ลู่หลีกะพริบตา มองดูถังซีกับเฉียวเหลียงในชุดราตรีหรูหรา เฉียวเหลียงแอบยิ้มและมองสบตาลู่หลี ลู่หลีส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม ชายหนุ่มรู้ได้อย่างไรว่าเขามาร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำงานนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่ถังซีเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำกับเฉียวเหลียง และเป็นครั้งแรกที่เธอปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนกับเฉียวเหลียง เธอจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ทว่าอย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นลู่หลีกับเหวินนิ่ง ความไม่สบายใจก็หายไปทันที…
เฉียวเหลียงเป็นคนดังในประเทศจีน ไม่เพียงแต่คนในเมือง A เท่านั้นที่รู้จักเขา ทุกคนในประเทศจีนจำเขาได้ทันทีที่ปรากฏตัว แน่นอนว่าเหวินเฟิงก็รู้ว่าเฉียวเหลียงเป็นใคร เขากะพริบตาปริบๆ และคิดว่าตระกูลหยางเชิญเฉียวเหลียงเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำในคืนนี้ด้วยหรือ
ขณะกำลังคิดว่าเฉียวเหลียงจะเดินผ่านเขาไป เพื่อเข้าไปทักทายคนตระกูลหยาง จู่ๆ เฉียวเหลียงก็หยุดลงตรงหน้าเขา มองดูลู่หลีและยื่นมือให้ “ประธานลู่ ไม่คิดว่าจะได้พบคุณที่นี่ คุณมาติดต่อธุรกิจที่นี่หรือครับ”
เหวินเฟิงหรี่ตาลง เฉียวเหลียงทักทายผู้ชายคนนี้ก่อน และเรียกเขาว่าประธานลู่อย่างนั้นหรือ ผู้ชายคนนี้คือใครกัน
ลู่หลีไม่คิดว่าเฉียวเหลียงจะเล่นแบบนี้ เขาแอบยิ้มในใจ และให้ความร่วมมือในการเล่นละครไปกับเฉียวเหลียง “ใช่ครับ ไม่ได้เจอประธานเฉียวนานแล้ว ผมมาเมือง A เพื่อมาซื้อบริษัทหลายแห่ง”
เฉียวเหลียงปล่อยมือจากลู่หลีมาโอบเอวคอดของถังซี และยิ้มให้ลู่หลีขณะกล่าวว่า “หลงเซี่ยวกรุปครอบคลุมอุตสาหกรรมจำนวนมาก แล้วนี่คุณต้องบริหารงานด้วยตัวเองหรือเปล่าครับ หลังจากซื้อกิจการอีกมากมายหลายบริษัท”
เหวินเฟิงขยับตัวตรงทันทีเมื่อได้ยินชื่อหลงเซี่ยวกรุป เขาไม่รู้จักลู่หลี แต่เขารู้จักหลงเซี่ยวกรุปเป็นอย่างดี หลงเซี่ยวกรุปคือผู้ค้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดในโลก และแทบจะผูกขาดการค้าอาวุธทั่วโลก เป็นกลุ่มบริษัทที่มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมจำนวนมาก อิทธิพลของพวกเขาครอบคลุมธุรกิจหลายสาขา จนไม่สามารถเอ่ยชื่อบริษัทในเครือได้ทั้งหมด…
ชายหนุ่มคนนี้เป็นประธานหลงเซี่ยวกรุปหรือ แต่เขาดูเด็กมาก!
