บทที่31
สีหน้าของหลี่เสว่มืดมนทันที เธอรู้ดีแล้วว่าน้ำใจคนอื่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่ติดค้างได้ง่ายๆ
“คุณว่ามา”
หลิ่วจาวเฟิงยิ้มออกมา”อีกไม่กี่วันมีงานเลี้ยงงานหนึ่ง ฉันยังไม่มีคู่ คุณไปเป็นคู่ของฉันได้ไหม?”
หลี่เสว่ตอบด้วยสีหน้าที่มืดมน”ฉันมีสามีแล้ว”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรล่ะ?”สีหน้าของหลิ่วจาวเฟิงเต็มไปด้วยความไม่สนใจ”สำหรับคุณนั้น มีเขาหรือไม่มีก็ได้ไม่ใช่หรือ?”
พอหลิวจื่อหยุนได้ฟังแล้วก็พยักหน้า”ก็ใช่ไง ยังไงก็ต้องหย่าร้างกันอยู่แล้ว คุณคิดมากขนาดนั้นทำไมล่ะ?”
ก่อนหน้านี้รู้สึกว่าประธานกรรมการโหวจวี๋กรุ๊ปถึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่หลังผ่านจากงานวันเกิดแล้ว เขาก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ดังนั้นหลิวจื่อหยุนรู้สึกว่า แทนที่จะไปรอประธานคนที่ไม่รู้หน้า เลือกหลิ่วจาวเฟิงยังดีกว่าเลย
หลี่เสว่หักล้าง”คุณแม่ ฉันเคยบอกแล้วว่า ฉันไม่ได้คิดจะหย่าร้าง”
การเปลี่ยนแปลงของไป๋ยี่เฟยในช่วงนี้เธอล้วนเห็นกับตา ในขณะเดียวกัน เธอก็ยิ่งรู้จักไป๋ยี่เฟยมากขึ้นอีก เธอสังเกตได้ว่า จริงๆแล้วไป๋ยี่เฟยก็ดีมากอยู่ ดังนั้นเธอเลยคิดจะยอมรับไป๋ยี่เฟย อยากจะอยู่กับเขาอย่างจริงจัง
หลิวจื่อหยุนโกรธขึ้นมาทันที”เขาดีตอนไหนวะ?เป็นแค่ขยะสังคม!คุณดูสิ มีผู้ชายคนไหนที่ห่วยแตกกว่าเขาอีกล่ะ?เอ๊ะ มีด้วย พ่อของคุณก็ห่วยแตกเหมือนเขาเลย คุณเห็นชีวิตของฉันในตอนนี้ ก็สามารถคาดการณ์ได้ว่า ถ้าคุณยังอยู่กับเขา ทีหลังจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างลำบากขนาดไหน!”
อยู่ดีๆหลี่เฉียงตงก็ถูกด่าว่าไปด้วย
ตาของหลี่เสว่เบิกใหญ่ขึ้นมา แล้วพูดว่า”ไป๋ยี่เฟยไม่ใช่ขยะสังคม วิลล่านี้และรถล้วนเป็นสิ่งที่เขาซื้อให้!แถมตอนนี้เขาก็มีงานทำแล้วด้วย!”
หลิวจื่อหยุนรู้สึกเฉยๆ”เขามีงานทำก็ยังไงล่ะ?เงินเดือนก็คงน้อยมากจนน่าสงสารหรอก มันพอที่จะเลี้ยงคุณหรือ?ส่วนบ้านกับรถมันสามารถบ่งบอกถึงอะไรได้?ไม่แน่เขาอาจไปกู้เงินมาซื้อก็เป็นไปได้!”
