ตอนที่ 97
ในขณะนี้เอง รปภที่อยู่บริเวณห้องวิวทะเลก็วิ่งเข้ามา ช่วยกับจับตัวเฝิงสือตงเอาไว้
แม้ว่าเฝิงสือตงจะทำผิด แต่เฉินเสี่ยวเทียนกลับไม่พอใจหลงหลิงหลิง “พี่ดูสิ ถ้าพี่ตอบตกลงเขาไปเรื่องก็จบ ไม่เห็นต้องบังคับให้พี่เขยทำถึงขนาดนี้เลย”
แต่หลงหลิงหลิงก็ไม่ได้สนใจ แต่กลับจับมือของไป๋ยี่เฟยอย่างระมัดระวัง กระซิบอย่างแผ่วเบา “ไป๋ยี่เฟย คุณเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม ฉันจะรีบเรียกรถนะ”
พูดจบหลงหลิงหลิงรีบหยิบมือถือขึ้นมาเรียกรถ
ในขณะที่รอรถ ไป๋ยี่เฟยหันไปทางต่งหยุนและพูดว่า “คุณป้าเห็นแล้วใช่ไหม เห็นแบบนี้แล้วยังอยากจะยกลูกสาวให้เขาอีกไหม”
ต่งหยุนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ “เวรกรรมจริงๆ…ฮือ ฮือ…”
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้พูดต่อ ถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่ใจดำเกินไป ก็น่าจะเข้าใจแล้ว
ลองจินตนาการดู ถ้าหลงหลิงหลิงแต่งเข้าบ้านนั้นจริง ถ้าเป็นเฝิงสือตงแบบเมื่อครู่นี้ หากวันนึงหลงหลิงหลิงทำอะไรให้เขาไม่พอใจ เขาก็จะเอามีดมาแทงหลงหลิงให้ตายใช่ไหม
ไม่นานรถก็มาถึง หลงหลิงหลิงไปโรงพยาบาลกับไป๋ยี่เฟิง
คุณหมอทำแผลเสร็จ และจ่ายาอย่างรวดเร็ว
หลงหลิงหลิงมองไปที่มือที่พันผ้าก๊อตของไป๋ยี่เฟย ก็น้ำตาคลอเบ้าและพูดสะอึกสะอื้นว่า “ท่านประธานคะ ขอโทษด้วยนะคะ ทุกอย่างเป็นเพราะฉัน……”
“ไม่เป็นไร ”พูดจบก็ยกมือที่พันผ้าก๊อตโบกไปมา
“ขอบคุณนะคะ ท่านประธาน”
ไป๋ยี่เฟยอดขำไม่ได้ “เดี๋ยวเธอก็ขอโทษ เดี๋ยวเธอก็ขอบคุณ สรุปจะขอโทษหรือขอบคุณกันแน่”
หลงหลิงหลิงรู้สึกอาย พูดต่อว่า “ทั้งสองอย่างค่ะ สรุปก็คือ ฉันขอเลี้ยงข้าวท่านประธานนะ”
ถ้าวันนี้ไม่มีไป๋ยี่เฟย ก็ไม่รู้ว่าโรคจริงอย่างเฝิงสือตงจะทำอะไรอีกบ้าง แถมไป๋ยี่เฟยยังต้องเจ็บตัวเพราะเธอ ยังไงก็ต้องแสดงความขอบคุณหน่อย
ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ปฏิเสธ
ทั้งคู่ออกจากโรงพยาบาล ก็เจอร้านหนึ่งที่ชื่อว่า “ร้านอาหารเผยซี”
ขณะเดียวกัน ตำแหน่งริมหน้าต่างชั้น2ของร้านอาหารเผยซี มีชายในชุดลำลองนั่งอยู่ ชายคนนั้นอายุราวๆ20กว่าปี กำลังนั่งทานอาหารอย่างไม่ช้าไม่ไว
หลิ่วเซียวเหยาที่ได้ข่าวตั้งแต่เช้าว่าหวังโหลวจะมาที่นี่ เมื่อเห็นหวังโหลวก็เดินเข้าไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“พี่หวัง มาคนเดียวเหรอ”
หวังโหลวเงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วเบาๆ “ผมรู้จักคุณหรือ”
หลิ่วเซียวเหยารู้สึกเขิลนิดหน่อย ยิ้มต่อและพูดว่า “สวัสดีครัย ผมมาจากหลิ่วซื่อกรุ๊ป ผมชื่อ หลิ่วเซียวเหยา”
หวังโหลวได้ยินแล้วก็เริ่มระวังตัว เรื่องระหว่างไป๋ยี่เฟยกับหลิ่วซื่อกรุ๊ป ถึงแม้เขาจะไม่รู้อะไรมาก แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าคนของหลิ่วซื่อกรุ๊ปไม่ค่อยน่าคบหา
“มีธุระหรือ”
“ถ้าเกี่ยวกับธุรกิจก็ไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว”
หลิ่วเซียวเหยานั่งลงตรงหน้าหวังโหลวแล้วพูดว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่ครับ รสชาติอาหารร้านนี้ไม่เลวเลย ผมก็เคยมาหลายครั้งแล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้พบกับพี่หวังที่นี่”
