บทที่35
“คุณหนูหลี่เสว่คงก็รู้สึกว่าไป๋ยี่เฟยเปล่าประโยชน์เช่นกัน เพราะยังไงคุณชายหลิ่วก็ดีกว่าเขาไม่รู้กี่พันเท่า คุณชายหลิ่วก็ไม่รังเกียจคุณด้วยซ้ำ เดี๋ยวถ้าอนาคตพวกคุณแต่งงานกัน คงจะต้องมีความสุขมากไป”
การปกป้องที่หลี่เสว่มีต่อไป๋ยี่เฟยในครั้งก่อนนั้นเซียวหรงเทาไม่ได้ไว้ในใจเลย เพราะไป๋ยี่เฟยขยะเกินไป แถมตอนนั้นก็อยู่ในที่สาธารณะด้วย เธอคงแค่เป็นการทำให้คนอื่นดูเฉยๆ
เพราะผู้หญิง แน่นอนต้องชอบผู้ชายที่รํ่ารวยอยู่แล้ว แถมหลิ่วจาวเฟิงยังชอบหลี่เสว่ นั้นถ้าเขาเอาใจหลี่เสว่ ก็ถือว่าเป็นการเอาใจหลิ่วจาวเฟิง
เซียวหรงเทายังคิดจะพูดต่อ แต่ถูกหลี่เสว่ขัดจังหวะพูดด้วยเสียงที่เย็นชา”พอแล้ว!”
“ความสัมพันธ์ของฉันกับสามีของฉันเป็นยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ส่วนฉันกับหลิ่วจาวเฟิงนั้นก็ไม่มีความสัมพันธ์อะไรเลย!”
“มีความสุขหรือไม่มันไม่ได้วัดด้วยเงินทอง!”
แต่เซียวหรงเทากลับตอบอย่างไม่เห็นด้วย”ไม่ใช่หรือ?อาศัยอยู่ในวิลล่าและได้ขับรถที่หรูหรา กับอาศัยอยู่ในบ้านเช่าและนั่งรถเมล์ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ใครๆก็รู้ว่าอันไหนดีกว่ากัน!”
“ใช่ การอาศัยอยู่วิลล่าและขับรถที่หรูหรามันดีจริงๆ แต่มันเป็นเพียงแค่ความพอใจทางด้านวัตถุเครื่องใช้ ฉันไม่ต้องการ!”หลี่เสว่ทำหน้าที่เย็นชา”แถมไป๋ยี่เฟยก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินซื้อรถและวิลล่า เขาซื้อตั้งสองหลัง อยู่ที่หลันโปกั่งนี่เอง”
“อะไรนะ? หลันโปกั่ง?เซียวหรงเทาอ้าปากกว้าง ประหลาดใจมาก
ราคาบ้านของหลันโปกั่งเป็นยังไงเขาไม่ใช่ว่าไม่รู้ เนื่องจากว่ารู้ถึงจะประหลาดใจมาก ไป๋ยี่เฟยยากจนขนาดนั้น จะมีเงินซื้อวิลล่าที่หลันโปกั่งได้ยังไง?
“คุณพูดเล่นหรือเปล่า?วิลล่าที่หลันโปกั่งไม่ใช่ว่าใครๆก็ซื้อได้นะ!”เซียวหรงเทาพูดอย่างไม่เชื่อ
หลี่เสว่เอ่ยเสียงเฮ่ออกมาเบาๆ”เรื่องแบบนี้พูดเล่นได้หรือ?”
หลังจากได้เห็นเช่นนั้น หลี่เสว่ก็ไม่คิดจะพูดต่อ จึงคิดจะไปหาไป๋ยี่เฟย
พอดีในเวลานี้ เสียงดนตรีดังขึ้นมา ไฟฟ้าทั้งหมดภายในฮอลล์ล้วนรวมตัวไปบนเวที
หลิ่วจาวเฟิงยืนอยู่บนเวที ตื่นเต้นมาก มองไปที่หลี่เสว่แล้วก็กระแอมลำคอพร้อมพูดว่า”ยินดีต้อนรับทุกท่านมาถึงงานฉลองครบรอบยี่สิบปีของหลิ่วซื่อกรุ๊ป……”
หลังจากพูดคำพูดอันเป็นทางการเสร็จ หลิ่วจาวเฟิงก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นกว่าเดิม
เพราะว่าพวกเขาได้เชิญชวนประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป นั่นเป็นองค์กรชั้นนำในเมืองเทียนเป่ย!สามารถมาที่งานฉลองครบรอบของหลิ่วซื่อกรุ๊ปได้ ถ้าพูดออกไปแล้วถือว่าเป็นเกียรติอันสูงยิ่ง!
