หลังจากที่อิลาฮันปลดผนึกแห่งความมืดทันที
ต่อหน้าของผู้เล่นทั้งหมดที่อยู่ระหว่างการเล่นไคลัน มีข้อความโผล่ขึ้นมา
เวลาที่ข้อความโผล่ขึ้นมาในตอนเช้ามืดและด้วยเหตุนี้ผู้เล่นหลายคนไม่สามารถเห็นข้อความนั้นโดยตรง แต่ช่วยไม่ได้ที่ข้อความนี้จะกลายเป็นปัญหาทันที
นี่เป็นเพราะผู้เล่นที่เล่นในช่วงเช้ามืดอัพโหลดขึ้นสู่ชุมชนพร้อมกับภาพหน้าจอทันที
ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากเนื้อหาที่อยู่ในข้อความนี้ไม่ยาวนัก เมื่อการสนทนาเกี่ยวกับคลื่นมอนสเตอร์เริ่มแพร่กระจายไปทั่วผู้เล่นทุกคนอย่างมีนัยสำคัญ
สถานการณ์ของผู้เล่นเกี่ยวกับคลื่นมอนสเตอร์ถูกแบ่งออก
“คลื่นมอนสเตอร์จากอาณาจักรปีศาจกำลังจะเริ่มขึ้นงั้นหรอ?”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังบอกนาย! เห็นได้ชัดว่า 30 วันนับจากนี้ประตูมิติสามแห่งจะเปิดขึ้นในทวีปกลางและทวีปทางเหนือแต่ละแห่ง”
“เอ่อ…. ไม่ใช่ว่ามันอันตรายหรอกหรอ? ฉันจะได้ยินมาว่ามอนสเตอร์ของอาณาจักรปีศาจระดับต่ำที่สุดก็เป็นมอนสเตอร์ที่มีเลเวลมากกว่า 150 ด้วยซ้ำ…!”
“สำหรับทวีปกลางเนื่องจากไม่มีความแตกต่างในเลเวลใหญ่เยอะเท่าไหร่ เป็นไปได้ว่ามันจะเป็นไร แต่… ดูเหมือนว่าผู้เล่นที่กำลังล่าในทวีปทางตอนเหนือจะได้รับความเสียหาย”
“ฉันรู้ ผู้เล่นที่กำลังล่าในทวีปตอนเหนือส่วนใหญ่จะเป็นผู้เริ่มต้นที่ยังไม่เคยแตะเลเวล 100 ด้วยซ้ำ…”
ในขณะที่มีผู้เล่นที่กังวลเรื่องคลื่นมอนสเตอร์เช่นนี้ แต่…
“ว้าว ถ้างั้นไม่ใช่ว่ามันหมายความว่าเราจะสามารถล่ามอนสเตอร์จากอาณาจักรปีศาจแม้ว่าเราจะไม่ได้รับเควสต์ที่สามารถให้เข้าถึงอาณาจักรปีศาจได้ไม่ใช่หรอ?”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังพูด! มันเป็นเรื่องน่ารำคาญเล็กน้อยสำหรับฉันที่จะไปที่อาณาจักรปีศาจเพราะฉันชอบพื้นที่ล่าของทวีปกลาง แต่… ฉันคิดว่าสิ่งนี้ดีกว่า!”
“ฮ่า มันควรจะเกิดขึ้นใน 30 วันนับจากนี้ใช่มั้ย? ฉันควรจะได้เลเวล 150 ก่อนหน้านั้นเพื่อที่ฉันจะได้เห็นกำไรเมื่อคลื่นมอนสเตอร์เริ่มขึ้น”
“ฮ่าๆ ฉันผ่านเลเวล 150 แล้ว แต่… ถึงกระนั้นฉันก็ควรจะเพิ่มเลเวลของฉันอีกเล็กน้อยเนื่องจากเห็นได้ชัดว่ามีมอนสเตอร์จำนวนมากที่มีเลเวลมากกว่า 200 ด้วยพลังการต่อสู้ของฉันในปัจจุบัน มันยังอันตรายมาก”
“เราควรจัดปาร์ตี้ก่อน ฉันต้องการล่าวิญญาณชั่วร้ายและเสริมอาวุธของฉันด้วยเช่นกัน”
นอกจากนี้ยังมีผู้เล่นที่ดีใจที่คิดว่าพวกเขาจะสามารถเพลิดเพลินไปกับเนื้อหาของอาณาจักรปีศาจได้โดยไม่ต้องเข้าอาณาจักรปีศาจแทน
อย่างไรก็ตามไม่ว่าผู้เล่นจะวางตำแหน่งตัวเองในด้านใดพวกเขาทุกคนต่างก็คิดเหมือนกันว่าจะต้องมีการวางแผนรับมือกับคลื่นมอนสเตอร์ของอาณาจักรปีศาจอย่างละเอียด
การประชุมเพื่อตอบโต้คลื่นมอนสเตอร์เริ่มดำเนินการในแต่ละกิลด์และการประชุมดำเนินไปอย่างจริงจังยิ่งขึ้นสำหรับกิลด์ที่มีเมือง
กิลด์โลตัสก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน
“นายกำลังบอกว่าประตูมิติที่มอนสเตอร์ของอาณาจักรปีศาจจะถูกอัญเชิญนั้นจะเปิดขึ้นใน 30 วันนับจากนี้ใช่มั้ย?”
