บทที่ 41
เฉินเสี่ยวเทียนมองหลงหลิงหลิงอย่างไม่น่าเชื่อ “พี่ พี่ทำไมต้องอธิบายกับเขาเยอะขนาดนี้? ฝ่ายธุรการต้องตรวจสอบ งั้นก็เป็นเรื่องที่พี่พูดคำเดียวก็จบไม่ใช่เหรอ?”
“เพี๊ยะ”
หลงหลิงหลิงยกมือตบเฉินเสี่ยวเทียน
“นายหุบปาก”
หลงหลิงหลิงโกรธจนตัวสั่น เธอไม่เคยเห็นคนโง่ขนาดนี้ และเธอยังเป็นพี่สาวเขาอีก รู้อย่างนี้ก็ตัดขาดอย่างสิ้นเชิงแต่แรก
ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ระหว่างหลงหลิงหลิงกับครอบครัวไม่ดี ตั้งแต่โตมาเธอก็ตัดขาดความสัมพันธ์กับครอบครัว และเปลี่ยนนามสกุลตัวเอง แต่หลังจากทำงานเข้าสู่สังคมแล้ว คนที่บ้านก็มาหาเธอ เธอก็รู้สึกถึงความสำคัญของครอบครัว จึงได้ใจอ่อน ก็มีการติดต่อไปมาหาสู่กันบ้าง
สำหรับน้องชายเฉินเสี่ยวเทียนคนนี้ เธอก็คอยเป็นห่วงเขาไม่น้อย แต่ไม่รู้ทำไมน้องชายคนนี้ถึงได้โง่ขนาดนี้? คอยผลักเธอลงหลุมพรางทีละนิดทีละหน่อย
เฉินเสี่ยวเทียนลูบหน้าตัวเองที่โดนตบ รู้สึกงง
“พี่ พี่ตบผมทำไม?”
ผู้ชายที่ยืนข้างเขาก็รู้สึกงง ไม่รู้ว่าทำไมหลงหลิงหลิงถึงตบน้องชายตัวเอง? หรือว่าที่เขาพูดไม่ถูก?
ไป๋ยี่เฟยกลับหัวเราะ ได้เห็นถึงความสามารถของเฉินเสี่ยวเทียนในการขุดรีดพี่สาว ช่างน่าทึ่งจริง ๆ
พนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสองคนก็ยืนอึ้ง ไม่กล้าพูดอะไร
หลงหลิงหลิงพูดขึ้นเสียงสูง “บริษัทมีกฎของบริษัท นายเป็นคนนอก ไม่มีสิทธิ์พูด”
“พี่” เฉินเสี่ยวเทียนเบิกตากว้าง หลงหลิงหลิงทำไมทำแบบนี้กับเขา?
ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นเบา ๆ “พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนนี้ ใช้ได้ทีเดียว ต้องเพิ่มเงินเดือน”
“ใช่ค่ะ” หลงหลิงหลิงพยักหน้าทันที
พนักงานรักษาความปลอดภัยแววตาสว่างขึ้นทันที เพิ่มเงินเดือน?
คนนี้เป็นใคร? ยอดเยี่ยมขนาดนี้ สามารถสั่งหลงหลิงหลิงทำงานได้?
เฉินเสี่ยวเทียนกลับไม่ยอม “พี่ ทำไมพี่ต้องลดตัวเพื่อไอ้บ้านนอกคนหนึ่ง?”
เวลานี้ พี่เขยเขาดึงเขาทีหนึ่ง เฉินเสี่ยวเทียนนี่ทำไมถึงได้โง่ได้ขนาดนี้ ไม่เห็นหรือว่าหลงหลิงหลิงวางตัวต่อหน้าไป๋ยี่เฟยยังไง? ยังกล้าพูดแบบนี้
“พี่เขย พี่ดึงผมทำไม?”