หลี่เสว่กัดริมฝีปากไว้ เธอรู้สึกว่าไม่สามารถพูดกับคุณแม่ได้รู้เรื่อง ถ้าพูดตามตรงแล้วหลิวจื่อหยุนยังคงดูถูกไป๋ยี่เฟยฐานะแต่กำเนิดของไป๋ยี่เฟย จึงไม่เชื่อว่าไป๋ยี่เฟยจะเก่งจนขนาดไหนได้
หลิ่วจาวเฟิงที่อยู่ข้างๆเห็นว่าหลี่เสว่ปกป้องไป๋ยี่เฟยจนขนาดนี้ จึงรู้สึกไม่สบายใจมาก แต่ยังคงยิ้มออกมา”เสว่เอ๋อ ก็แค่เป็นคู่เฉยๆ มันบ่งบอกถึงอะไรไม่ได้หรอก”
“วุ้ย ฉันตัดสินใจแทนเธอแล้ว ไป ไปแน่นอน”หลิวจื่อหยุนหัวเราะพร้อมพูด
หลี่เสว่เห็นถึงสถานการณ์นี้จึงคิดจะพูดอะไรอีก แต่หลิ่วจาวเฟิงพูดออกมาก่อน”เสว่เอ๋อ คุณไม่ต้องคิดมาก มันเป็นแค่งานเลี้ยงธรรมดา ไม่มีอะไรแฝงอยู่หรอก แค่เป็นการช่วยเหลือฉันเอง คุณจะช่วยหรือเปล่า?”
“เสว่เอ๋อ คนเขาเพิ่งจะรับปากกับคุณว่าจะช่วยหาคนที่รู้จักให้ แล้วคุณดูคุณสิ คุณไม่สามารถทำตัวไร้ความปรานีแบบนี้!”หลิวจื่อหยุนช่วยพูดอยู่ข้างๆ
หลี่เสว่จนปัญญา ถือว่าเป็นการคืนน้ำใจให้เขาละกัน จึงพยักหน้ายอมรับ
ในที่สุดเธอไม่อยากอยู่ต่อ ก็เลยกลับไปที่วิลล่าของตนเอง
แต่เพิ่งมาถึงหน้าวิลล่าก็เห็นว่าไฟข้างในสว่างอยู่ ทันใดนั้นก็รู้สึกตกใจขึ้นมา มีคนขโมยเข้ามาในวิลล่าหรือเปล่า?”
หลี่เสว่เปิดประตูด้วยใจที่ตื่นเต้น พ่อดูปลั๊ก ก็สังเกตเห็นว่าไป๋ยี่เฟยกับผู้ชายที่ไม่รู้จักอีกคนหนึ่งนั่งพูดคุยอยู่บนโซฟา แถมยังยิ้มอย่างมีความสุขด้วย
เมื่อได้เห็นฉากต่อหน้านี้ หลี่เสว่จึงโกรธมาก ตนเองไปยอมรับข้อเสนอของหลิ่วจาวเฟิงเพื่อเขา แต่เขากลับนั่งพูดคุยกับคนอื่นอย่างสนุกสนานในที่นี่ ความแตกต่างแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกผิดหวังกับไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยได้ยินเสียงก็เลยมองมาทางนี้”เสว่เอ๋อ”
หวังโหลวก็ยืนตามขึ้นมา”พี่สะใภ้ไป๋”
สีหน้าของหลี่เสว่ราบเรียบมาก”คุณกลับมาแล้วหรือ?”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า เมื่อได้เห็นสีหน้าของหลี่เสว่ ก็นึกว่าเธอเป็นห่วงตนเอง จึงพูดว่า”ไม่เป็นไรแล้ว ฉันได้ออกมาแล้ว”
หลี่เสว่แค่พยักหน้า”ฉันไปพักผ่อนก่อน”
พอพูดเสร็จก็ขึ้นบันไดไป
ไป๋ยี่เฟยไม่ทราบสาเหตุ เขาออกมาแล้วไม่ใช่หรือ?ทำไมเธอยังไม่ดีใจล่ะ?โครงการเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?
หวังโหลวได้เห็นเช่นนี้ก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก”ทีหลังค่อยติดต่อกัน วันนี้ฉันลาก่อนนะ”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม”โอเค นั้นเดี๋ยวฉันค่อยไปหาคุณอีกที”
ทั้งสองคนพูดอีกไม่กี่ประโยค ไป๋ยี่เฟยก็ส่งหวังโหลวออกไปแล้ว
……
ตอนเช้า หลี่ฝานใส่ชุดสูทที่ประณีตชุดหนึ่งและมาถึงสถานีตำรวจอย่างหยิ่ง
หน้าประตูสถานีตำรวจมีสองคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นหลี่ฝาน ก็ขึ้นไปห้ามเขา”คุณมีเรื่องอะไร?”