“อ้อ…” เฉียวเหลียงพยักหน้าอย่างจริงจัง และกล่าวต่อไป “แล้วผมยังได้ยินมาว่าหลงเซี่ยวกรุป บริจาคอาวุธให้รัฐบาลจีน คุณมาที่นี่เพื่อจัดการเรื่องนี้หรือเปล่าครับ ประธานลู่”
“ไม่ใช่การบริจาคหรอกครับ ผมเป็นนักธุรกิจ ไม่สนับสนุนประเทศใดโดยไม่มีเงื่อนไข ถึงแม้ว่าจีนจะเป็นประเทศแม่ของผม ผมต้องทำในสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว แต่ผมก็ได้ผลประโยชน์ที่คุ้มค่ากับการลงทุน”
เฉียวเหลียงส่งเสียงตอบรับในลำคอเบาๆ ชำเลืองมองไปทางเหวินเฟิง และพยักหน้าให้ลู่หลีขณะกล่าวว่า “ถึงยังไงคุณก็ยอมขาดผลกำไรไปจำนวนมาก ผมมีอะไรบางอย่างต้องไปทำ ผมไปก่อนนะครับ ลาก่อน” เมื่อจบคำพูดเขาก็พาถังซีเดินตรงไปที่กลางห้องโถง ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เขาไม่ให้ความสนใจเหวินเฟิงแม้แต่น้อย…
เหวินเฟิงผู้ถูกเมินนิ่งเงียบ “…” เด็กหนุ่มคนนี้หยิ่งยโสอย่างที่ผู้คนพูดกันจริงๆ! แม้แต่เขาซึ่งเป็นผู้บัญชาการกรมทหาร ก็ยังถูกเมินอย่างไม่เห็นหัว! ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย!
ถังซีกับเฉียวเหลียงระเบิดเสียงหัวเราะเมื่อทั้งคู่เดินออกมาไกลแล้ว เฉียวเหลียงมองหน้าถังซี เธอหัวเราะร่วน “ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณจะสวมบทบาทพ่อสื่อได้ด้วย… และ… คุณทำได้ดีมากในเรื่องการแสดง อาเหลียง คุณน่ารักเหลือเกิน”
เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว แสร้งทำท่าตั้งอกตั้งใจฟังเต็มที่ ถังซียิ้มกอดแขนเขา แล้วกระซิบว่า “ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้เย็นชาอย่างที่ใครๆ ร่ำลือ คุณยินดีทำทุกอย่างเพื่อเพื่อน คนรัก และครอบครัว เหมือนอย่างเหตุการณ์เมื่อกี้ ไม่มีใครคาดคิดว่าคุณจะขึ้นมาบนชั้นนี้ เพื่อถามว่างานเลี้ยงนี้คืองานอะไร และสั่งให้คนของคุณไปค้นหาการ์ดเชิญที่คุณโยนทิ้งลงถังขยะไปแล้ว เพื่อมาช่วยเพื่อนคุณให้ได้ความรักของเขาที่สูญเสียไปกลับคืนมา”
ตอนที่ 293 คุณพ่อตกตะลึง (2)
เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกระซิบ “หยุดพูด”
ถังซีกะพริบตาปริบๆ “ทำไมล่ะ”
“เพราะผมจะควบคุมตัวเองไม่ไหวแล้วน่ะสิ ผมจะจูบคุณเดี๋ยวนี้” วินาทีต่อมาถังซีก็เบิกตาโตจ้องมองใบหน้าที่จู่ๆ ก็ยื่นเข้ามาใกล้ใบหน้าเธอ ถังซีผลักเขาออกไป และยิ้มกลบเกลื่อนความประหม่า เธอก้มศีรษะลง กล่าวอย่างขวยเขิน “ที่จริงฉันก็อยากจูบคุณเหมือนกัน”
เฉียวเหลียงดึงถังซีเข้ามาในอ้อมแขนแล้วก้มศีรษะลงจะจูบเธอ งานเลี้ยงอาหารค่ำคืนนี้แขกส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและนายทหารของเมือง A ไม่มีนักข่าว ไม่มีใครถ่ายรูป เฉียวเหลียงจึงไม่กลัวที่จะถูกถ่ายรูป…
ทันทีที่มือเฉียวเหลียงเริ่มซุกซนไปตามร่างกายเธอ ถังซีก็เบิกตาโต ดึงมือเขาออก แล้วจูงมือเขาวิ่งหนีออกไปจากห้อง…
เฉียวเหลียงอึ้ง “…”
ในเวลานั้นนั่นเองที่ท่านนายพลหยางมองเห็นร่างของทั้งสองที่วิ่งห่างออกไป และถามเซียวหงลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ “เด็กสาวคนนั้นคือโหรวโหรวนี่ ใช่ไหม”
หยางจิ้งเชามองตามหลังเฉียวเหลียงแล้วขมวดคิ้ว “ผู้ชายคนนั้นบอกว่าเขาจะไม่มางานเลี้ยงอาหารค่ำคืนนี้ไม่ใช่เหรอ”
เซียวหงลี่ยิ้มให้หยางจิ้งเชาและนายพลหยาง “ผมขอไปโทรศัพท์ก่อนนะครับ!”
ลูกสาวเขามางานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการกับผู้ชาย!
ถังซีลากเฉียวเหลียงเข้าไปในลิฟต์ หัวใจเธอเต้นแรง เฉียวเหลียงเอนกายพิงราวกั้นในลิฟต์ และมองเธอด้วยรอยยิ้มกว้าง ราวกับรอคำอธิบายจากเธอ ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียง “ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าคุณพ่อกับคุณตาฉันก็มางานนี้ล่ะ!”
หาก 008 ไม่เตือนเธอก่อน เธอต้องถูกจับได้แน่ๆ! แล้วเธอก็คงไม่รู้ว่าจะอธิบายให้พวกท่านเข้าใจได้อย่างไร!
“เอ้อ… ผมลืม” เฉียวเหลียงอึกอัก… สิ่งเดียวที่อยู่ในความคิดเขาตอนนั้นคือเพื่อนของเขา…
ถังซีจ้องมองเขา “คุณ…” โดยไม่ให้เวลาเธอพูด เฉียวเหลียงดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนแล้วแนบหน้าผากเขาลงกับหน้าผากเธอ พร้อมกับกระซิบ “คืนนี้อย่ากลับบ้านเลยนะ อยู่กับผม”
ถังซีเขินหน้าแดง เธอเข้าใจในสิ่งที่เฉียวเหลียงบอกเป็นนัยอย่างแน่นอน แต่… ถังซีผลักเขาออกไป แล้วกล่าวในเชิงขอโทษ “ฉัน… ไม่ใช่ตอนนี้… คุณก็รู้นี่ว่าฉันยังอ่อนแออยู่…” โอ้พระเจ้า ช่างน่าอายจริงๆ !
เฉียวเหลียงถอนหายใจ กอดเธอแน่น เอ่ยด้วยน้ำเสียงแสนเศร้า “ขอผมกอดคุณสักครู่”
ถังซีอดตำหนิตัวเองไม่ได้ เมื่อเธอรู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาทางร่างกายของเฉียวเหลียง เธอไม่ควรทำแบบนั้นกับเฉียวเหลียงตอนอยู่ในงานเลี้ยง… ตอนนี้เขาต้องทนทรมาน…
ทางอีกด้านหนึ่ง เนื่องจากการปรากฏตัวของเฉียวเหลียง ดูเหมือนลู่หลีจะกลายเป็นคนสำคัญขึ้นมาทันที เหวินเฟิงดูกระดากอายเล็กน้อย เขาจ้องมองลูกสาวและกล่าวอย่างเคร่งเครียด “ลูกจะไม่แนะนำสุภาพบุรุษคนนี้ให้พ่อรู้จักหน่อยเหรอ”
ลู่หลีก็มองเหวินนิ่งเช่นกัน เหวินนิ่งไม่มีทางเลือกนอกจากต้องมายืนระหว่างพ่อกับลู่หลี “นี่ลู่หลี หนึ่งในท่านประธานแห่งหลงเซี่ยวกรุป เป็นผู้ชายที่หนูตามจีบมานานกว่าสิบปีค่ะ”
ลู่หลีหลิ่วตาใส่เหวินนิ่ง เหวินนิ่งตัวแข็งไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นสายตาเขา จากนั้นเธอก็แนะนำบิดาให้ลู่หลีรู้จัก “นี่คุณพ่อฉันค่ะ เหวินเฟิง ผู้บัญชาการกรมทหารภาคใต้คนแรกของเมือง A”
ลู่หลีพยักหน้า “ผู้พันเหวิน ผมรอมานานแล้วครับที่จะได้พบท่าน”
เหวินเฟิงยิ้มอย่างเคอะเขิน “คุณหลู่ คุณนี่ถ่อมตัวจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านประธานเฉียว ผมก็คงไม่รู้ว่าคุณคือประธานหลงเซี่ยวกรุป องค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียง”