ้วด้วยความรังเกียจเล็กน้อยกับการกระทำที่ไม่ยุติธรรมของหวงเหมาแล้วพูดกับห้าวจื่อว่า “คุณขโมยมันไปคนเดียวจริงๆเหรอ?”
ห้าวจื่อพยักหน้า “ครับ … ”
แม้ว่าห้าวจื่อจะโกรธเล็กน้อยกับคำพูดของหวงเหมา แต่เขาก็เป็นคนทำเองจริงๆ
เมื่อเห็นว่าห้าวจื่อทำดีเช่นนี้ จึงพูดกับไป๋หู่ทันทีว่า”ปล่อยผมเร็ว ๆ เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผม”
ไป๋หู่ไม่สนใจ แต่มองไปที่ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิดสักพัก ยังไงโทรศัพท์มือถือก็อยู่ที่ของห้าวจื่อ เขาเป็นคนขโมยไป หวงเหมาคนนี้ก็ช่างมันละ เขาจึงพยักหน้า
ทันทีที่ไป๋หู่คลายมือออก หวงเหมาก็ร่วงลงไปที่พื้นจากนั้นก็วิ่งหนีไป
“ กระจอก!” ไป๋ยี่เฟยยิ้มเยาะ
ห้าวจื่อตัวสั่นและพูดว่า “อืม … พวกคุณยกโทษให้ผมเถอะ?ผมจะคืนโทรศัพท์ให้พวกคุณพวกคุณไม่ต้องแจ้งความ … “
“กลัวการโทรเรียกตำรวจมากเหรอ?คุณเคยเข้าไปก่อนไม่ใช่เหรอ?เคยเข้าไปแล้วยังกลัวอะไร?” ในตอนนี้ไป๋ยี่เฟยค่อนข้างชิว
ห้าวจื่อไม่รู้ว่าไป๋ยี่เฟยกำลังจะทำอะไร เขาจึงต้องพูดว่า”เคยเข้าไปแล้ว แต่ผมไม่อยากเข้าไปอีกแล้ว ผม … “
ขณะพูดอยู่ ตาของห้าวจื่อก็เป็นสีแดงและเขากำลังจะร้องไห้
ไป๋ยี่เฟยมองแล้วไม่รู้จะพูดอะไรเขาดี “เป็นลูกผู้ชาย คุณยังคงเป็นคนขโมยโทรศัพท์มือถือ ร้องอะไร?คุณยังน้อยใจเหรอ?”
ห้าวจื่อเบะปาก “เปล่า ผมแค่ต้องการเงิน … “
“คุณต้องการเงินหรือ?” ไป๋ยี่เฟยพูดแล้วถามว่า “ทำไมคุณต้องการเงิน?ต้องการเท่าไหร่?”
ห้าวจื่อลังเลอยู่พักหนึ่งและถามว่า “พวกคุณจะไม่โทรหาตำรวจใช่ไหม?”
“ ไม่แจ้งความละ”
ห้าวจื่อถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินสิ่งนี้ หยิบโทรศัพท์ออกจากอ้อมแขนแล้วถามว่า “อันไหนของคุณ?”
ไป๋ยี่เฟยหยิบโทรศัพท์มือถือยี่ห้ออื่นแล้วพลิกดูอีกครั้ง ข้อมูลทั้งหมดเรียบร้อยดี เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จากนั้นก็เห็นสายตาของห้าวจื่อด้วยการแสดงออกที่อธิบายไม่ถูก
“ สีหน้าอะไรของคุณเนี่ย?” ไป๋ยี่เฟยถาม
ห้าวจื่อส่ายหัว เขาจะกล้าพูดได้ยังไงละ
โดยทั่วไปคนที่มาไล่ตามโทรศัพท์มือถือของตนเองจากระยะไกล ต้องเป็นเพราะโทรศัพท์มือถือมีราคาแพงมาก เขาจึงคิดว่าไอโฟนหนึ่งในสองจะเป็นของเขาใครจะคิดว่าเป็นโทรศัพท์มือถือทั่วไปเครื่องนั้น
เขาไล่ตามมันมาไกลและพาคนที่แข็งแรงแบบนี้มาด้วย เพียงเพื่อโทรศัพท์มือถือยี่ห้อแบบนี้เหรอ มันจะแปลกถ้าสีหน้าของเขาไม่ซับซ้อน!
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจเรื่องพวกนี้และถามว่า “ทำไมคุณถึงต้องการเงิน?”