“เห็นพี่หวังมาคนเดียว เลยอยากจะเข้ามาทำความรู้จัก สร้างความคุ้นเคยกัน”
หวังโหลวค่อยๆมองขึ้นไปและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า “มาทำความรู้จักเพื่อหวังให้ผมร่วมมือกันโจมตีโหวจวี๋กรุ๊ปอย่างนั้นหรือ”
สีหน้าของหลิ่วเซียวเหยาแข็งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกหวังโหลวขัดจังหวะ
“หลิ่วซื่อกรุ๊ปกำลังถูกโหวจวี๋กรุ๊ปบีบอยู่ เรื่องนี้ผมรู้ดี อย่าคิดมาหลอกผมเลย”
หลิ่วเซียวเหยาฝืนยิ้มและพูดอย่างจำใจว่า “พี่หวังเข้าใจผิดแล้ว ผมแค่ตั้งใจมาทำความรู้จักจริงๆ”
หวังโหลวยิ้มอย่างเฉยชาและพูดว่า “ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ ผมก็ไม่สนใจเรื่องที่จะโจมตีโหวจวี๋กรุ๊ป”
พูดจบ หวังโหลวเช็ดปาก ลุกขึ้นเตรียมตัวลงไปชั้นล่าง
ทันใดนั้น ทันทีที่เดินไปถึงหน้าบันได เขาก็ต้องตกใจกับฉากตรงหน้า
หลิ่วเซียวเหยาที่ไล่ตามเขามาเห็นแล้วงงก็เลยถามว่า “พี่หวังเป็นอะไรไปครับ”
หวังโหลวไม่ได้พูดอะไร แค่จับจ้องอยู่ที่โต๊ะบางโต๊ะในร้าน
หลิ่วเซียวเหยาเห็นดังนั้นก็มองตามด้วย
บนโต๊ะอาหาร หลงหลิงหลิงกำลังป้อนไป๋ยี่เฟยทีละคำทีละคำ เพราะมือที่พันผ้าก๊อตของไป๋ยี่เฟย ทำให้เขาจับตะเกียบไม่สะดวก
แต่หากเป็นคนที่ไม่รู้จักเห็น คงคิดว่าเป็นการกระทำระหว่างคนรักกัน
หลิ่วเซียวเหยาดีใจมากที่ได้เห็นฉากนี้ จากนั้นก็เก็บอาการ สังเกตปฏิกิริยาของหวังโหลวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ไม่มีการแสดงออกของสีหน้าหวังโหลวเหลืออีกต่อไป แต่หลิ่วเซียวเหยาก็สังเกตเห็นมือของหวังโหลวกำหมัดไว้แน่น
ที่โต๊ะอาหารด้านล่าง
ในฐานะลูกผู้ชาย ผู้ชายในวัยผู้ใหญ่ เขารู้สึกอายมาก ที่ต้องมาให้หลงหลิงหลิงป้อนอาหารทีละคำเหมือนเด็กทารกแบบนี้
อารมณ์ของหลงหลิงหลิงไม่เลวเลย มีรอยยิ้มจางๆบนมุมปากตลอดเวลา
ไป๋ยี่เฟยไม่สามารถปฏิเสธ เลยต้องปล่อยเลยไป
ทานอาหารมื้อนี้เสร็จไปในบรรยากาศแปลก แต่เพราะว่าพวกเขาจดจ่อมากเกินไป มีสายตามองมาเป็นครั้งคราว ล้วนเป็นสายตาของความเกลียดชังดั่งศัตรู
ส่วนใหญ่ก็อิจฉาไป๋ยี่เฟยที่มีสาวสวยคอยป้อนอาหารให้
ทานอาหารเสร็จ ไป๋ยี่เฟยอยากกลับบริษัท หลงหลิงหลิงก็ยืนยันขอไปส่งเขา
ไป๋ยี่เฟยหมดหนทางปฏิเสธ เลยยินยอมให้เขาไปส่ง
คืนนั้นหลี่เสว่ก็ลากร่างสะบักสะบอมของเธอกลับถึงบ้าน
เห็นไป๋ยี่เฟยก็เลยจะถามเรื่องบางเรื่อง แต่กลับเห็นมือที่บาดเจ็บของเขา ก็ตกใจมาก “มือของคุณเป็นอะไร”
ไป๋ยี่เฟยไม่อยากให้หลี่เสว่เป็นห่วงเลยบอกไปว่า “เห้อ วันนี้โชคไม่ค่อยดี ไม่ระวังเดิมล้มมือเลยโดนก้อนหินบาด”
“ทำไมถึงไม่ระวังแบบนี้คะ”
ไป๋ยี่เฟยเห็นดังนั้นก็รีบเปลี่ยนเรื่อง “ใช่แล้ว วันนี้ถ่ายทำเป็นยังไงบ้าง ช่วงนั้นราบรื่นดีไหม”
หลี่เสว่ได้ยินเรื่องนี้ ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ “ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีค่ะ”
สวี่เชี่ยนเป็นดาราดัง ตอนนี้เธอได้มาถ่ายโฆษณาแทนสวี่เชี่ยน มันเป็นเรื่องที่วิเศษมาก เธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีวันนี้