ตอนที่ 64
“ภรรยาที่รัก อย่าพูดอะไรเลย” หลี่เฉียงตงมองไปยังหลิวจื่อหยุนแล้วพูดเบาๆ
หลิวจื่อหยุนถึงกับสำลัก สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เป็นเวลาหลายปีแล้ว เขาไม่เคยเถียงอะไรสักคำมาโดยตลอด ตอนนี้เขากำลังขอไม่ให้เธอพูด
มีสิทธิอะไรหรือ
“หลี่เฉียงตง มีสิทธิอะไรมาห้ามไม่ให้ฉันพูด” หลิวจื่อหยุนพูดด้วยความโกรธ
นายท่านหลี่เห็นแบบนั้นทันใดนั้นจึงได้พูดด้วยเสียงดัง “หลิงจื่อหยุน! หุบปาก!”
หลิวจื่อหยุนตกใจจนสะดุ้ง ร่างกายก็ได้หดตัวลงอย่างไม่ตั้งใจ
นายท่านหลี่พูดต่อด้วยความโกรธ “คุณเป็นแค่ผู้หญิงจะไปรู้อะไร มาทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า! เวลาที่ผู้ชายคุยธุระกัน จะให้ดีที่สุดผู้หญิงก็ควรจะหุบปาก!”
หลิวจื่อนหยุนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกผิด
เมื่อได้เห็นเช่นนี้หลี่เฉียงตงก็ขมวดคิ้ว มองไปยังนายท่านหลี่
“ผมยอมหยุดกดขี่กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปก็ได้”
“อะไรนะ” ในขณะนั้นทุกคนก็คิดว่าได้ยินผิดไป
หลี่เฉียงตงมองไปที่ทุกคน “ผมปล่อยกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปก็ได้”
และนายท่านหลี่มองไปยังหลี่เฉียงตง พูดว่า “บอกมาเถอะ! คุณต้องการเงื่อนไขอะไร”
“มีเงื่อนไขสามข้อ” หลี่เฉียงตงยื่นมือออกไปแล้วยกนิ้วขึ้นสามนิ้ว
“ข้อแรก วันครบรอบวันตายของแม่ผมใกล้จะถึงแล้ว ผมต้องการให้คุณไปจุดธูปต่อหน้าหลุมฝังศพของเธอด้วยตัวเอง ขอโทษต่อเธอ และยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงของคุณ!”
พูดจบ นายท่านหลี่ก็มีสีหน้าแข็งทื่อ
การทำแบบนี้ มันจะไม่เป็นการยอมรับการกระทำความผิดของตนเองในตอนนั้นหรอกหรือ
หลี่เฉียงตงเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ก็พูดว่า “ความยากที่สุดของมนุษย์คือการเผชิญหน้ากับความผิดพลาดของตนเอง ผมรู้ดี สำหรับคุณแล้วสิ่งนี้คงเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่คุณก็จำเป็นจะต้องทำแบบนี้! นี่คือสิ่งที่คุณเป็นหนี้แม่ของผม”
นายท่านหลี่เริ่มมีสีหน้าที่ดูไม่ได้กว่าเดิม แต่เมื่อคิดถึงกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ป จึงทำได้แต่สูดหายใจลึกๆ แล้วพูดว่า “เงื่อนไขที่สองคืออะไร”
หลี่เฉียงตงมองไปยังนายท่านหลี่ พูต่อไปว่า “ต้องรวมครอบครัวของพวกเราไว้ในลำดับของวงศ์ตระกูล รวมถึงแม่ของผมด้วย ผมต้องการให้ป้ายวิญญาณของแม่ได้ถูกนำไปไว้ในหอบรรพชนของตระกูลหลี่ด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์”
ตระกูลหลี่ก็เป็นตระกูลที่มีประวัติศาสตร์อยู่บ้าง ดังนั้นหากถูกเก็บรักษาไว้ในลำดับวงศ์ตระกูล ก็นับว่าได้รับการยอมรับจากคนในตระกูล”
และเงื่อนไขแบบนี้ กับเงื่อนไขข้อแรกก็มีความคล้ายคลึงกัน หากนายท่านหลี่สามารถยอมรับทำในข้อแรกได้ อย่างนั้นก็เป็นการยอมรับเงื่อนไขข้อที่สองโดยธรรมชาติ”
