บทที่116
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจ
ตอนนี้ไม่มีว่ามีข่าวอะไร ก็ไม่สำคัญกว่าหลี่เสว่ ต่อให้เป็นข่าวคริสตัลกรุ๊ปของหวังโหลวกำลังจะแย่งอุตสาหกรรมที่โหวจวี๋กรุ๊ปจะซื้อมาอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่เฉียงตงก็มา
“เกิดอะไรขึ้น?”
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าขึ้น แล้วเงียบไปครู่ เขารู้ดีว่าหลี่เฉียงตงรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง เขาจึงเล่าเรื่องอย่างรวบรัด
หลังจากที่หลี่เฉียงตงฟังจบ ดูไม่ได้จริงจังเหมือนครั้งก่อน แต่ก็พูดเฉยๆ: “เสว่เอ๋อต้องไม่เป็นอะไร”
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่หลี่เฉียงตงอย่างสงสัย แล้วเพิ่งนึกออกว่ามีแค่เขามาที่คนเดียว “คุณแม่ละครับ?”
“อย่าให้เธอรู้นะ เกรงว่าเธอจะเป็นห่วง”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า ก็จริง ดูจากท่าทางนิสัยของแม่ยายแล้ว ถ้าเกิดรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรกับหลี่เสว่ ด่าว่าเขาเละเทะแน่
หลังจากที่เงียบไปครู่ หลี่เฉียงตงก็ถามอีกครั้ง: “ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น?มีคนมากมาย”
“ขัดขวางการปฏิบัติงานของหมอ” ไป๋ยี่เฟยตอบ “เมื่อกี้ห้ามไม่ให้ผมเข้ามา ผมจึงบุกเข้ามา”
หลี่เฉียงตงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับทางกฎหมายเลยเหรอ? ครอบครัวตัวเองไม่อยู่แล้ว ต้องการที่จะทำให้รอผู้ป่วยรายอื่น ทำให้ครอบครัวคนอื่นเสียชีวิตเหรอ?ไม่มีความรู้สึกผิดชั่วดีอยู่เลยเหรอ!”
ขณะนี้ หมอประจำห้องฉุกเฉินได้เปิดประตูออกมา
“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้ว ตอนนี้ย้ายเธอไปพักรักตัวที่ห้องพักฟื้นแล้ว เดี๋ยวพวกคุณก็สามารถเข้าไปเยี่ยมเธอได้แล้วนะครับ แต่ก่อนจะไป เชิญทั้งสองคนไปที่ห้องทำงานของหมอก่อน”หมอพูดกับไป๋ยี่เฟยและหลี่เฉียงตง
หลี่เฉียงตงและไป๋ยี่เฟยมองหน้ากัน แล้วเดินตามหมอไปที่ห้องทำงาน
ในห้องทำงาน หมอกล่าวเคร่งขรึม: “เมื่อกี้เราได้ทำการตรวจร่างกายคนไข้อย่างละเอียด ร่างกายของเธอไม่มีปัญหาอะไร มีเพียงสิ่งเดียวคือมีสารพิษอยู่ในเลือดของเธอ”
“อะไรนะ?”ไป๋ยี่เฟยและหลี่เฉียงตงค่อนข้างตกใจ “สารพิษอะไร? แก้ได้หรือเปล่า?”
หมอตอบกลับ: “ตอนนี้ยังไม่รู้ว่ามันคือสารพิษอะไร ตอนนี้ส่งไปตรวจที่เมืองหลวงแล้ว ต้องรอผลตรวจจากทางนั่นออกมาก่อนถึงจะรู้”
“แต่พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วง นี่เป็นสารพิษเรื้อรัง ตราบใดที่ไม่ทำให้ผู้ป่วยมีอารมณ์พลุ่งพล่านมากเกินไป
“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีอารมณ์พลุ่งพล่านมากเกินไป?”ไป๋ยี่เฟยถามด้วยความร้อนใจ
“อาจทำให้การเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น รุนแรงเหมือนวันนี้ หมดสติไป”
ใจของไป๋ยี่เฟยและหลี่เฉียงตงจมลงสู่ก้นบึ้ง
หลี่เฉียงตงถาม “แล้วเธอจะฟื้นเมื่อไหร่?”
“อาจฟื้นได้ทุกเมื่อ”
ทั้งสองเดินออกมาจากห้องทำงาน ไปยันห้องที่หลี่เสว่พักฟื้น
ไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่ข้างเตียง แล้วมองไปที่หลี่เสว่ ในใจก็รู้สึกกังวลแล้วเป็นห่วง
โดยสารพิษ แล้วโดนสารพิษอะไร?
ทันใดนั้น ไป๋ยี่เฟยก็นึกออกทันที หรือจะเป็นผงวันนั้น!
ในขณะนั้น โทรศัพท์ของไป๋ยี่เฟยก็ดังขึ้น ก็ยังคงเป็นหลงหลิงหลิง
ในตอนนี้ไป๋ยี่เฟยไม่มีอารมณ์จะไปรับรู้ข่าวใดๆ แล้วก็ไม่อยากจะจัดการอะไรกับเรื่องของบริษัท เขาอยากดูแลหลี่เสว่ จึงวางสายไปอย่างไม่ลังเล แล้วปิดเครื่อง
หลี่เฉียงวตงเมื่อเห็นสิ่งนี้ก็ขมวดคิ้ว แล้วพูดขึ้นเบาๆ: “เสว่เอ๋อตอนนี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว นายเองก็ไม่ต้องกังวลมากขนาดนั้น”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
หลี่เฉียงตงเมื่อเห็นเช่นนี้ก็พูด: “ตอนนี้เสว่เอ๋อก็ไม่เป็นอะไรแล้ว นายเองก็ควรที่จะลุกขึ้นยืนหยัดสู้ต่อไป ยังมีเรื่องอีกหลายสิ่งหลายอย่างรอให้นายไปจัดการ”
ไป๋ยี่เฟยเข้าใจความหมายของหลี่เฉียวตง แต่เมื่อไม่เห็นหลี่เสว่ฟื้นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเธอโดนสารพิษอะไรมา ในใจของเขาก็เป็นทุกข์ ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจกับเรื่องอื่น
“ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงเสว่เอ๋อ แต่ตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่านี้ ที่นายต้องไปทำ”
ไป๋ยี่เฟยสงสัยแล้วเงยหน้าขึ้น มีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ?
“แต่ผมรู้สึกว่า ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือดูแลเสว่เอ๋อ”
หลี่เฉียงตงไม่มีทางเลือก “นายนั่งรออยู่ที่นี่สามารถแก้พิษของเสว่เอ๋อได้เหรอ?”
“นายไปจัดการในเรื่องที่นายควรทำ! ตอนที่ยังต้องการนาย ไม่เช่นนั้นการเล่นจะไม่สมบูรณ์”
“ เวลาโกรธก็ให้ระเบิดออกมา อย่ากดมันไหวที่ตัวเอง ”
“ต่อไปก็ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวทั้งหมด ฉันหวังว่านายจะดูให้มันดีกว่านี้ บางครั้ง มันก็ไม่ใช่แบบที่นายเห็นเสมอไป”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ไป๋ยี่เฟยยังคงไม่เข้าใจ แต่เขารู้ ว่าตอนนี้เขาต้องทำอะไร
เปิดโทรศัพท์ แล้วโทรกลับหาหลงหลิงหลิง
หลงหลิงหลิงก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เธอก็พูด: “ท่านประธานค่ะ ผงที่ท่านให้ดิฉันไปตรวจสอบแล้ว เป็นยาพิษที่ไม่รู้จักชื่อค่ะ”
หลังจากที่วางสายไป ไป๋ยี่เฟยก็ไปที่ห้องทำงานหมออีกครั้ง เพื่อขอตัวอย่างเลือดของหลี่เสว่ แล้วเดินออกไปหาไป๋หู่
ไป๋ยี่เฟยยื่นตัวย่างเลือดที่อยู่ในมือให้ไป๋หู่ “นี่คือตัวอย่างเลือดของเสว่เอ๋อ นายช่วยฉันเอาไปที่เมืองหลวง หาพ่อ……ฉัน ให้เขาช่วยหาหมอที่ดีที่สุดช่วยตรวจสอบหน่อย”