เมื่อโครบานพูด คาร์วินพยักหน้าขณะที่เขาตอบกลับ
“ถูกต้อง ฉันไม่รู้ว่าจะมีการอัญเชิญมอนสเตอร์ชนิดใด แต่ถึงแม้จะมีวิญญาณชั่วร้ายที่มีระดับต่ำที่สุด แต่พวกมันก็แข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ในพื้นที่ที่ดีที่สุดในทวีปกลาง”
คราวนี้ ฟิโอลันพูด
“ตามจริงแล้ว ฉันไม่กังวลเกี่ยวกับเมืองไพโร แต่ฉันกังวลเกี่ยวกับเมืองที่อยู่ในทวีปทางเหนือ หากวิญญาณชั่วร้ายโจมตีเมืองเหล่านั้น ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่มีพลังหยุดพวกมันงั้นหรอ?”
โครบาน ลอร์ดแห่งเมืองโอลิบัสของทวีปทางเหนือพยักหน้าอย่างช้าๆ
“ถูกต้องแล้ว กิลด์โลตัสยังดีกว่านี้เล็กน้อย แต่ในกรณีเมืองโอลิบัสของเรานั้นแทบไม่มีสิ่งก่อสร้างในการป้องกันเลยเพราะไม่มีเมืองของกิลด์อื่นๆเลยที่จะเป็นภัยคุกคามรอบตัวเรา”
“อืมม…”
คาร์วินบ่น
“จะว่าไปแล้ว พี่เอียนได้วิ่งไปทั่วอาณาจักรปีศาจเลยใช่ไหม? เมื่อเร็วๆนี้เขาไม่ได้ออกมาจากที่นั่นเลย ฟิโอลัน เธอได้ติดต่อกับพี่เอียนไหม?”
ฟิโอลันส่ายหน้า
“ไม่เลย มันก็ค่อนข้างนานตั้งแต่ฉันเห็นเอียนเช่นกัน”
โครบานลูบคางขณะที่เขาพึมพัม
“อืมม… คนที่รู้เกี่ยวกับอาณาจักรปีศาจมากที่สุดเท่าเอียนอาจจะหายากเช่นกัน”
“ในเมื่อเขาเป็นผู้เล่นคนแรกที่เข้าสู่อาณาจักรปีศาจ ก็คงจะจริงแหละใช่ไหม?”
ฮารินที่กำลังฟังบทสนทนาจากมุมเงียบๆก็เข้ามาแทรกแซง
“เอียนอาจรู้ข่าวเกี่ยวกับคลื่นมอนสเตอร์เช่นกัน แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าเขาหมกมุ่นกับการล่าและเควสต์ เมื่อใดก็ตามที่เขาออกจากระบบเขาจะเข้าไปในกระดานข่าวชุมชนเป็นประจำและตรวจสอบมัน”
เฮิร์ซพยักหน้าขณะที่เขาเสริม
“ถูกต้อง นั่นเป็นนิสัยของเอียน”
ฮารินพูดต่ออีกครั้ง
“จากสิ่งที่ฉันเห็นครั้งสุดท้าย เขาได้รวบรวมเอกสารใน Excel พร้อมกับข้อมูลเกี่ยวกับมอนสเตอร์ของอาณาจักรปีศาจและจัดระเบียบ… ฟิโอลันลองพูดคุยกับเขาและขอให้เขามอบสิ่งนั้นให้กับเธอดูสิ”
“…”
เมื่อฮารินพูด ทุกคนมีการแสดงออกที่ดูเหมือนว่าพวกเขากลัว
คาร์วินพูดเป็นคนแรก
“ตามที่คาดไว้… พวกเขาบอกว่าผู้คนมักไม่เปลี่ยนแปลง ฉันรู้ตั้งแต่เขาเขียนค่าสถานะของสัตว์เลี้ยงของเขา เมื่อใดก็ตามที่พวกมันเพิ่มเลเวลทีละตัวและเปรียบเทียบพวกมัน”
ฟิโอลันแสยะยิ้มขณะที่เธอพูด
“อืม ต้องขอบคุณสิ่งนั้น เราจึงได้รับความช่วยเหลืออย่างมาก”
เมื่อฟิโอลันพูด ทุกคนค่อยๆพยักหน้า
เนื่องจากไม่ว่าใครจะพูดอะไร เมื่อพูดถึงการสร้างกิลด์โลตัสในปัจจุบันการมีส่วนร่วมของเอียนนั้นมากที่สุด
“เอาล่ะ เรามาวางแผนที่จะสร้างกองกำลังป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพไปยังทวีปทางเหนือในตอนนี้ สำหรับวิธีที่เราจะสู้รบฉันเชื่อว่านั่นเป็นสิ่งที่เราคิดได้หลังจากที่เราได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรปีศาจจากเอียน”
* * *
“แกหมายความว่ายังไงที่แกพูดว่าถูกครึ่งหนึ่ง ผิดครึ่งหนึ่งน่ะ?”
เมื่อเอียนถาม กาก้าแสดงท่าทางจริงจัง
ในขณะที่เขาแสดงท่าทางที่จริงจังด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่น่ารักและกลมๆ มันก็ดูไร้สาระนิดหน่อย แต่ตอนนี้อย่างน้อยภาพลักษณ์ของกาก้านั้นก็ไม่ตลกหรืออะไรทำนองนั้น
เนื่องจากสำหรับเอียน ความลับของบุ๊กค์เป็นปัญหาสำคัญอย่างไม่น่าเชื่อ
“เจ้านาย เกี่ยวกับตำนานเทพมังกรทั้งเจ็ด ท่านรู้หรือไม่ว่ามันเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับเทพมังกรซึ่งมีบทบาทสำคัญยิ่งในการหยุดยั้งการรุกรานของอาณาจักรปีศาจเมื่อพันปีก่อนใช่มั้ย?”
เอียนพยักหน้าทันที
เนื่องจากนี้เป็นเนื้อหาที่เขาเคยได้ยินจากไคซาร์และรู้มา
“ฉันรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ไคซาร์เป็นหนึ่งในนักรบที่ปรากฏในตอนนั้น”
กาก้าซึ่งมองไคซาร์ครั้งหนึ่งเมื่อเอียนพูดแล้วพูดอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้น ท่านรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเทพมังกรทั้งห้าที่มีอยู่ในตอนแรกไหม?”
เอียนแสดงท่าทางงุนงงขณะที่เขาถามกลับ
“มังกร… ทั้งห้า?”
กาก้าพยักหน้าขึ้นและลงขณะที่เขาพูดต่อ
“ใช่ เทพมังกรทั้งห้า”
ใจของเอียนเต้นระรัว นี่เป็นเพราะเขารู้สึกเหมือนได้ยินจากที่ใดที่หนึ่ง
อย่างไรก็ตามถึงเวลานี้ในขณะที่เอียนจมอยู่ในความคิดของเขา ไคซาร์ก็พูดขึ้นอย่างกระทันหันก่อน
“แกรู้มั้ย เด็กน้อย นั่นคือสาเหตุที่ข้าสงสัยมาตลอด จากสิ่งที่ข้ารู้มีมังกรมังกรห้าตัวที่มีอยู่ในตอนแรก แต่ทำไมมีเทพมังกรทั้งเจ็ดที่หยุดการบุกรุกของอาณาจักรปีศาจล่ะ?”
เมื่อไคซาร์พูด เอียนหยุดคิดและหันความสนใจไปหากาก้าอีกครั้ง
ส่วนสัตว์เลี้ยงและผู้ติดตามคนอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงก็กำลังจ้องมองที่กาก้าด้วยความสนใจ
“ง่ายมาก นั่นเป็นเพราะในเทพมังกรทั้งเจ็ด มีมังกรจริงเพียงห้าตัวเท่านั้น”
“…?”
ทุกคนต่างแสดงความสับสนและแม้แต่คาร์เซอุสซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของเทพมังกรก็ด้วย
เอียนถามคาร์เซอุส
“เฮ้ นายจะรู้น้อยกว่ามันได้ยังไงในเมื่อนานเป็นเทพมังกร?”
