บทที่ 267 สวนหยู่อาลัยอาวรณ์
“อ้ะ! ข้าหมายถึงการล่าสัตว์ เจ้า……ไม่ต้องคิดมาก”
พูดจบ เย่แจ๋หยิ่งก็หันหัวม้า จากไปอย่างสง่าผ่าเผย เหลือไว้เพียงแผ่นหลังที่หล่อเหลาอันสูงบาง
บ้านแกสิ
เจ้าน่ะสิที่คิดมาก ทั้งบ้านของเจ้านั่นแหล่ะที่คิดมาก
แววตาของหลานเยาเยามีนัยแห่งความกริ้วโกรธ นางมองสวนหยู่ที่ดูอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจะจากไป ก็อดไม่ได้ที่จะตีหัวมันไปอีกครั้ง
“จากไปตั้งไกลแล้ว ยังจะมองอยู่อีก” โมโหสุดๆเลยให้ตายเถอะ
แต่มิรู้ว่าด้วยเหตุอันใด
ก็เห็นๆอยู่ว่านางควบสวนหยู่มาอีกทาง แต่หลังจากล่าสัตว์ไปได้ไม่กี่ตัว ก็เจอกับเย่แจ๋หยิ่งอีกแล้ว
แล้วไม่ใช่บังเอิญเจอแค่ครั้งสองครั้ง ในช่วงเวลาไม่ถึงสิบยี่สิบนาที ก็จะเทียวเจอเย่แจ๋หยิ่งสักหนึ่งครั้ง
หลานเยาเยาก็แคลงใจ ว่าเป็นเล่ห์เหลี่ยมของสวนหยู่
แม้ว่าการเจอเย่แจ๋หยิ่งจะไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆต่อการล่าสัตว์ของนาง แต่เมื่อได้เจอเขา ในใจนางก็รู้สึกอึดอัด
แต่ทุกครั้งที่ได้เจอ
เมื่อเจอแล้ว ในใจของนางก็อึดอัดจวนจะคลื่นไส้ หนักสุดเลยคือสวนหยู่ ที่ไม่ก้าวเท้าเลยสักครั้ง
แล้วนางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
นางเป็นดั่งเทพธิดา เทพธิดาผู้ที่ทำได้ทุกอย่าง ต้องมีหน้ามีตา
แต่นี่มันไม่มีเลย!
ตอนนี้ก็ได้เจออีกแล้ว……
แต่ที่ครั้งนี้มันอุกอาจมากก็คือ สวนหยู่ไม่เพียงแต่ไม่ขยับเขยื้อน อีกทั้งเหตุที่เล่หกอยู่ใกล้มันมากขึ้นกว่าเดิม ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือมันถูหน้า จนสวนหยู่ถึงกับเลือดกำเดาไหล
หลานเยาเยา:“……”
ฉากนี้มันคุ้นๆแฮะ!
เย่แจ๋หยิ่ง:“……” ผลที่ได้ออกมาดีกว่าที่คิดนะเนี้ย
เล่หก เยี่ยมยอด
“ฮึ่ย……”
ไม่ไกลจากตรงนั้นก็มีเสียงคนบังคับบังเหียนให้ม้าหยุด
หลานเยาเยายังไม่ทันได้หันไปมองว่าเป็นผู้ใด
หางตาก็พบว่ามีบางอย่างตะคุ้มๆวนไปวนมาอยู่บนต้นไม้
มองแว๊บเดียว ก็เห็นว่าเป็นกระรอก
เยี่ยมเลย เอ็งตายแน่
ดังนั้น!
หลานเยาเยาก็ไม่ได้หันไปดูว่าคนที่มานั้นเป็นใคร แต่ก็ได้ไล่ตามกระรอกนั่นไปซะแล้ว
ฮ่องเต้กับเย่หลีเฉินที่เพิ่งล่าสัตว์มาถึงตรงนี้ ก็ได้เห็นว่าเทพธิดาถือคันธนูควบม้าไปแล้ว จากนั้นก็เหาะขึ้นไปบนต้นไม้ ยิงไปทางกระรอกที่บินร่อนอยู่
ไม่นานนัก!
กระรอกที่หนีสุดชีวิต ก็โดนยิงเข้าอย่างจัง
ด้วยความที่กระรอกถูกลูกธนูอันแหลมคมยิงปักอยู่บนต้นไม้ เช่นนั้นนางจึงต้องเหาะขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่อีกต้น เพื่อเอากระรอกลงมา
เมื่อดูกระรอกที่ซี้แหงแก๋ในมือของนาง นางก็กำลังจะดึงลูกธนูออก……
“แปะๆ……”
เสียงปรบมือที่ดังก้องดังมาจากที่ใกล้ๆ
หลานเยาเยาหันหน้าไปมอง ก็พบว่าเป็นฮ่องเต้กับเย่หลีเฉิน จึงรีบเหาะลงมา
“นึกไม่ถึงเลยว่าเทพธิดาจะไม่เพียงแค่ยิงธนูเก่ง แต่ยังคล่องแคล่วอีกด้วย ข้าล่ะปลื้มใจจริงๆ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น!
แววตาที่ยิ้มกริ่มของเย่แจ๋หยิ่งในตอนแรก ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที
ส่วนหลานเยาเยาก็ไม่ได้มีความเห็นใดๆ
เพียงแต่คำว่าปลื้มใจคำนี้ คงจะจงใจพูดให้เย่แจ๋หยิ่งได้ยินกระมัง!
“นั่นมันก็ ดีกว่าพวกที่มีทักษะอันน้อยนิดมาหน่อยเพคะ”
“ฮ่าๆๆ เทพธิดานี่ก็คือเทพธิดาจริงๆเลย”ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าใครก็ผยองเสมอ
นางดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอ๋องเย่เลยแม้แต่น้อย
แบบนี้ก็ดี
แบบนี้แหล่ะดี!
จากนั้น ฮ่องเต้ก็เลื่อนสายตาไปมองเย่แจ๋หยิ่ง แต่ว่ายังไม่ทันได้พูดอะไร ก็เห็นม้ามีอาการแปลกๆ
พระองค์จึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยว่า:
“เทพธิดา เหตุใดม้าของท่านถึงมีเลือดออก?”
“มัน……เป็นร้อนในเจ้าค่ะ” แต่เป็นร้อนข้างในนะ ร้อนแบบระอุสุดๆอยู่ข้างในอ่ะ
หลานเยาเยาทำอะไรไม่ถูก นางจะพูดอะไรได้?
นางคงพูดไม่ได้หรอกว่าสวนหยู่ของนางกำลังวูบวาบ เพราะม้าหล่อที่พอได้เห็นก็ตกหลุมรักเข้าอย่างจังหน่ะ
“ดูเหมือนว่าจะร้ายแรงนะ ข้าจะให้หมอหลวงมาดูมันเสียหน่อยก็แล้วกัน”
แน่นอนว่าฮ่องเต้มองออกในพริบตา ว่าม้าของเทพธิดาเป็นม้าเหงื่อโลหิตที่หายาก
ไม่ว่าจะเป็นเพราะ มันคือม้าที่รักของเทพธิดา หรือเพราะรักม้าพันธุ์นี้อยู่แล้ว ซึ่งการที่พระองค์จะให้หมอหลวงมาตรวจดู ก็เป็นการให้ความสำคัญกับม้าเหงื่อโลหิตทั้งนั้น
แต่!
หลานเยาเยาก็ปฏิเสธทันควัน
“ฮ่องเต้หาได้ต้องกังวลไม่ ข้าก็เคยอ่านเขียนวิชาการรักษาอยู่บ้าง มองออก ว่าสวนหยู่แค่เป็นร้อนในเจ้าค่ะ”
การที่นางมีทักษะวิชาการรักษา ฮ่องเต้ก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก
แต่หลังจากนั้นพระองค์ก็ตาเป็นประกาย
ข่าวลือ!
ใช่แล้ว วิชาการรักษาที่หาตัวจับได้ยากของเทพธิดาเคยปรากฏขึ้นมาก่อน พอมาในโลกตอนนี้หากเทพธิดาไม่มีทักษะวิชาการรักษาเลย เช่นนั้นก็คงจะเป็นไปไม่ได้
“ดี ดีเยี่ยม เทพธิดานี่ทำให้ข้าประหลาดใจขึ้นได้เรื่อยๆเลยจริงๆ!”
เป็นช่วงเวลาอันดี
ยิ่งความสามารถของนางแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ พลังอำนาจก็มากขึ้นเท่านั้น เพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆพระองค์ ยังต้องกังวลที่จะไม่ชนะอ๋องเย่อยู่อีกรึ?
จากนั้น!