ที่เมืองเทียนเป่ย มีกฎที่รู้กันทั่วไป ก็คือถ้าเป็นงานเลี้ยงหรืองานเต้นรำขนาดใหญ่ประเภทนี้จะมีการเต้นรำละตินเปิด แล้วการเต้นรำละตินเปิดมักจะให้คนที่มีฐานะที่สุดมาเต้น
นั้นแน่นอนว่าคนที่มาเต้นรำเปิดต้องเป็นประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป
หลิ่วจาวเฟิงทนความตื่นเต้นในใจลงไป แล้วพูดว่า”ต่อมาขอเชิญประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ปมาเต้นรำละตินเปิด
ทุกคนได้ยินเสียง ต่างก็มองไป งานเลี้ยงครั้งก่อนยังไม่มีใครได้เห็นประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป ครั้งนี้กว่าจะมีโอกาสได้เห็นตัวตนจริงๆแล้ว
แต่ไม่มีใครขยับ ส่วนไป๋ยี่เฟยที่เพิ่งเข้ามาได้เดินไปทางเวทีเต้นทีละก้าว
พอเห็นเช่นนี้ สีหน้าของหลิ่วจาวเฟิงก็ดำขึ้นทันที”ไป๋ยี่เฟย แกมาทำอะไรที่นี่?อย่ามาก่อความวุ่นวายนะ!”
เมื่อกี้นี้หลี่เสว่ก็บอกว่าได้มากับไป๋ยี่เฟย เขายังไม่เชื่อ แต่คาดไม่ถึงว่าไป๋ยี่เฟยได้มาจริงด้วย!ฮือ!มาแล้วก็ดี พอเขาได้เห็นว่าหลี่เสว่มาเป็นคู่เต้นของเขา ทั้งสองคนก็ต้องทะเลาะกัน พอถึงเวลานั้นเขาก็สามารถฉวยโอกาสเอาหลี่เสว่ให้ได้
พอดีว่าไป๋ยี่เฟยเดินไปถึงตรงหน้าของเซียวหรงเทา เซียวหรงเทาจึงดึงไป๋ยี่เฟยไว้ทันที”ไป๋ยี่เฟย! แกมาทำอะไรที่นี่?รีบออกมาให้พ้นเลย!”
หลี่ฝานเดินตามเข้ามาพอดี พอเห็นเช่นนี้ ก็หัวเราะเยาะออกมา”ไป๋ยี่เฟย รีบออกไปเถอะ!สถานที่แบบนี้ไม่ใช่คนอย่างแกสามารถเข้ามาได้หรอก”
หลี่เสว่ที่อยู่ฝั่งนู้นได้เห็นไป๋ยี่เฟยแล้ว เธอรู้สึกค่อนข้างเป็นห่วง ทำไมไป๋ยี่เฟยถึงเดินมาทางนี้ในเวลานี้ล่ะ?
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่ทุกคน พอดีในเวลานี้ ไฟฟ้าเรเซอร์ก็รวมตัวมาทางนี้
“ประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ปมาเต้นรำเปิดไม่ใช่หรือ?”
ทุกคนล้วนนิ่งอึ้งทันที
“คุณ คุณเป็นประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ปหรือ?”
“อะไร?นี่ นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
ทุกคนตกใจมาก มองไปที่ไป๋ยี่เฟยอย่างมึนงง
ไป๋ยี่เฟยเดินไปทางหลี่เสว่ ก้มเอวเล็กน้อย แล้วเอื้อมมือข้างหนึ่งออกมา”คุณหนูหลี่เสว่ที่แสนสวย ฉันสามารถเชิญชวนคุณมาเต้นละตินแรกของคืนนี้ได้ไหมครับ?”
หลี่เสว่มองไปที่ไป๋ยี่เฟยอย่างมึนงง ไป๋ยี่เฟยเป็นประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ปคำพูดนี้ดังขึ้นอยู่ในสมองของเธอซํ้าแล้วซ้ำเล่า ทำให้เธอหมดสติ
ถ้าเป็นเช่นนี้นั้นทุกสิ่งทุกอย่างของก่อนหน้านี้ล้วนสามารถอธิบายได้แล้ว รถมาเซราติ วิลล่าที่หลันโปกั่งสองหลัง สัญญาทางธุรกิจพันล้าน……
หลี่เสว่รู้สึกว่าตนเองเกือบจะหายใจไม่ออกแล้ว แต่หลังจากได้เห็นใบหน้าของไป๋ยี่เฟย เธอก็เอื้อมมือออกด้วยจิตสำนึก”ฉันยอมค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยยิ้มออกมา แล้วดึงหลี่เสว่มาถึงตรงกลางของเวทีเต้น เตรียมที่จะเต้น
แต่ในเวลานี้ หลิ่วจาวเฟิงได้ฟื้นตัวกลับมา แล้ววิ่งมาทางนี้”ไป๋ยี่เฟย แกบอกว่าแกเป็นประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ปแกก็ใช่หรือ?ในนี้มีใครที่ไม่รู้เบื้องหลังของคุณหรือ?ยังกล้ามาปลอมตัวเป็นประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป?”
หลี่ฝานพูดตามว่า”เขามาปลอมตัวแน่นอน!ประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ปเป็นใคร?ส่วนแกลองดูสิแกเป็นใคร?”
“ดูจากการแต่งตัวของคุณ เหมือนประธานใหญ่ของบริษัทกรุ๊ปแห่งหนึ่งที่ไหนล่ะ?พูดโกหกก็ไม่คิดดูก่อน!”เซียวหรงเทาก็พูดตามด้วย ต่อให้ตายเขายังไม่เชื่อว่าไป๋ยี่เฟยเป็นประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ปเป็นใคร
แต่ไป๋ยี่เฟยกลับมีสติมาก มองไปดูทุกคนแล้วพูดอย่างราบเรียบ”จริงๆแล้วฉันไม่ใช่ประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป……”
ยังพูดไม่จบ หลี่ฝานก็หัวเราะออกมา”ฮ่าฮ่า……พวกคุณเห็นไหน มาตอแหลที่นี่ ก็ไม่ดูว่าตนเองนั้นเป็นยังไง?ยังกล้ามาปลอมตัวเป็นประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ปอีก!”
“คนที่ยากจนอย่างแกยังกล้ามาปลอมตัวเป็นประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ปอีก ฉันว่าแกนี่ช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเลย แกนึกว่าคนในโหวจวี๋กรุ๊ปล้วนเป็นคนโง่หรือไง?”เซียวหรงเทาพูดแบบไม่ไว้หน้าใดๆ
สายตาของทุกคนกลายเป็นแบบลบหลู่ดูถูกขึ้นมา ยังนึกว่าไป๋ยี่เฟยเป็นประธานจริงๆ แต่คาดไม่ถึงว่าเป็นคนปลอม!
แม้กระทั่งหลี่เสว่ก็สงสัยมากเช่นกัน
แต่ไป๋ยี่เฟยยังคงไม่มีอารมณ์แปรปรวนใดๆ”พวกคุณใจร้อนทำไมล่ะ?ฉันยังพูดไม่จบ”
“แกพูดสิ!ฉันให้แกพูด!ดูสิว่าแกจะสามารถพูดอะไรออกมาได้!”หลิ่วจาวเฟิงจ่อจ้องไปที่ไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างราบเรียบ”ฉันไม่ใช่ประธานใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป แต่ฉันเป็นผู้จัดการใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป วันนี้มาออกงานแทนประธาน”
“ฮ่าฮ่า……”เสียงหัวเราะดังขึ้นมา
หลิ่วจาวเฟิงรู้สึกว่าไป๋ยี่เฟยโง่จริงๆ”ไป๋ยี่เฟย แกนี่ปลอมตัวเป็นประธานไม่สำเร็จ ก็เปลี่ยนปลอมตัวเป็นผู้จัดการใหญ่หรือ?”
หลี่ฝานยิ่งเยาะเย้ยอย่างไร้ความปราณีเข้าไปใหญ่”เขานี่ปลอมตัวจนปลอมเป็นนิสัยแล้ว จึงคิดว่าทุกคนล้วนโง่หมด!”