เช่นนั้น คาร์เซอุสตอบกลับ
“ข้าไม่ใช่เทพมังกรที่ปรากฏในเวลานั้น! แม้ว่าชื่อของเราจะเหมือนกัน แต่ข้าไม่ใช่ ‘เขา’ แต่ข้าเป็นแค่ลูกหลานของเขา… มันจะไม่แปลกหรอถ้าข้ารู้เรื่องตอนนั้นน่ะ เจ้านาย?”
เอียนเกาหัวขณะที่เขาตอบกลับ
“นะ นั่นก็จริง”
กาก้าอธิบายต่ออีกครั้ง
“เทพมังกรทั้งห้าที่มีอยู่ในตอนแรกไม่ได้รวมตัวกันในที่เดียวก่อนที่ประตูมิติของอาณาจักรปีศาจจะเปิดขึ้น”
ทุกคนจ้องมองอีกครั้งและคำอธิบายที่ยาวๆของกาก้ายังคงดำเนินต่อไป
“ประตูแห่งการอัญเชิญของอาณาจักรปีศาจถูกเปิดออกและอสูรเวทย์มนตร์และปีศาจจำนวนมากบุกเข้ามาในโลกมนุษย์ ตอนแรกการต่อสู้ระหว่างโลกมนุษย์และอาณาจักรปีศาจดำเนินต่อไปราวกับว่าพวกเขาอยู่เคียงข้างกัน แต่หลังจากมังกรชั่วร้ายคาร์ลิฟาร์ปรากฏตัว ลักษณะของการต่อสู้จึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง”
เนื้อหานั้นน่าสนใจอย่างมากและในกรณีของเอียนรู้สึกเหมือนชิ้นส่วนปริศนาของสิ่งที่เขารู้ถูกประกอบเข้าด้วยกัน ดังนั้นเขาจึงเริ่มจดจ่อมากขึ้น
“มังกรชั่วร้ายคาร์ลิฟาร์แสดงตัวต่อโลกมนุษย์ผ่านประตูมิติของทวีปทางเหนือและโอ๊คเลย์ วีรบุรุษของทวีปทางเหนือและมังกรสงครามคาร์เซอุสต่อสู้กับเขาเพื่อหยุดเขาในเวลานั้น อย่างไรก็ตามเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่ทั้งสองไม่สามารถหยุดได้และในที่สุดพวกเขาก็ทุกข์ทรมานจากคาร์ลิฟาร์”
เมื่อชื่อที่ไม่คุ้นเคยปรากฏขึ้น เอียนก็เริ่มค้นหาภายในความทรงจำของเขา
‘ตอนนี้ฉันคิดเรื่องนี้แล้ว… เมื่อโอ๊คเลย์อธิบายเกี่ยวกับคาร์เซอุสเป็นครั้งแรกฉันรู้สึกเหมือนเขาอธิบายว่าเขาไม่ใช่หนึ่งในเจ็ดเทพมังกร แต่เป็นหนึ่งในห้าของเทพมังกร’
กาก้าพูดต่อ
“โซล่าซึ่งเป็นชายผู้มีปัญญาอันยิ่งใหญ่ที่เป็นผู้นำการต่อสู้กับอาณาจักรปีศาจในเวลานั้นรู้สึกถึงวิกฤตและเขาคิดว่าในท้ายที่สุดเทพมังกรที่เหลืออีกสี่ตัวที่กระจัดกระจายไปทั่วแต่ละทวีปจะต้องรวมตัวกันเพื่อหยุดคาร์ลิฟาร์”
ยิ่งเรื่องราวของกาก้าดำเนินต่อไป ดูเหมือนว่าไคซาร์จะจดจำบางสิ่งบางอย่างในขณะที่เขาแสดงออกที่สลับซับซ้อนและมีความหมายมากขึ้นเรื่อยๆ
“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเพื่อที่จะหาทางแก้ไข เขาจึงไปตามหาอาจารย์ของเขาซึ่งเป็นเจ้าของหอคอยเวทย์มนตร์แห่งอเวจีด้วย”
เอียนถามกลับสั้นๆ
“เขาคือใคร?”
“ชื่อของเขาฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญเนื่องจากเจ้าของหอคอยเวทย์มนตร์สิ่งที่เขาวางไว้เป็นคำตอบที่ถูกต้องคือ…”
หัวของกาก้าหันไปทางบุ๊กค์และตามธรรมชาติแล้วทุกคนก็จ้องมองมาที่บุ๊กค์
“เต่าอเวจี”
ดวงตาทั้งสองของเอียนซึ่งได้ยินคำเหล่านั้นเบิกโพลง
“ห้ะะะ? นายบอกว่าบุ๊กค์คือคำตอบงั้นหรอ?”