พระองค์ก็มองไปทางเย่แจ๋หยิ่งอย่างยิ้มแย้ม พูดอย่างเบิกบานใจว่า:
“ได้ยินเหล่าองครักษ์รายงานว่า เหยื่อที่อ๋องเย่ล่าได้ในวันนี้กับของเทพธิดานั้นพอๆกัน มันยังเร็วเกินไป ที่จะสรุปว่าผู้ใดแพ้ผู้ใดชนะ บางทีตำนานที่ไม่เคยแพ้ของเจ้าอาจจะจบลงด้วยเทพธิดาก็เป็นได้”
“เหอะ! จบลงงั้นรึ? ฮ่องเต้จะตรัสตำนี้มาเร็วเกินไปแล้วกระมัง”
เมื่อเสียงที่ไม่แยแสของเย่แจ๋งหยิ่งเงียบลง ก็หันไปมองพระองค์อย่างน่าเกรงขาม พร้อมเสียง หึ ที่เยือกเย็น แล้วก็ควบม้าจากไปอย่างทรงสง่า
มองดูเรือนร่างของเย่แจ๋หยิ่งที่ไกลออกไป ก็มีรอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นที่หางตาของฮ่องเต้
จากนั้น พระองค์ก็ส่งเสียงเบาๆ พร้อมหันหน้ามาทางหลานเยาเยาพลางพูดว่า:
“ท่านดูเถิด คนอย่างอ๋องเย่ผู้นี้ โอหังและถือดีเหลือเกิน ยังไม่ทันให้ข้าได้หยอกล้อเลย” ขณะที่พระองค์พูดก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าอย่างกลุ้มอกกลุ้มใจ
“เห้อ พระอนุชาของข้าผู้นี้! แม้ข้าจะเป็นถึงฮ่องเต้ก็ยังตรัสสิ่งใดมิได้ พอพูดถึงเขา เขาก็จะใช้อำนาจกดขี่……”
ฮ่องเต้ยังไม่ทันพูดจบ ก็ตัดบทลง
พระองค์มองไปทางเทพธิดาอย่างละอายใจ เหมือนจะต้องพูดออกมาว่า:
“ข้าจะตรัสเช่นนี้แก่ท่านไปใย การล่าสัตว์ พวกเราล่าสัตว์กันต่อเถอะ เฉินเอ๋อ เจ้าไปกับเทพธิดาไป คอยดูทักษะการล่าสัตว์ของเทพธิดาให้ดี อาจจะช่วยอะไรเจ้าได้”
“ขอรับ เสด็จพ่อ!”
ฮ่องเต้พยักหน้าด้วยความปิติ จากนั้นก็เหวี่ยงแส้ ควบม้าพันธุ์ดีจากไป
เพลานี้ก็เหลือเพียงหลานเยาเยากับเย่หลีเฉิน
หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะค่อยๆเลิกคิ้วขึ้น
ฮ่องเต้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนั้น ตั้งใจไล่เย่แจ๋หยิ่งออกไป ทั้งยังบอกเป็นนัยๆว่าเย่แจ๋หยิ่งกับพระองค์เป็นคนละพวกกัน และวางแผนให้เย่หลีเฉินมาเข้าพวกกับนาง
ดูสีท่าจะแน่ใจในตัวนางเป็นอย่างมากว่าจะมาอยู่ข้างเขา!
หึหึ!
เช่นนี้ก็ดีสิ ช่างถูกใจข้าเสียจริง
แล้วนางจะไปทำให้เจตนาอันงดงามของฮ่องเต้ผิดหวังได้อย่างไรกัน?
ดังนั้นนางจึงยิ้มปริ่มไปทางเย่หลีเฉิน พูดด้วยน้ำเสียงอันเย้ายวนว่า:
“เป็นครั้งแรกที่ข้ามาเยือนเมืองหลวง ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้ล่าสัตว์ที่นี่ มิทราบว่าองค์รัชทายาทรู้หรือไม่ว่าเขตล่าสัตว์แห่งนี้ ที่ใดมีเหยื่อเยอะหน่อยรึเจ้าคะ?”
นี่ก็แค่การชวนคุย
แต่ถ้าเย่หลีเฉินรู้จริงๆละก็ นั่นก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
ทั้งนี้ทั้งนั้น!
เย่แจ๋หยิ่งล่าช้าอยู่นานกว่าจะเข้ามาในเขตล่าสัตว์ แต่ในตอนนี้เพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน เหยื่อที่เขาล่าได้ก็ไล่ตามนางมาทันแล้ว
หากไปที่ที่มีเหยื่อเยอะขึ้นหน่อย โอกาสที่จะชนะก็มากขึ้นไปด้วย
แต่!
นางก็ไม่ได้หวังอะไรที่ยิ่งใหญ่จนเกินตัว
อย่างไรก็ตาม หลังได้ยินความกระตือรือร้นของนาง ดวงตาของเย่หลีเฉินก็เป็นประกาย
ราวกับว่าอยู่ใต้แสงอันช่วงโชติของเทพธิดาผู้ที่สามารถไปทุกสิ่งอย่าง ในที่สุดเขาก็รู้สึกถึงการมีตัวตน
ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไปด้วยความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม
“อยู่ทางใต้ ทุกครั้งที่ล่าสัตว์ เหยื่อที่ล่าได้จากทางได้มักจะได้เยอะหน่อย”
ยู้วฮู้ว!
รู้จริงๆด้วย งั้นก็ดีเลย
จากนั้นนางก็พยักหน้าเบาๆ พูดออกมาอย่างเกรงใจ: “โปรดองค์รัชทายาทนำทางด้วยเถิดเพคะ”
“ยินดีขอรับเทพธิดา!”
เย่เหลีเฉินปลื้มปิติ