“ไปไกลๆ!”หลี่ฝานพูดอย่างหยิ่ง”อย่ามาขวางทาง”
ตำรวจเห็นเช่นนี้สีหน้าจึงเย็นชาลง”มาก่อเรื่องหรือ?นี้เป็นตั้งสถานีตำรวจ มาก่อเหตุก็ต้องดูให้ดีก่อนว่านี่คือที่ใด?”
“ฮือ คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”หลี่ฝานทำตัวอย่างหยิ่ง”ฉันมาหาหัวหน้าหลิวพวกแกรู้จักหัวหน้าหลิวหรือเปล่า?ถ้าทำให้ฉันโมโหขึ้นมานะ ฉันจะหาพวกแกให้น่าดูแน่ๆ!”
พอพูดเสร็จ ตำรวจสองคนก็มองเข้ามากัน จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดกับหลี่ฝาน”เป็นเพื่อนของหัวหน้าหลิวนี่เอง!มามามา เชิญข้างในครับ!”
หลี่ฝานเห็นเช่นนี้จึงเอ่ยเสียงฮือออกมา แล้วเดินเข้าไปในสถานีตำรวจเย่อหยิ่งและผยอง
แต่เพิ่งเดินเข้าไป มือทั้งคู่ของเขาถูกล็อกด้วยกุญแจมือ
“พวกคุณทำอะไร?”หลี่ฝานอึ้งอยู่กับที่ตำรวจเก็บรอยยิ้มของเมื่อกี้ขึ้นมา แล้วพูดตามตามหน้าที่”หัวหน้าหลิวรับสินบน รู้กฎหมายแต่ยังฝ่าฝืนกฎหมาย จึงถูกกักตัวขึ้นมา แต่เขาไม่ได้พูดว่าคนที่ให้สินบนแก่เขาคือใคร พวกเราก็ยังกังวลอยู่ แต่คาดไม่ถึงว่าคุณกลับมอบตัวมาให้เลย!”
หลี่ฝานเบิกตากว้าง คิดจะดิ้นรน แต่ถูกตำรวจสองคนจับตัวไว้ ส่งไปที่ห้องสอบสวน
……
ฝั่งนี้ ไป๋ยี่เฟยหาหวังโหลวมา
หลังจากหวังโหลวเดินเข้ามาในห้องแล้ว ก็มองไปที่ไป๋ยี่เฟยอย่างตกใจ”คุณเป็นตั้งประธานใหญ่ของโหวจวี๋หรือ?”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะออกมา”ฉันก็แค่เข้ารับตำแหน่งเมื่อไม่นานมานี้”
หวังโหลว:“……”
“คำพูดอย่างอื่นก็ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันรู้ว่าคุณมีทะเยอทะยานและมีความสามารถ ดังนั้นเราก็มาทำด้วยกันเลย!”ไป๋ยี่เฟยมองไปดุหวังโหลวแล้วพูดอย่างตั้งใจ
เมื่อหวังโหลวฟังจบก็ตื่นเต้นมาก เขากับไป๋ยี่เฟยล้วนเป็นคนที่มีความสามารถ แต่ไม่มีภูมิหลัง จึงพบอุปสรรคอยู่ตลอด ตอนนี้มีโอกาสที่ดีขนาดนี้ เขาดีใจจนอยากจะจูบเขาสักที!”
“คุณไม่รังเกียจฉันหรือ?ฉันไม่มีภูมิหลังอะไรเลยนะ”
ไป๋ยี่เฟยหัวเราะพูดว่า”ถ้าหากว่าฉันรังเกียจคุณ ก็จะไม่บอกฐานะของฉันให้คุณทราบหรอก”
หวังโหลวก็เลยแสดงตัวตนเอง”ในเมื่อที่คุณเชื่อฉันขนาดนี้ ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน!”