กาก้าตอบกลับ
“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันไม่ใช่บุ๊กค์ แต่เป็นบรรพบุรุษของบุ๊กค์ แต่อย่างไรก็ตามเต่าอเวจีเป็นกุญแจสำคัญในการรวบรวมเทพมังกรสี่ตัวที่กระจัดกระจาย”
“ทำไมล่ะ?”
“เต่าอเวจีเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความสามารถในการค้นหา ‘พลังงานที่หลับไหล’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพวกเขาขึ้นและกลายเป็นมังกรอเวจี… พวกเขาสามารถปลุกเทพมังกรที่หลับไหลและรวบรวมพวกเขาไว้ที่จุดเดียว ฉันไม่ทราบแน่ชัดว่าพวกเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่อย่างไรก็ตามฉันเพิ่งรู้ว่าเป็นอย่างนั้น”
คราวนี้บักค์ซึ่งแค่ฟังเงียบๆอ้าปากพูด
“เผ่าพันธุ์ของอเวจีนั้นเป็นเผ่าพันธุ์เดียวในเผ่าพันธุ์ของเราที่สามารถเติบโตจิตวิญญาณแห่งเต่าของพวกเขาได้ด้วยตัวเอง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงเป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่สามารถกลายเป็นเต่ามังกรได้โดยไม่ต้องยืมพลังของซินตะมานิ”
บักค์ซึ่งพักหายใจสักครู่หนึ่งได้พูดต่อ
“นายสามารถใช้ซินตะมานิเพียงครั้งเดียวในชีวิตของคุณ ดังนั้นจากสิ่งที่ฉันรู้ถ้าเชื้อสายที่วิวัฒนาการมาเป็นเต่ามังกรโดยไม่ต้องยืมความแข็งแกร่งของซินตะมานิ ในเวลาเดียวกันพวกเขาสามารถกลายเป็นมังกรที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเทพได้”
ความคิดของเอียนแล่นอย่างรวดเร็ว
‘เรื่องนี้เป็นเนื้อหาที่ฉันเคยได้ยินจากบักค์มาก่อนหน้านี้แล้ว…’
บักค์พูดต่อ
“และหากมังกรอเวจีประสบความสำเร็จเช่นนั้น ความสามารถลับของเทพมังกรที่หลับไหลจะตื่นขึ้นพร้อมกัน”
กาก้าซึ่งได้ยินจนถึงจุดนี้พยักหน้าราวกับว่าเขารู้อะไรบางอย่างขณะที่เขาเสริม
“อ่อ นั่นคือวิธีที่เทพมังกรรวมตัวกันเมื่อความสามารถแฝงตัวของพวกเขาตื่นขึ้นมา!”
เอียนเริ่มขนลุก
เนื่องจากข้อมูลของกาก้าและบักค์รวมถึงไคซาร์นั้นมารวมกันและทำให้ได้ภาพที่สมบูรณ์แบบ
‘นี่มัน…!’
ต่างจากที่เอียนประหลาดใจ เรื่องราวของกาก้ายังดำเนินต่อไป
“อย่างไรก็ตาม เทพมังกรทั้งสี่ที่รวมตัวกันแบบนั้นและมังกรอเวจีรวมถึงมังกรสงครามคาร์เซอุสที่ถูกฆ่าตายในช่วงสงครามในทวีปทางตอนเหนือเป็นสมาชิกของตำนานทั้งเจ็ดที่ปกป้องโลกมนุษย์จากการรุกรานของอาณาจักรปีศาจเมื่อหนึ่งพันปีก่อน”
อย่างไรก็ตาม มีส่วนที่แปลกๆ
“ห้ะ…? ถ้าอย่างนั้นกับเทพมังกรทั้งห้าและมังกรอเวจี… มันควรจะเป็นตำนานทั้งหกไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงเป็นตำนานทั้งเจ็ดล่ะ?”
“อืมม… ในบรรดาตำนานทั้งเจ็ด คนสุดท้ายเป็นวีรบุรุษของมนุษย์ ฉันยังไม่รู้ชื่อที่แน่นอนของเขา แต่ฉันสังเกตเห็นว่าเขาเรียกอีกอย่างว่าอัศวินมังกร”
เช่นนั้น มีบางคนที่เอียนนึกถึง
“…!”
ไคซาร์ผู้ฟังเรื่องราวของกาก้าด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อนค่อยๆยืนขึ้นในขณะที่เขาอ้าปากพูด
“ฉันจำได้… ทุกอย่าง”
ไคซาร์ค่อยๆพูดต่อ
“ชื่อของอัศวินมังกร…”
สายตาของไคซาร์และเอียนสบกัน
“คือไคซาร์”