ตอนที่ 92
หลี่เสว่รู้สึกน้อยใจ เขาไปยั่วโมโหสวี่เชี่ยนเมื่อไหร่ แค่ไม่ได้ตั้งใจทำรองเท้าเลอะถึงขั้นต้องเหยียดหยามกันขนาดนี้
อันที่จริงสิ่งนี้ต้องย้อนไปถึงครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
ตอนนั้นสวี่เชี่ยนเพิ่งมาถึง โดยอาศัยชื่อของตัวเอง บ่นเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการถ่ายทำที่นี่ การโฆษณาไม่สร้างสรรค์ คอมเพลนนั่นคอมเพลนนี่
ผู้กำกับก็ไม่กล้ามีเรื่องกับคนดังคนนี้ ได้แต่ขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า
หลี่เสว่ยืนอยู่ข้างหลังผู้กำกับตลอด ดูผู้กำกับต้องคอยขอโทษตลอดเวลา ก็อดไม่ได้และพูดว่า “พวกคุณมาช้าไปสองชั่วโมง … “
ด้วยคำพูดเหล่านี้ ทำให้สวี่เชี่ยนเริ่มสังเกตหลี่เสว่ นอกจากนั้นยังสังเกตเห็นถึงใบหน้าที่สวยงามและบุคลิกของหลี่เสว่
หน้าตาของสวี่เชี่ยนนั้นไม่เลว แถมยังมีรูปร่างที่น่าหลงไหล
แต่หลังจากได้เห็นหลี่เสว่ สวี่เชี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะเหล่ตามอง
หน้าตาของหลี่เสว่นั้นไม่ต้องพูดถึง ที่สำคัญคือนิสัยใจคอ บุคลิกของเธอ สะอาดและบริสุทธิ์ไม่เปื้อนฝุ่น เป็นคนประเภทที่ผู้ชายทุกคนเห็นแล้วต้องชอบ
ในปี 2559 เนื่องจากที่พิธีกรเบอร์หนึ่งของสถานีโทรทัศน์เดิมแต่งงานและมีลูก เธออาจจะกลายเป็นเบอร์หนึ่งคนล่าสุดของสถานีโทรทัศน์ แต่ในเวลานั้น ปรากฏว่ามีพิธีกรคนใหม่ชื่อหนานหนานปรากฏตัวขึ้นและเธอก็คว้าตำแหน่งที่สวี่เชี่ยนสมควรได้รับ
สาเหตุเพราะหนานหนานคนนี้สวยใสไร้เดียงสาและอายุน้อยกว่าสวี่เชี่ยน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป สวี่เชี่ยนก็เริ่มไม่ชอบคนที่หน้าตาไร้เดียงสา ตอนนี้มาเจอหลี่เสว่ เลยอารมณ์ไม่ดี
“ยืนงงอะไรอยู่ ยังไม่รีบเลียอีก”สวี่เชี่ยนพูดขึ้น “ไม่เลียให้สะอาด ฉันก็จะไม่ถ่ายแล้ว”
พูดจบก็หันไปทางผู้กำกับ สายตาสื่อความหมายชัดเจน
เห็นได้ชัดว่าผู้กำกับลำบากใจมาก
เดิมทีเป็นเรื่องเล็กน้อย อยู่ๆพัฒนาไปถึงขั้นนี้ได้อย่างไร เขาควรทำยังไงดี อีกทั้งหลี่เสว่เพิ่งมาใหม่ นิสัยก็ดี แถมยังขยันขันแข็ง ในใจเขาลังเลมาก
แต่ใครให้เขาเป็นคนดังล่ะ
“หลี่เสว่ ขอโทษเขาเถอะนะ ทำตามที่คุณสวี่เชี่ยนเขาบอกเถอะ……” ประโยคหลังจากนั้นผู้กำกับพูดไม่ออก
หลี่เสว่ได้ยินผู้กำกับพูดแบบนั้นก็โมโห “ผู้กำกับจะให้ฉันเลียรองเท้าเหรอคะ”
ผู้กำกับก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี “แล้วจะเอายังไงละ ถ้าคุณสวี่เชี่ยนไม่ยอมถ่าย ก็ไม่มีโฆษณาไปส่งมอบงาน ความเสียหายนี้ผมรับผิดชอบไม่ไหวหรอก”
“เธอยังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจใช่ไหม ฉันจะบอกเธอให้นะ เธอมีโอกาสเลียรองเท้าให้คุณสวี่เชี่ยนถือว่าเป็นวาสนาของเธอแล้ว ยังมีนะ คนอื่นเขารอเธออยู่ อย่าทำให้คนอื่นเสียเวลาสิ”ผู้จัดการส่วนตัวของสวี่เชี่ยนพูดไปต่างๆนานา
เดิมทีทุกคนก็คิดว่าหลี่เสว่ไม่ได้ทำความผิดใหญ่โตอะไร ไม่น่าจะต้องถูกเหยียดหยามขนาดนี้
แต่หลังจากฟังคำพูดของผู้จัดการส่วนตัวแล้ว ด้านของความเห็นแก่ตัวก็ปรากฏขึ้นมา
“ใช่ๆ หลี่เสว่ เธอรีบทำตามเถอะ”
“รีบทำให้เสร็จจะได้ไม่เสียเวลาทำงาน”
“ความเสียหายจากการทำงานล่าช้าไม่มีใครรับผิดชอบไหวหรอก”
“หลี่เสว่เธอก็ทำผิดจริงๆ หากไม่ทำตามตาม เจ้านายรู้เข้าจะโดนไล่ออกนะ”
หลี่เสว่ได้ยินทุกคนว่ากล่าวประโยคแล้วประโยคเล่า หัวใจจมสู่ก้นบึ้ง ขณะเดียวกัน ยังมีความน้อยใจที่ไม่อาจบรรยายได้
คนรอบตัวยังไม่หยุดโทษเธอ หลี่เสว่กำมือแน่นและเงยหน้าขึ้น “งั้นก็ไล่ฉันออกเถอะ”
พูดจบ ยังมีบางคนยังไม่หยุดพูด “ทำไมเธอถึงเห็นแก่ตัวขนาดนี้ คิดว่าไล่เธอออกแล้วจะแก้ปัญหาได้เหรอ”
“ใช่ๆ ทำให้การถ่ายทำล่าช้าเธอมีปัญญาชดใช้เหรอ”
หลี่เสว่ได้ยินดังนั้น ตาเริ่มแดงขึ้นมา
ขณะเดียวกัน ไป๋ยี่เฟยที่เพิ่งเข้ามาในวงล้อมได้ก็พูดขึ้นมาอย่างนิ่งๆว่า”งั้นไล่เขาออกดีละ”
ผู้คนหันตามไปทางเสียงนั้น มีคนไม่รู้จักเขา แต่ก็มีบางคนที่รู้จักเขา แน่นอนว่า ความรู้จักนี้หมายถึงสถานะของเขาในตอนนี้
“ไป๋ยี่เฟยไม่ได้ระบุชื่อ ทุกคนเลยคิดว่าให้ไล่หลี่เสว่ออกไป”
ยังมีบางคนพูดขึ้นว่า “ไล่เขาออกก็ไม่ได้แก้ปัญหา ยังไงให้เขาจัดการเรื่องให้เสร็จดีกว่า”
“ใช่ๆ ไล่ออกก็อีกเรื่องนี้ ยังไงก็ต้องทำการขอโทษ ไม่งั้นจะทำให้ถ่ายทำล่าช้า”
หลี่เสว่ตกใจ “คุณมาได้ยังไง”
ไป๋ยี่เฟยมายืนข้างๆแล้วจับมือเธอไว้
แต่หลีเสว่เข้าใจว่าไป๋ยี่เฟยให้ไล่เธอออก แต่เธอไม่ผิด ทำไมเขาถึงต้องช่วยพวกนั้นมาเหยียดหยามเธอด้วย
จากนั้น แค่เห็นว่าไป๋ยี่เฟยกวาดสายตาไปทางผู้คน แล้วยกนิ้วชี้ไปทางสวี่เชี่ยนแล้วพูดเสียงหนักแน่นว่า “”ผมบอกให้ไล่เขาออก
“อะไรนะ”
ทุกคนช็อกไป
หลี่เสว่ก็อึ้งไป
สวี่เชี่ยนชะงักไปพักหนึ่ง คำพูดของไป๋ยี่เฟยทำให้เธอโมโหจนหัวเราะออกมา
“ไล่ฉันออก”
ผู้จัดการส่วนตัวของสวี่เชี่ยนโกรธมาก ”นายเป็นใครถึงได้กล้าไล่คุณสวี่เชี่ยนของพวกเรา”
“ผมเป็นผู้รับผิดชอบงานโฆษณาในครั้งนี้ของบริษัท” ไป๋ยี่เฟยตอบแบบนิ่งๆ
“แค่ผู้รับผิดชอบคนนึงกล้าพูดจาโอหังขนาดนี้ ไล่สวี่เชี่ยนออก แกไม่มีสิทธิ์นี้”
ไป๋ยี่เฟยพูดด้วยความเย็นชา ”ผมมีไม่มีสิทธ์ ไม่ใช่คุณเป็นคนตัดสินมั้งครับ”
ใบหน้าผู้จัดการส่วนตัวยังเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “คุณเป็นแค่คนรับผิดชอบโฆษณา กล้าทำเกินหน้าเกินตาบริษัท กล้ามาไล่ดาราดังที่บริษัทเชิญมางั้นหรือ”
