หลานเยาเยาเพียงยักไหล่ ถอนหายใจแล้วกล่าว
“ยังถูกพวกเจ้าจับได้แล้ว ตกตะลึงมากใช่หรือไม่?”
ทั้งสองมองดูนางอยู่อย่างนี้ ไม่ตอบและไม่ถาม แววตาเผยความสงสัยมากมายนัก
“ช่างเถอะ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่พูดคุย พวกเราสังหารคนจากนอกแผ่นดินผู้นี้ก่อน ปล่อยเขาไว้ไม่ได้”
“ขอรับ!”
ทั้งสองเอาความสงสัยทิ้งไว้ด้านหลัง พยักหน้าอย่างหนักแน่น
คนจากนอกแผ่นดินเป็นอันตรายอันใหญ่หลวง ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงถูกขังไว้ที่นี่ หากไม่ฆ่าเขา ให้เขาหลบหนีได้ กลับไปนอกแผ่นดิน เกรงว่าแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ก็จะเกิดการฆ่าฟันที่ดุเดือดกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง
ถึงเวลานั้นไม่เพียงแค่ประชาชนอาจจะดำรงชีวิตไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้นแล้ว
จื่อเฟิงชักดาบออกมาอีกครั้ง เหาะขึ้นไปบนร่างของคนจากนอกแผ่นดินชั่วพริบตา หาตำแหน่งหัวใจโดยประมาณของเขา แทงลงไปดาบหนึ่ง
แต่ทว่าเดิมทีคนจากนอกแผ่นดินก็ผิวหยาบเนื้อหนา บวกกับรูปร่างใหญ่โตกำยำ หนึ่งดาบลงไป แทงโดนหัวใจหรือไม่ไม่รู้ แต่ทิ่มแทงทำให้เขาเจ็บปวดแล้วเป็นแน่
รู้สึกถึงความเจ็บปวดแล้ว
คนจากนอกแผ่นดินยิ่งดิ้นรนอย่างไม่คิดชีวิต ราวกับว่าทำให้ถ้ำทั้งลูกสั่นไหว อีกทั้งสถานที่นี้ ผ่านการดิ้นรนมานานหลายปีของคนจากนอกแผ่นดิน แตกออกเป็นช่องรอยแยกใหญ่ๆแล้ว ตอนนี้ดิ้นรนอย่างไม่คิดชีวิตเช่นนี้อีก เขาสามารถขยับมือที่ถูกกดทับไว้ได้แล้ว หลังจากพยายามดึงเถาวัลย์ที่พันล้อมออก เมื่อเขาโบกมือไปทางด้านหลัง หากไม่มีหินแหลมนูนออกมาบังไว้ บวกกับหลานเยาเยาเคลื่อนย้ายเจ้าพระยาเซียวไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว เกรงว่าหลานเยาเยาและเจ้าพระยาเซียวก็ล้วนประสบเคราะห์
หลานเยาเยาพวกเขาหลบได้แล้ว
จื่อซีก็รีบไปคุ้มครองส้งเย่นกุยที่หมดสติไปลากเขาไปไว้ในสถานที่ที่ปลอดภัย
แต่คนของสำนักหู้เสินที่ตายไปแล้ว ก็ไม่ได้โชคดีขนาดนั้นแล้ว มือหนึ่งของคนจากนอกแผ่นดินไม่ได้ทำให้คนตาย กลับเป็นคว้าศพที่ตายแล้วอยู่บนพื้นไป ไม่รู้ว่าเพราะการดิ้นรนก่อนตาย หรือว่าหิวสุดๆคล้ายกับสติหลุด คนจากนอกแผ่นดินคว้าศพชนกำแพงหินที่เป็นหินและดินเหนียวผสมกันที่ขวางมืออันใหญ่โตของเขาออกอย่างรุนแรงและรวดเร็ว……
เอาศพส่งไปถึง บนใบหน้านั้นที่ถูกกำแพงหินฝังไว้ เปิดปาก ส่งเข้าไป “กุบกับ” “กุบกับ” กัดขึ้นมา
หลานเยาเยาพวกเขาได้ยินเสียง ก็ขนลุกขนพองแล้ว
เดิมก็รู้ว่านอกแผ่นดินกินคน
แต่เห็นด้วยตาตัวเอง สภาพจิตใจแตกต่างเป็นธรรมดา
เห็นคนจากนอกแผ่นดินยังเป็นเช่นนี้‘แข็งแรงเต็มไปด้วยพลัง’ จื่อเฟิงชักดาบออกแล้วซ้ำเข้าไปอีกดาบหนึ่ง
ทันทีที่ทิ่มแทงนี้…….