“ผมจะซื้อยาให้แม่ … ” ห้าวจื่อพูดตรงๆ
ห้าวจื่อมีชื่อว่าเฉินห้าว เป็นเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่มีพ่อมี มีแต่แม่ ตอนอายุ 19 ปีถูกคนอื่นใส่ร้ายว่าขโมยของ จึงได้เข้าคุก เมื่อแม่รู้เรื่องนี้ เธอก็โกรธจนเป็นบ้า
หลังจากที่เฉินห้าวออกมาจากคุก เขาก็พาแม่ของเขาออกจากโรงพยาบาลโรคจิตและดูแลแม่ด้วยตัวเอง เพราะเขาคิดว่ามันอาจจะดีขึ้นเร็วกว่า
จริงอย่างที่เขาคิด สภาพจิตใจของแม่ดีขึ้นมาก แต่ยังขาดยาไม่ได้ เมื่อหยุดแล้วสติก็ผิดปกติอีกครั้ง เพียงแค่ต้องกินยาไปเรื่อยๆ เขารับภาระเหล่านี้ไม่ไหว
คิดได้ว่าก่อนหน้านี้ถูกใส่ร้ายเรื่องที่ไปขโมยของ ดังนั้นจึงคิดว่างั้นก็ไปทำมันจริงๆเลย ด้านนี้เขามีพรสวรรค์
“ พี่ใหญ่ ปล่อยผมไปได้ไหม?” เฉินห้าวถามอย่างระมัดระวัง เขาอธิบายทุกอย่างที่ควรอธิบาย โทรศัพท์ก็ส่งคืนให้เขาแล้ว
ไป๋ยี่เฟยเหลือบมองเฉินห้าวเมื่อได้ยินเช่นนี้ รู้สึกสะเทือนใจและตัดสินใจสิ่งๆหนึ่งในที่สุด
“ไม่ได้”
“หือ?” เฉินห้าวตะลึง “พวกคุณบอกว่าไม่แจ้งตำรวจไม่ใช่เหรอ?ผมไม่อยากไปสถานีตำรวจ พวกคุณปล่อยผมไปเถอะ!”
“ คุณนี่มันกลัวตำรวจจริงๆเลย แต่ว่าผมไม่ได้บอกว่าจะส่งคุณไปสถานีตำรวจสักหน่อย คุณตื่นตระหนกอะไรของคุณ?”
“หือ?” เฉินห้าวเริ่มสับสนมากขึ้น
ไป๋ยี่เฟยตอบว่า “ผมหมายความว่า ต่อไปคุณมาทำงานกับผม ผมจะให้เงินคุณ อืม ยังสามารถรักษาแม่ของคุณให้ด้วย ผมจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้”
เฉินห้าวสามารถขโมยโทรศัพท์มือถือของเขาภายใต้เปลือกตาของไป๋หู่นั้น เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าความสามารถของคนๆนี้ไม่ธรรมดา ดังนั้น คนที่มีความสามารถเช่นนี้ต้องเอามาเป็นใช้งาน เฉินห้าวเงยหน้าขึ้น มองไป๋ยี่เฟย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ไป๋ยี่เฟยอธิบายว่า”ไม่ต้องกังวล ไม่ได้ให้ขโมยของ ผมเป็นนักธุรกิจ ทำงานที่สุจริต”
เฉินห้าวไม่เชื่อว่าคนที่มีตราสินค้าเบ็ดเตล็ดจะเป็นนักธุรกิจได้ เขายังบอกว่าจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เขา
“พี่ใหญ่ ผาขอร้องละ ปล่อยผมไปเถอะนะ? ผมจะไม่กล้าทำอีกแล้ว ผมจะหางานทำและไม่ขโมยของแล้ว … ”
ไป๋ยี่เฟยครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า “คุณรู้สึกไม่วางใจใช่ไหม?ไม่มีปัญหา ถ้าคุณไม่วางใจผมสามารถหาแม่บ้านตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อดูแลแม่ของคุณได้ตลอดเวลา เช่นนี้คุณคงไม่ต้องกังวลแล้วใช่ไหม?ใช่แล้ว ถ้าไม่สะดวกที่จะอยู่บ้านอันเดิม ผมจะหาบ้านใหม่ให้คุณได้อยู่อย่างสบายใจ แบบนี้คุณวางใจได้ยังละ?”