สายตาของไป๋ยี่เฟยเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ “มีตัวเลือกสองตัวเลือกให้พวกคุณสองคน”
“จะให้สวี่เชี่ยนมาขอโทษหลี่เสว่ หรือจะเก็บของแล้วออกจากที่นี่ไป”
“อะไรนะ”
ผู้รับผิดชอบโครงการคนนึงอย่างไป๋ยี่เฟยผยองกล้าไล่ดาราดังคนนึงออกไป อย่าว่าแต่เขาเป็นแค่ผู้รับผิดชอบโครงการตัวเล็กๆเลย ถึงเป็นประธานบริษัทโหวจวี๋กรุ๊ปมาเจอดาราดังอย่างสวี่เชี่ยนก็ยังต้องพูดอย่างเกรงใจเลย
“แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร กล้าดียังไงจะมาไล่พวกเราออกไป” ผู้จัดการส่วนตัวของสวี่เชี่ยนพูดด้วยความโมโห
สวี่เชี่ยนเห็นดังนั้นก็หัวเราะเยาะขึ้นมา “ผู้กำกับคะ เห็นแล้วใช่ไหม ไม่ใช่ฉันอยากให้งานล่าช้านะ คุณผู้ชายคนนี้เขามาหาเรื่องก่อน แถมยังบอกให้ฉันออกไป ขนาดบริษัทลูกค้ายังไม่ให้ฉันถ่าย ฉันก็คงต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
ผู้กำกับฟังดังนั้นก็ตดใจหน้าซีดเผือก รีบพูดตักเตือน “ผู้จัดการไป๋ครับ เรื่องเล็กนิดเดียว อย่าทำให้เสียบรรยากาศเลย หากผู้บริหารระดับสูงของโหวจวี๋รู้เข้า ผมเกรงว่าคุณจะตกงานได้นะ”
ไป๋ยี่เฟยหันไปมองที่ผู้กำกับแวบนึง ไม่พูดอะไร
หลี่เสว่ได้ยินว่าจะทำให้ไป๋ยี่เฟยต้องสูญเสียจึงขอถอนตัว “ช่างเถอะไป๋ยี่เฟย ฉันลาออกเอง”
ไป๋ยี่เฟยกุมมือหลี่เสว่เอาไว้แล้วบอกอย่างนุ่มนวล “เสว่เอ๋อ ผมเคยบอกคุณ ผมจะไม่ให้คุณเสียใจอีก อีกอย่าง เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของคุณ ทำคุณต้องลาออก”
“แต่ ถ้าหากคุณต้องตกงานล่ะ……”หลี่เสว่เอ่ยขึ้น ในใจรู้สึกผิด
ไป๋ยี่เฟยส่ายหัว “งานจะสำคัญกว่าคุณได้ยังไง”
งานจะสำคัญกว่าคุณได้ยังไง
คำพูดเบาๆประโยคหนึ่งแต่กลับแฝงไปด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
ประโยคนี้ทำให้หลี่เสว่ยืนงงงวยอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี รู้สึกซาบซึ้งใจมาก ความรู้สึกเคว้งคว้างในหัวใจก็หายวับไปทันใด
อนาคตที่ยังมาไม่ถึงพวกนั้นล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็มีไป๋ยี่เฟยอยู่เคียงข้างเสมอ
ขณะเดียวกัน ผู้จัดการของบริษัทโฆษณาซื่อจี้ รับสายโทรศัพท์แล้วก็ออกมาอย่างเร่งรีบ
“เป็นอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ชายวัยกลางคนอายุราว40ต้นๆเดินฝ่าออกมาจากฝูงชน แต่งกายด้วยชุดสูท หน้าตายาวแหลมเหมือนลิง น้ำเสียงแหลมคม ฟังแล้วแสบแก้วหู
ท่านนี้ก็คือผู้จัดการของ บริษัทโฆษณาซื่อจี้ชื่อว่าเสิ่นฝาน จริงๆเมื่อกี้ได้คุยกันชัดเจนแล้วทางโทรศัพท์ แต่ก็ถามเป็นมารยาทอีกรอบ
เมื่อเห็นเสิ่นฝาน ฝูงชนก็ถอยออกสองสามก้าว