ทำให้คนจากนอกแผ่นดินเงยหน้าร้องยืดยาว เสียงดังกังวาน อย่างดุเดือดอีกครั้ง คล้ายจะทำให้หินที่ฝังศีรษะของเขาเอาไว้แทบจะแตกออกแล้ว ทุกที่ส่อให้เห็นรอยแยกออก และที่ที่หลานเยาเยาพวกเขาอยู่ เศษหินร่วงตก ภูเขาก็สั่นไหวพังทลาย
การดิ้นรนเช่นนี้ ดุเดือดกว่าก่อนหน้านี้แล้ว
สองมือของคนจากนอกแผ่นดินเริ่มเคลื่อนไหวได้ตามใจ ชนมั่วไปทุกทาง
แต่ทว่า!
หลังจากการสั่นไหวที่ดุเดือด พลังในการดิ้นรนนั่นค่อยๆอ่อนลงแล้ว แต่ภูเขายังคงสั่นไหว
นี่เกรงว่าคือจะถล่มแล้ว
แต่ไหนแต่ไรคนจากนอกแผ่นมีชีวิตยืนยาว ไม่ง่ายที่จะฆ่าให้ตาย
หลานเยาเยายังเกรงว่าคนจากนอกแผ่นดินจะไม่ตายไปอย่างง่ายดายเช่นนั้น หยิบยาน้ำสีแดงออกมา วิ่งไปทางจื่อเฟิงที่อยู่ใกล้กับคนจากนอกแผ่นดินที่สุดทันที
“ราดลงไปบนบาดแผลของเขา”
“ขอรับ”
ยาพิษขวดหนึ่งลงไป พวกเขาก็รีบถอนตัวออกทันที
หลานเยาเยาลากเจ้าพระยาเซียวพิงบนหลังของตัวเอง เหมือนว่าแบกเขาเดิน ใครจะรู้จื่อเฟิงเหาะมา รับเจ้าพระยาเซียวแล้วกล่าว:
“ให้ข้า……คุณหนู!”
พูดจบ ยังไม่เห็นนางพยักหน้า จื่อเฟิงก็แบกคนขึ้นมาก่อน
“คุณหนูขอรับ ทางที่พวกเรามาถูกปิดแล้ว ตอนนี้ควรทำอย่างไรขอรับ?”
“ตามข้ามา!”
เวลานี้ไม่ใช้เวลาคุยกันว่าใครจะแบกใคร แต่คือรีบหาทางออกไป
จื่อซีก็แบกส้งเย่นกุยมาข้างกายนาง ภายใต้แววตาของทั้งสอง ทั้งๆที่อันตรายมาก แต่ใจของนางกลับอบอุ่นอย่างฉับพลัน
จื่อซีจื่อเฟิงยังเป็นจื่อซีจื่อเฟิงในอดีต……
“ตามติดข้า!”
พวกเขาสามคนพาสองคนที่หมดสติ อยู่ในถ้ำที่ยังสั่นไหวอยู่ตลอด นางหาประตูหินของกำแพงหินด้านหนึ่งที่คนของสำนักหู้เสินต้องการเปิดก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว จากในนั้นก็ออกไปถึงด้านหน้าของใบหน้าใหญ่ๆนั่นของคนจากนอกแผ่นดินได้โดยตรง
พวกเขามาถึงหน้าผาด้านหน้าถ้ำ หลานเยาเยาก็ตัดเถาวัลย์สองเส้นแบ่งให้จื่อซีจื่อเฟิง ให้พวกเขาใช้เถาวัลย์มัดคนที่แบกไว้กับตัวให้แน่น จึงกลับไปตามทางที่มาก่อนหน้านี้
แต่เดินได้ครึ่งหนึ่ง
หลานเยาเยาหยุดลงกะทันหัน
นึกได้ว่าสำนักหู้เสินของในถ้ำนี้ จากที่ได้ยินก่อนหน้านี้ พวกเขาเคยหลบซ่อนอยู่ในภูเขา คุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างมากแน่นอน ตอนนี้คนจากนอกแผ่นดินเปล่งเสียงฟ้าร้อง กับการเคลื่อนไหวผิดปกของตัวภูเขา จำต้องดึงดูดให้คนของสำนักหู้เสินมากมายมาเป็นแน่
เชือกทางนั้นไม่ปลอดภัย
“พวกเราไม่ต้องกลับไปทางเชือกตรงนั้น ปีนขึ้นไปตามเถาวัลย์ตรงๆ”
เช่นนี้ ทั้งสามารถปีนขึ้นไปบนหน้าผาได้อย่างรวดเร็ว ทั้งสามารถออมแรงของจื่อซีและจื่อเฟิงได้
จื่อซีจื่อเฟิงฟังคำสั่งนางเป็นธรรมดา
ไม่ช้า พวกเขาก็ปีนตามเถาวัลย์ขึ้นมาถึงบนหน้าผา ยังไม่ทันได้หายใจ ทั้งสามก็รู้สึกถึงความผิดปกติ รีบหาสถานที่วัชพืชหนาทึบหลบซ่อน
คนกลุ่มหนึ่งเหาะมาปรากฏตัวในสายตาของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
ล้วนเป็นเสื้อผ้าที่แปลกประหลาด เสื้อผ้าเหมือนคนของสำนักหู้เสินที่ตายไปในถ้ำทุกอย่าง
คนของสำนักหู้เสินมาแล้วกลุ่มหนึ่ง
มีคนหนึ่งออกคำสั่ง: “รีบลงไปดูที่ถ้ำ คุ้มครองเทพเจ้าให้ดี”
ฟังคำสั่ง กลุ่มหนึ่งปีนลงไปตามที่เหมือนมันเทศ ทิ้งคนส่วนหนึ่งไว้เฝ้ารักษาอยู่ข้างๆหน้าผา
หลานเยาเยาขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่ดีแล้ว!
คาดว่าเซียวจิ่นหยูทางนั้นจะเกิดเรื่องแล้ว
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาสามคนเอาสองคนที่หมดสติแอบไว้อย่างดีก่อน แล้วรีบไปยังตำแหน่งที่พวกเซียวจิ่นหยูเฝ้าเชือกไว้
จนเมื่อถึง ได้ยินเพียงเสียงอาวุธฟาดฟันกันและเสียงต่อสู้ของสองฝ่าย
เซียวจิ่นหยูกับฮัวหยู่อันพวกเขาล้วนปกป้องรอบๆเชือกไว้ เย็นหงไม่มีวิทยายุทธ ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังคนที่เป็นวิทยายุทธ เข้าใกล้ไปทางคนของสำนักหู้เสินแอบยิงธนูที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อตลอด บางทียังจะใช้ประโยชน์ของก้อนหินกิ่งไม้ธรรมดาๆทำกลไก กลายเป็นแรงช่วยเหลือพวกเซียวจิ่นหยูที่สำคัญมากแรงหนึ่ง