หลายวันต่อมา ไป๋ยี่เฟยประกาศว่าหวังโหลวเข้ามาในระดับสูงของโหวจวี๋กรุ๊ปโดยตรง ทั้งสองคนรวบรวมข้อมูลในห้องทำงานทุกที่ทุกเวลา
จากนั้นหลงหลิงหลิงก็เห็นด้วยตาว่าสองคนนี้วันๆมัวแต่เข้าซื้อบริษัทแหล่งนู้นแหล่งนี้ วันต่อๆมาก็เข้าซื้อโรงงานแหล่งนู้นแหล่งนี้……
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือ บริษัทที่พวกเขาซื้อมาทุกแหล่งล้วนจะถูกกำจัดออกจากตลาดในไม่ช้านี้หรือไม่คือเกือบจะล้มละลายแล้ว!
หลงหลิงหลิงรู้สึกว่าตนเองเกือบจะตายแล้ว ตายแล้วจริงๆ!
สองคนใช้เวลาสามวัน เงินสองพันล้านก็หมดไป!
หลงหลิงหลิงไม่กล้าไปหาไป๋ยี่เฟย เพราะไป๋ยี่เฟยจะไม่เชื่อฟังเธออยู่แล้ว เธอมีแต่ต้องจ้องดูด้วยตาเปล่าๆ
ในที่สุด พอถึงวันที่สี่ หลงหลิงหลิงทนไม่ได้แล้ว เธอจึงหาโอกาสเข้าไปในห้องบันได แล้วโทรให้ไป๋หยุนเผิง
“คุณดูไว้ก่อน ถ้ามีอะไรที่ผิดปกติก็มาบอกกับฉันทันที ฉันจะคิดวิธีแก้ไขเอง”ไป๋หยุนเผิงสั่งเธอไว้
หลงหลิงหลิงพยักหน้าแล้ววางสายลง แต่ยังรู้สึกใจร้อนอยู่ในใจ
แต่พอถึงวันที่ห้า บริษัทที่ไป๋ยี่เฟยและหวังโหลววางแผนที่จะซื้อมานั้นอยู่ดีๆก็มาหักล้าง
“เกิดอะไรขึ้น”ไป๋ยี่เฟยถาม
หวังโหลวรู้สึกค่อนข้างเสียดาย”เหมือนจะถูกคนอื่นซื้อไป ราคาที่ออกสูงกว่าพวกเรา”
ไป๋ยี่เฟยหงายคิ้วขึ้นมา”ช่างเถอะ สินค้าที่เรากองไว้ก็พอแล้ว”
หวังโหลวพยักหน้า”โชคดีที่เรามือไว ไม่นั้นถ้าถูกคนอื่นแย่งไป เราคงไม่ได้กำไรเท่าไหร่”
เมื่อได้ยินการสนทนาของทั้งสองคน หลงหลิงหลิงที่อยู่ข้างๆรู้สึกจนปัญญามาก
ล้วนเป็นสินค้าคงคลังที่ขายไม่ดี ยังคิดจะหากำไรอีก?ฝันอยู่หรือเปล่า?
ไป๋ยี่เฟยพูดกับหลงหลิงหลิงว่า”เรื่องต่อมา คุณไปจัดการเอง”
หลงหลิงหลิงเห็นว่าไป๋ยี่เฟยและหวังโหลวกว่าจะได้หยุดมือ จึงจะวางใจลงมาได้”ค่ะ ท่านประธาน”
เมื่อเห็นว่าหลงหลิงหลิงไปแล้ว ไป๋ยี่เฟยพูดว่า”ไป เราไปฉลองกัน”
เรื่องนี้ไป๋ยี่เฟยได้วางแผนไว้ล่วงหน้า แต่ในเมื่อมีหวังโหลวเข้าร่วม ก็ทำทำให้ยิ่งราบรื่นเข้าไปอีก
หวังโหลวคู่ควรกับการเป็นคนเก่งทางด้านฝ่ายการเงินจริงๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา บริษัททั้งหมดล้วนถูกเลือกโดยเขาเพียงคนเดียว สายตาสุดยอดมาก ทำให้ไป๋ยี่เฟยยอมรับนับถือเขาอย่างจริงจัง!ทั้งสองคนออกมาจากบริษัทอย่างมีความสุข แล้วมาถึงร้านบาร์บีคิวร้านหนึ่งที่อยู่ข้าวโรงเรียน สั่งบาร์บีคิวไปหนึ่งโต๊ะและเบียร์สองขวด
“ไชโย!”