ตามอย่างที่คิด นายท่านหลี่ก็พูดต่อ “เงื่อนไขข้อที่สาม”
หลี่เฉียงตงได้ยินก็มองไปยังหลิวจื่อหยุน ยิ้มเล็กน้อย พูดว่า “ภรรยาของผมหลิวจื่อหยุน มักจะอารมณ์ร้าย ปากไม่ดี ใจคอคับแคบ มักจะชอบเหน็บแนมผม……”
เมื่อหลิวจื่อหยุนได้ยินคำนี้ก็รู้สึกเสียใจในขณะเดียวกันก็อยากจะตะโกนด่าออกไป อ้าปากขึ้น แต่กลับไม่มีเสียงออกมา ตอนนี้เธอมีสิทธิอะไรจะไปด่าคน
อย่างไรก็ตาม คำพูดต่อไปของหลี่เฉียงตงทำให้หลิวจื่อหยุนถึงกับตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง
“แต่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นแบบนี้ ตั้งแต่แต่งงานกันมา เธอก็อยู่กับผมมามากกว่ายี่สิบปี เธอให้กำเนิดลูกสาวแสนสวยคนเก่งมีความสามารถหนึ่งคน คอยอยู่เคียงข้างผม คอยดูแลผม คอยดูแลครอบครัวนี้”
“ทุกครั้งที่เธอสมเพชรังเกียจผมว่า ทำมาหากินไม่เป็น รังเกียจที่ผมไร้ความสามารถ และยังเหน็บแนมผม ด่าว่าผม แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่เคยคิดจะหย่ากับผมเลย”
“เธอต้องทำงานหนักเพื่อครอบครัวนี้มาโดยตลอด และก็เพื่อให้พวกเราใช้ชีวิตกันได้ดีขึ้น ต้องไปคอยประจบเอาอกเอาใจพวกคนมีเงินพวกนั้น ต้องเผชิญกับสายตาดูถูกเหยียดหยามจากคนอื่น แต่ยังคงอยู่ข้างกายผม”
“ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะพูดจาไม่ดีแค่ไหนก็ตาม และไม่ว่าจะรังเกียจผมแค่ไหน ผมก็ไม่อาจจะต่อว่าอะไรเธอได้ เพราะเธอเป็นภรรยาที่คอยดูแลผมมากกว่ายี่สิบปี”
หลี่เฉียงตงพูดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นก็มองไปยังนายท่านหลี่ “ผมไม่เคยได้รับความรักจากพ่อตั้งแต่เด็ก ไม่เคยได้รับการดูแลจากคุณเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ ภรรยาของผม เธอดูแลผมมายี่สิบกว่าปีแล้ว”
“อย่างนั้น คุณมีสิทธิอะไรมาสั่งให้เธอหุบปาก” สุดท้ายจู่ ๆก็พูดประโยคนี้ขึ้นด้วยเสียงดัง และตั้งคำถามออกไป
หลิวจื่อหยุนจ้องนิ่งไปยังหลี่เฉียงตง
ในความคิดอดไม่ได้ที่จะย้อนกลับไปถึงฉากเหตุการณ์เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
ทุกประโยคของหลี่เฉียงตงที่เพิ่งจะดังขึ้น ทำให้ความทรงจำย้อนกลับไป มีเสียงนั้นวนซ้ำไปซ้ำมาในใจ
ในดวงตาก็มีน้ำตาไหลออกมา ไหลออกมาราวกับน้ำที่ล้นตลิ่ง
นายท่านหลี่ได้ยินคำที่หลี่เฉียงตงพูด ในใจก็เต้น “ตุบ ตุบ” มีความรู้สึกสังหรณ์ใจ
ในช่วงเวลาต่อมา หลี่เฉียงตงก็กล่าวว่า “ข้อเสนอสองข้อเมื่อกี้ คุณก็ล้วนแต่ตอบรับแล้ว อย่างนั้นคุณก็ยอมรับผมซึ่งเป็นลูกชายคนนี้ ยอมรับครอบครัวของพวกเรา อย่างนั้นในฐานะที่เป็นลูกสะใภ้ของคุณ ดูแลผมมายี่สิบกว่าปี คุณก็สมควรที่จะแสดงท่าทีของคุณไหมล่ะ”
พูดจบ นายท่านหลี่ก็อ้าปาก กำลังอยากจะพูดอะไร แต่กลับพูดไม่ออก
ในเวลานี้ หลี่เฉียงตงก็พูดอีก “จริง ๆก็ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ อย่างนั้นเอาแค่ขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อกี้นี้เถอะ!”
น้ำเสียงเรียบเฉย ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่จะต้องทำอยู่แล้ว
ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องประชุมก็เปลี่ยนเป็นน้ำแข็งขึ้นมาทันที
มือทั้งสองของนายท่านหลี่สั่นเทา เขาพูดอะไรไม่ออกสักประโยค
เพราะทุกคำที่หลี่เฉียงตงพูดล้วนมีเหตุผล เขาไม่สามารถหักล้างได้ และก็คงหักล้างไม่ไหว
แต่การที่จะให้เขาขอโทษหลิวจื่อหยุนต่อคนจำนวนมากมาย มันไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าเขาหรือ ทำให้เขาต้องอับอาย
เขาทำไม่ได้!
อย่างนั้นถ้าหากฉันไม่ขอโทษล่ะ” นายท่านหลี่ถาม
หลี่เฉียงตงยิ้ม “อย่างนั้นกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อไปแล้ว”
“แก!” นายท่านหลี่โกรธมาก “แกมันเนรคุณ!”
หลี่เฉียงไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้ “ตั้งแต่เริ่มกดขี่กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปก็เป็นการเนรคุณแล้ว ถ้าจะทำต่อไปจะมีอะไรแตกต่าง”
“ยิ่งไปกว่านั้น คุณไม่รู้สึกหรือว่าคำว่าเนรคุณ มันน่าตลก”
ยี่สิบกว่าปี ไม่เคยได้ทำหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้เป็นพ่อ ตอนนี้มาชี้นิ้วใส่ว่าเขาเนรคุณ มีสิทธิอะไร”
หน้าอกที่กำลังโกรธของนายท่านหลี่ยังคงขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง
หลี่ต้าไห่รีบเข้าไปหานายท่านหลี่ พูดกับหลี่เฉียงตงว่า “พ่อได้ยอมรับนายแล้ว จึงได้บอกว่านายเนรคุณผิดด้วยหรือ หรือต้องให้พ่อโกรธจนตายนายจึงจะพอใจ”
“จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร ผมก็หวังว่าพ่อจะมีอายุเป็นร้อยปี” หลี่เฉียงตงพูดออกไปเบาๆ
หลี่ต้าไห่ก็โกรธขึ้นเช่นกัน “นายไร้เหตุผลเลยจริง ๆ!”
หลี่เฉียงตงหัวเราะขึ้น “สามวัน ผมให้เวลาพวกคุณสามวัน”
“เลยเวลาสามวัน ถ้ายังไม่ได้คำตอบที่ผมต้องการ กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปก็จะไม่มีอีกต่อไป”
พูดจบ หลี่เฉียงตงก็ไม่ได้สนใจใครอีก เดินไปยังข้างกายของหลิวจื่อหยุน จับมือของเธอยื่นออกมา
หลิวจื่อหยุนมองไปยังผู้ชายตรงหน้า ในใจก็มีพลังมหาศาล แต่กลับจ้องมองเขาอย่างไม่กะพริบตา
ในขณะนี้ หลิวจื่อหยุนรู้สึกว่าความรู้สึกที่เก็บไว้มานานหลายปีได้ระเบิดออกมาแล้ว พ่นลมหายใจทิ้งอย่างแรง
ทันทีนั้น หลิวจื่อหยุนยกอกขึ้น แล้วนำมือของตนเองไปวางไว้บนมือของหลี่เฉียงตง
หลี่เฉียงตงดึงหลิวหยุนจื่อ เดินทีละก้าวออกจากห้องประชุม
เมื่อเห็นทั้งสองคนออกไป ห้องประชุมก็เงียบลง
เงียบสงัดอยู่เป็นเวลานาน หลี่ต้าไห่ก็พูดออกมา “พ่อ พวกเรากลับกันเถอะ!”
เรื่องต่าง ๆก็มาถึงขนาดนี้แล้ว จะพูดอะไรได้อีก
นายท่านหลี่ที่กำลังงุนงงสับสน ได้หลี่ต้าไห่ช่วยประคองร่างที่สั่นให้ยืนขึ้น แล้วพาออกจากห้องประชุม
คนที่เป็นสมาชิกของกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปที่เดินตามอยู่ด้านหลัง มองเห็นว่าหลังของนายท่านของตนเองเริ่มโก่งมากขึ้นแล้ว และอายุมากขึ้นแล้ว
และพวกเขาทุกคนล้วนรู้สึกว่าการย่างก้าวของตนเองก็เริ่มหนักขึ้น
จนกระทั่งทุกคนไปกันหมด หลี่เสว่กลับยังคงนั่งอยู่ในห้องประชุมอย่างว่างเปล่า
ความตกใจที่ได้รับมาจากหลี่เฉียงตงเมื่อกี้นี้ ตอนนี้เธอเริ่มจะผ่อนคลายลง
แต่เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว เธอกลับมีความรู้สึกลงตาแบบหนึ่งขึ้นมา
ฉันเป็นใครกัน