ไป๋หู่ไม่รับ ในขณะแล้วก็ส่ายหัว
ไป๋ยี่เฟยดูกังวล “ช่วยฉันเรื่องนี้หน่อยได้มั้ย! ฉันเชื่อใจนายแค่คนเดียว”
ไป๋หู่มองไปที่ไป๋ยี่เฟยยังไม่สีหน้าว่างเปล่า แล้วพูด: “นายกำลังจะผลักไสฉัน”
น้ำเสียงดูมีหนักแน่น
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ตกใจ แน่นอน ว่าเขากำลังจะผลักไสไป๋หู่ ให้เขาออกจากเมืองเทียนเป่ยนี้ไป
แต่ไป๋หู่รู้ทัน ไป๋ยี่เฟยก็พูดออกมา: “เพราะมีเรื่องบางอย่าง ที่ยังบอกให้นายรู้ตอนนี้ไม่ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ไป๋หู่ก็มองไปที่ไป๋ยี่เฟยอย่างเย็นชา “หน้าที่ของฉันคือดูแลความปลอดภัยให้นาย”
ไป๋หู่อยู่ที่นี่ เขาสามารถดูแลปลอดภัยได้ แต่ถ้าไป๋หู่ยังอยู่ที่นี่ เรื่องต่อไปที่เขาจะทำก็คงไม่สามารถทำได้ ไม่เพียงแค่นั้น เรื่องรอบตัวของเขาพ่อแม่ที่อยู่เมืองหลวงก็คงจะรู้ทุกอย่าง
ถ้าเกิดพวกท่านรู้ว่าเขายอมที่เสียสละชีวิตเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ก็คงไม่ยอมแน่นอน
ไป๋หู่ดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง และพูดว่า: “นายท่านไม่ยอมแน่นอน”
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าขึ้นมองไปที่ไป๋หู่ “ฉันบอกแล้ว ฉันเชื่อใจนาย แล้วนายละฉันเชื่อใจฉันไหม?”
“ฉันเชื่อในตัวพ่อของนาย”
เมื่อพูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็พูดด้วยใบหน้าเย็นชา: “โอเค ดูแลความปลอดภัยให้ฉันใช่มั้ย งั้นตอนนี้ฉันก็จะไปตาย นายห้ามฉันได้เหรอ?”
ไป๋หู่ขมวดคิ้ว ก็ใช่ ถ้าใครอยากตาย ก็ห้ามไม่ได้
“นี่นายกำลังขู่ฉันเหรอ?”
“ใช่!”ไป๋ยี่เฟยยอมรับอย่างตั้งใจ
ไป๋หู่ไม่ได้ถอนตัว เขายื่นมือออกไป หยิบตัวอย่างเลือด แล้วหายตัวไปจากโรงพยาบาล
ไป๋ยี่เฟยถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วค่อยขับรถกลับบ้าน
กลับถึงบ้าน เขาก็มานั่งที่ห้องนั่งเล่น รออย่างใจเย็น
สามชั่วโมงต่อมา ก็มีร่างดำรีบเดินเข้ามา ตรงหน้าไป๋ยี่เฟย
“นี่คือรีบมาหาที่ตายเหรอ?”ร่างดำถาม
ไป๋ยี่เฟยเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่นักฆ่าที่อยู่ตรงหน้าที่เคยเจอมาแล้วสองครั้ง แล้วพูดเบาๆ: “ นั่งก่อน”
ที่เขาผลักไสให้ไป๋หู่ออกจากที่นี่ก็เพื่อรอนักฆ่า ไป๋หู่ไปแล้ว เป็นถึงนักฆ่า ก็คงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปได้ง่ายใช่มั้ยละ?
นักฆ่าหัวเราะเบาๆ แล้วนั่งลงที่โซฟาตรงข้าม และถาม: “อยากตายจริงๆเหรอ?”
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า แล้วถาม: “ไม่รู้ว่าควรจะเรียกคุณว่าอะไร?”
นักฆ่าไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับท่าทีที่สงบของไป๋ยี่เฟย ขมวดคิ้วและตอบว่า: “สวีลั่ง”
“สวัสดีครับนายสวี เรามาคุยเรื่องธุรกิจกันหน่อย!”
“มาคุยธุรกิจกับฉันเหรอ?”