สีหน้าของเซียวหรงเทาเต็มไปด้วยความดูถูก”ไป๋ยี่เฟย ฉันคิดไม่ถึงว่าแกจะทำเรื่องแบบนี้ ในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของแก ฉันรู้สึกว่าอับอายแทนแกจริงๆ”
หัวใจที่เพิ่งร้อนขึ้นมาของหลี่เสว่ก็ตกลงไปในธารน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว
ทุกคนก็หัวเราะเยาะหยันกัน ล้วนไม่เชื่อคำพูดของไป๋ยี่เฟย
พอดีในเวลานี้ หลงหลิงหลิงเดินเข้ามา”ฉันสามารถพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง”
ทุกคนต่างมองไป เป็นหลงหลิงหลิงซึ่งเป็นผู้ช่วยของประธานใหญ่ในโหวจวี๋กรุ๊ปนี่เอง
รอก่อน หลงหลิงหลิงพูดอะไรไปเนี่ย?
ไป๋ยี่เฟยเป็นผู้จัดการใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ปจริงหรือ?
เป็นไปได้ยังไง?
หลงหลิงหลิงเดินออกมา แล้วพูดกับทุกคนว่า”ประธานสั่งไว้แล้ว ให้ผู้จัดการใหญ่ไป๋มาเข้าร่วมงานเลี้ยงแทนเขา’
ทุกคนตกใจมาก!
ทันใดนั้นหลิ่วจาวเฟิงก็นิ่งอึ้งอยู่กับที่ แล้วเบิกตากว้าง
ส่วนเซียวหรงเทาและหลี่ฝานยิ่งปรากฏสีหน้าที่ราวกับว่ากินขี้ลงไป น่าเกลียดจนสุดๆ
หลี่เสว่มองไปที่ไป๋ยี่เฟยอย่างมึนงง ตามจริงแล้วเขาไม่ได้โกหกเลย แต่เขาเป็นตั้งผู้จัดการใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป สิ่งนี้ยังทรงทำให้เธอรู้สึกตกใจ
แต่นี่ก็สามารถอธิบายทุกสิ่งที่ผ่านไป แม้ว่าเขาไม่ใช่ประธานแต่เขาก็สามารถทำเรื่องพวกนั้นได้
ไป๋ยี่เฟยไม่ไปดูคนพวกนั้น แต่กลับมองไปที่หลี่เสว่ สายตาอ่อนโยนมาก
เวลานี้ ดนตรีก็ดังขึ้นมา ไป๋ยี่เฟยพาหลี่เสว่เต้นขึ้นมาบนเวทีเต้น
หลี่เสว่เต้นทีละก้าวตามไป๋ยี่เฟย เธอสังเกตว่า ไป๋ยี่เฟยเต้นรำละตินเป็นด้วย แถมยังเต้นได้ดีขนาดนี้อีก!
ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยได้เต้นด้วยกันกับไป๋ยี่เฟย แถมประสบการณ์ที่ผ่านมาก่อนนั้น ทำให้เธอนึกว่าเขาเต้นไม่เป็น
ผู้จัดการใหญ่ของโหวจวี๋กรุ๊ป ยังได้รับความชื่นชมจากประธาน ไม่ว่าทำอะไรล้วนมีเสถียรภาพมากขึ้นและน่าเชื่อมากขึ้น ตอนนี้ยังเต้นเป็นด้วย ยังปฏิบัติต่อเธออย่างอ่อนโยน ผู้ชายที่ดีเลิศขนาดนี้ เป็นของเธอ!
ไป๋ยี่เฟยมองไปที่หลี่เสว่มุมปากของเขาก็หงายขึ้นเล็กน้อย ก่อนหน้าที่เขาก็เต้นไม่เป็นเหมือนกัน แต่ตอนสมัยมหาลัยได้เรียนไปนิดหน่อย นี่ยังต้องขอคุณเหอหยวนหยวน
ตอนนั้นเหอหยวนหยวนเป็นเทพธิดาในโรงเรียน เพื่อที่จะได้เต้นด้วยกันกับเทพธิดา ทุกคนล้วนไปฝึกฝีมือการเต้น เขาก็เช่นกัน แถมไม่ว่าจะเรียนอะไรเขาล้วนเป็นอย่างรวดเร็วมาก ดังนั้นไม่นานก็เป็นแล้ว