เมื่อเห็นว่าพวกเขาสองคนไม่ได้อยู่ในเลเวลเดียวกันเลย ไป๋หู่ก็มีสีหน้าที่หมดคำที่จะพูด “ พี่ใหญ่ ดึกๆแบบนี้ เราพูดกันดีๆได้ไหม?” เฉินห้าวเห็นว่าไป๋ยี่เฟยดูไม่มีทีท่าว่าจะโมโห เขาก็กล้ามากขึ้น
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกว่า ไอ้หมอนี่คิดว่าเขาโม้!
“สิ่งที่ผมบอกคุณเป็นความจริง คุณอย่าไม่เชื่อ ขอแค่คุณติดตามผม ผมรับรองได้ว่าผมสามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลของแม่ของคุณได้”
เฉินห้าวมองไปที่ไป๋ยี่เฟยและพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “พี่ชาย คุณปล่อยผมเถอะ! ผมกราบละ … ”
หลังจากพูดจบ เฉินห้าวก็คุกเข่าลง ตั้งใจจะก้มกราบ
ไป๋ยี่เฟยรีบยื่นมือออกไปเพื่อดึงเขาขึ้น“ ทำไมคุณถึงไม่เชื่อ?ในยุคนี้ หรือว่าคนเราจะเชื่อคำโกหกหรือ?”
“ พี่ใหญ่ คุณคิดว่าคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือยี่ห้อแบบนั้น มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน?” เฉินห้าวถามกลับ
ไม่พูดไม่รู้ พูดแล้วมันจริงด้วย!
ไป๋ยี่เฟยขี้เกียจที่จะบอกเขาแล้ว“ ไปๆๆ คุณจะเชื่อเมื่อได้เห็นด้วยตาของคุณเอง” หลังจากพูดเสร็จ ไป๋ยี่เฟยก็พาเฉินห้าวไปที่รถ
เฉินห้าวตะลึง “พี่ชาย คุณจะพาผมไปไหน?”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากวิ่งหนี เขาจัดการกับไป๋ยี่เฟยคนเดียวไม่มีปัญหา แต่ยังมีไป๋หู่! เขาขัดขืนไม่ได้
“ก่อนอื่นพาคุณไปที่บ้านหลังใหม่ ถ้าคุณคิดว่าโอเคแล้ว พรุ่งนี้คุณก็พาแม่ของคุณมาจากนั้นผมจะหาแม่บ้านให้คุณ” ไป๋ยี่เฟยพูดขณะที่เขาเดิน
เมื่อทั้งสามคนเดินไปที่รถ BMW เฉินห้าวก็ผงะไปชั่วขณะ จากนั้นตัดสินทันที นี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเช่า!
หลังจากขึ้นรถ ไป๋ยี่เฟยก็หยิบโทรศัพท์ออกมา
“ผู้จัดการเย่ ดึกขนาดนี้รบกวนคุณแล้ว ผมต้องการบ้านในหลันโปกั่ง แบบสามห้องนอนธรรมดาก็พอละ”
เฉินห้าวมองไปที่เขาและคิดว่า พี่ใหญ่คนนี้แสดงละครเต็มเรื่อง เขาทุ่มเทมาก!
อย่างไรก็ตาม เฉินห้าวตกตะลึงเมื่อมาถึงชุมชนหลันโปกั่ง
บ้านหลังนี้มี 3 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น เฟอร์นิเจอร์ค่อนข้างครบ ย้ายเข้าไปอยู่ได้เลย เมื่อเฉินห้าวเห็นสิ่งนี้ เขาก็ต้องนึกย้อนไปถึงสิ่งที่ไป๋ยี่เฟยพูดตอนนั้น แม่งมันเป็นความจริงทั้งหมด!
“โอเค อย่าคิดมาก คิดได้แล้วพรุ่งนี้ค่อยโทรหาผม” หลังจากพูดจบ ไป๋ยี่เฟยโยนกุญแจให้เฉินห้าวและพาไป๋หู่ออกไป
เฉินห้าวยืนอยู่คนเดียวในบ้านที่ว่างเปล่าหลังนี้ เหม่อลอยและตกตะลึง
ผ่านไปเป็นเวลานาน เฉินห้าวพึ่งดึงสติกลับมาได้“ เหี้ย! นี่มันต้องมากกว่า 100 ตารางเมตรใช่ไหม?เป็นหลันโปกั่งอีก รวมๆแล้วก็สามสี่ล้านได้มั้ง?มอบให้ผมแบบนี้เลยเหรอ?”