“หุบปากเถอะ เขาเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัท” หลงหลิงหลิงจึงต้องอธิบาย
เฉินเสี่ยวเทียนยังรู้สึกรู้สา “ผู้จัดการใหญ่ตำแหน่งก็ต่ำกว่าพี่”
“อีกหน่อยถ้ามีญาติมาหาก็ลางานได้” ไป๋ยี่เฟยหัวเราะเสียงเบา
“รับทราบค่ะ” หลงหลิงหลิงพยักหน้า
ไป๋ยี่เฟยมองเฉินเสี่ยวเทียนแล้วส่ายหัว ในใจยังคิดเรื่องหลี่เสว่ จึงเตรียมตัวจะออกไป
แต่ยังไม่ได้ก้าวขา พี่เขยคนนั้นก็เดินมา ยื่นมือมาแล้วยิ้ม “สวัสดีครับ ผมชื่อเฝิงสือตง เป็นผู้จัดการใหญ่ของเทียนรุ่ยกรุ๊ป”
ไป๋ยี่เฟยอึ้งไป มองเฝิงสือตงครู่หนึ่ง แล้วเดินจากไปโดยไม่สนใจ
ดังนั้น เฝิงสือตงจึงรู้สึกอาย
ดูท่าทางการเดินอย่างนักเลงของไป๋ยี่เฟยเวลาเดินจากไป เขาพูดขึ้นเสียงเย็นชา “โหวจวี๋ของพวกเธอนี่เป็นอะไร? ใครก็มาเป็นผู้จัดการใหญ่ได้เหรอ?”
หลงหลิงหลิงอดไม่ได้จึงกลอกตาใส่เขา “ เรื่องของโหวจวี๋กรุ๊ป ไม่ใช่เรื่องที่พวกนายต้องมายุ่ง” พูดจบจึงถามขึ้นอย่างเอือมระอา “วันนี้พวกนายมาหาฉันทำไม?”
“ใกล้เที่ยงแล้ว ไปกินข้าวด้วยกันเถอะ” เฝิงสือตงรู้ว่าหลงหลิงหลิงโกรธจริงแล้ว จึงรีบพูดขึ้น
หลงหลิงหลิงพยักหน้า “งั้นก็ไปเถอะ”
ไปถึงร้านอาหารหรูใกล้เคียงร้านหนึ่ง อาหารเสิร์ฟเรียบร้อย เฝิงสือตงช่วยหลงหลิงหลิงตักกับข้าว อย่างใจเย็น “หลิงหลิง วันนี้ผมกับเสี่ยวเทียนก็แค่มาเยี่ยม เธองานยุ่ง ปกติก็ไม่ค่อยมีเวลากลับบ้าน พวกเราก็คิดถึงเธอ”
หลงหลิงหลิงพูดแค่อืมคำเดียว ไม่ได้พูดอะไรมาก
เธอกับเฝิงสือตงไม่ได้คบกันเพราะชอบกัน แต่เป็นเพราะทางบ้านแนะนำ ตอนแรกก็ดูเหมือนจะใช้ได้ แต่พอนานเข้า รู้จักกันมากขึ้น ก็ไม่มีความรู้สึกเหมือนตอนเจอกันแรก ๆแล้ว
เฝิงสือตงเห็นกิริยาเย็นชาของหลงหลิงหลิง ก็ขมวดคิ้ว “ใช่แล้ว ได้ยินว่าผู้บริหารของโหวจวี๋กรุ๊ปเปลี่ยนเป็นทายาทรุ่นสองแล้ว? เธอทำงานภายใต้เขา เสียเปรียบอะไรไหม?”
หลงหลิงหลิงส่ายหัว
ไป๋ยี่เฟยไม่ใช่ทายาทรุ่นสองที่วัน ๆ เอาแต่เที่ยวอยู่ข้างนอก อีกอย่างเขามีภรรยาแล้ว ไม่มีวันชอบเธอหรอก
คิดถึงจุดนี้ หลงหลิงหลิงก็รู้สึกอึดอัด เธอหน้าตาก็สวย หุ่นก็ดี เซ็กซี่ด้วย แต่ทำผู้ชายอย่างไป๋ยี่เฟยถึงไม่สนใจเธอเลย แค่มองยังไม่มองเลย
“งั้นก็ดี” ที่จริงเฝิงสือตงกำลังกังวล ถ้าทายาทคนนี้คิดอะไรกับหลงหลิงหลิง บวกกับฐานะชาติตระกูล ดีกว่าตัวเองหลายเท่า ถ้าหลงหลิงหลิงมีใจให้ทายาทคนนี้ แบบนี้เขาก็หมดหวังแล้ว
หลงหลิงหลิงมองเฝิงสือตง เข้าใจความหมายของเขาทันที
เฝิงสือตงเป็นแค่ผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเทียนรุ่ยกรุ๊ปเท่านั้น ถ้าเปรียบเทียบระหว่างเทียนรุ่ยกรุ๊ปกับโหวจวี๋กรุ๊ป ก็เหมือนฟ้ากับดิน
อีกอย่างไป๋ยี่เฟยไม่ใช่แค่ทายาทตระกูลรวย เขามีความสามารถ ครั้งก่อนเนื่องจากพายุไต้ฝุ่น เขาใช้เงินลงทุนสองพันล้านได้กำไรเป็นสิบล้าน ยังช่วยให้หลายบริษัทที่ใกล้ล้มละลายฟื้นตัวเหมือนตายแล้วเกิดใหม่
ความสามารถแบบนี้ไม่ได้มีกันทุกคน บวกกับไป๋ยี่เฟยอายุยังน้อย ตัวเลือกลูกเขยห่อทองที่ดีคนหนึ่งเลย
เมื่อเปรียบเทียบแบบนี้แล้ว หลงหลิงหลิงยิ่งดูเฝิงสือตงยิ่งไม่พอใจในตัวเขา
เฉินเสี่ยวเทียนสั่งอาหารเสร็จก็ไปเข้าห้องน้ำ เพื่อจะให้สองคนนี้ได้มีโอกาสอยู่กันสองต่อสอง
เฝิงสือตงก็ใช้โอกาสนี้สานสัมพันธ์กับหลงหลิงหลิง “หลิงหลิง ผมมีตั๋วละครเวทีสองใบ คืนนี้ไปดูด้วยกันนะครับ”
หลงหลิงหลิงได้ยินแล้วก็ตอบอย่างเฉื่อยชา “คืนนี้ฉันไม่ว่าง”
……
ไป๋ยี่เฟยกลับไปแล้วก็ไปหาหลี่เสว่ที่กิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปทันที
ภายในออฟฟิศหลี่เสว่สีหน้ากังวล “เรื่องนี้กะทันหันเกินไป โจมตีเราอย่างรับมือไม่ทัน ตอนนี้ทางบริษัทก็กังวล ฉันต้องการให้คุณแจ้งกับทางโหวจวี๋ก่อน อาจจะ หนึ่งพันล้านก็คง……”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะ พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ผมแจ้งแน่นอน ไม่ต้องกังวล”
หลี่เสว่ตอบอืมคำเดียว เวลาเดียวกัน มีเสียงเคาะประตู
“ประธานหลี่มีคนส่งดอกไม้และช็อกโกแลตมาอีกแล้วค่ะ” พนักงานคนหนึ่ง ถือดอกกุหลาบช่อใหญ่กับช็อกโกแลตกล่องหนึ่งเข้ามา
หลี่เสว่มองไปที่ไป๋ยี่เฟย แล้วลุกขึ้นพูด “เธอเอาดอกไม้กับช็อกโกแลตไปแจกให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นเถอะ”
เมื่อพนักงานคนนั้นออกไปแล้ว หลี่เสว่อธิบาย “ฉันไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งมา คุณ……”
ไป๋ยี่เฟยดึงมือหลี่เสว่ “อืม ผมรู้ว่าเมียผมเสน่ห์แรง”
หลี่เสว่ได้ยินก็รู้สึกเขินแล้วหลบสายตา “กะล่อน……”
“ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม กินด้วยกันไหม?”
ไป๋ยี่เฟยกับหลี่เสว่ออกไปด้วยกัน เขาจุงมือหลี่เสว่ไปที่รถBMWของเขา “ขึ้นรถ”
หลี่เสว่อึ้งไปนิด “รถนี่……”
ไป๋ยี่เฟยพูดเสียงเรียบ “ออ เพิ่งซื้อ ไปกันเถอะ”