ไม่มีวิทยายุทธยังมีพระราชธิดาจาวหยาง
แต่องครักษ์ลับที่แอบคุ้มครองนางมีอยู่มากมาย อีกทั้งแต่ละคนวิทยายุทธสูงส่ง ดังนั้น ภายใต้การล้อมโจมตีของคนจากสำนักหู้เสินที่เต็มไปทุกหนแห่ง พวกเขาจึงสามารถยืนหยัดได้นานขนาดนี้
แม้เป็นเช่นนี้
แต่สุดท้ายศัตรูมีมากมายเรามีน้อย พวกเขาทำได้เพียงสู้จนเฮือกสุดท้ายเท่านั้น
สองฝ่ายกำลังฆ่าฟันอย่างหนัก สำนักหู้เสินก็มีชัยอย่างแน่นอน แต่ในขณะที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัว หมอกควันค่อยๆปรากฏขึ้นทุกทิศทาง ยิ่งหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาเริ่มหายใจไม่สะดวก จากนั้นพบว่าแขนขาชา มือเท้าไร้เรี่ยวแรง
เพียงแค่ยิ่งขยับ ความรู้สึกชนิดนี้ก็ยิ่งรุนแรง
เซียวจิ่นหยูไม่เพียงขมวดคิ้ว หันกลับไปมองเชือกแวบหนึ่ง เย็นหงก็กำลังมองเชือกพอดี นางหันไปมองเซียวจิ่นหยู ส่ายหน้ากับเขา
ความหมายคือ: พวกเขายังไม่ขึ้นมา
ไม่ช้า หมอกควันรุนแรงจนมองเห็นคนที่ห่างออกไปห้าก้าวไม่ชัดเจน พระราชธิดาจาวหยางค่อนข้างกลัว อดไม่ได้ที่คิดจะหลบไปด้านหลังของเซียวจิ่นหยู
“ท่านพี่ชายจิ่นหยู…….”
หางเสียงไม่สิ้นสุด เสื้อผ้าของเซียวจิ่นหยูยังคว้าไม่ได้ ไหล่ก็ถูกคนตีไปทีหนึ่ง
พระราชธิดาจาวหยางตกใจ
เพิ่งต้องการจะหันไปดู “อ้า” เสียงหนึ่ง ก็ถูกคนลากไปโดยตรงแล้ว
ได้ยินเสียงดัง เซียวจิ่นหยูฆ่าคนผู้หนึ่งได้พอดี รีบหมุนตัวไปหาพระราชธิดาจาวหยาง แต่ด้านหลังของเขาหมอกควันรุนแรงเกินไป แทบจะยื่นมือออกไปก็มองห้านิ้วไม่เห็น
“โหลวเย่ว……”
ตะโกนเสียงหนึ่ง ไร้คนตอบรับ เซียวจิ่นหยูกังวลแล้ว กลัวว่านางจะไม่ระวังตกลงไปที่หน้าผาแล้ว รีบไปหาทางด้านหลังทันที
แต่กลับเผชิญหน้ากับดาบอันแหลมคม นั่นคือดาบอันแหลมคมในมือของสำนักหู้เสิน บนดาบเปื้อนเลือดซึ่งเลือดยังหยดเป็นหยดๆอยู่ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะฆ่าคน
แรงสังหารของเขาเกิดขึ้นฉับพลัน กำลังต้องการจะเข้าไปดาบหนึ่ง
ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยเล็กน้อยเสียงหนึ่งแว่วมา
“เป็นข้า ซ่างกวนหนานซู่!”
“พวกท่านขึ้นมาแล้ว? หมอกนี้?” เซียวจิ่นหยูตกตะลึง
เมื่อครู่เกิดหมอกหนาอย่างกะทันหัน เดิมทีก็น่าแปลก เขาสงสัยเกรงว่าเป็นซ่างกวนหนานซู่และจื่อซีจื่อเฟิงพวกเขาขึ้นมาแล้ว แต่ขณะที่มองไป เย็นหงที่สังเกตทิศทางการขยับของเชือกอยู่ตลอดกลับส่ายหน้าต่อเขา
“ตามข้ามาก่อน เดี๋ยวค่อยอธิบาย”
ภายใต้การปกคลุมของหมอกหนา กลุ่มคนที่ถูกล้อมไว้พ้นจากอันตรายแล้ว…….