หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 132 เก่งนักก็หยิกตัวเองสิ

บทที่ 132 เก่งนักก็หยิกตัวเองสิ

จากการที่เย่แจ๋หยิ่งกระทำแบบนี้ ทำให้หลานเยาเยาตกใจและรีบลุกขึ้นมานั่งในทันที สายตาจับจ้องไปที่เขา

“ท่านขึ้นมาบนเตียงข้าทำไม?”

“พักผ่อน!”

คำตอบแบบกระชับ ทำให้นางตะลึงงัน มุมปากกระตุกเล็กน้อย

“นี่คือเตียงของข้า ท่านเป็นผู้ชายที่ขึ้นมาบนเตียงของข้าและบอกว่าพักผ่อน? สมเหตุสมผลแล้วงั้นหรือ? ไม่รู้จักคำว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกันหรือไง?”

ช่างประหลาดจริงๆ

จวนอ๋องเย่ของเขากว้างใหญ่ ทัศนียภาพงดงาม โออ่า ห้องนอนของเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง การได้นอนในห้องนอนเขานั้นเหมือนกับได้รับความสุขในระดับสูงสุด

แต่นี่กลับจะมาพักผ่อนอยู่ที่จวนแม่ทัพ มาพักผ่อนไม่ว่า ยังจะขึ้นมาบนเตียงของนางอีก

คิดจะทำอะไร?

“ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน?” เย่แจ๋หยิ่งมองนางด้วยความฉงน

“ข้าเป็นผู้หญิง ท่านเป็นผู้ชาย นี่ไม่ใช่หญิงชายไม่ควรใกล้ชิดกันหรอกหรือ!” เขาลืมเอาสมองมาด้วยหรือไง? ลืมคำว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกันไปแล้วหรือไง?

เมื่อก่อนระวังเรื่องพวกนี้มากไม่ใช่หรือ!

ได้ยินดังนั้น!

เย่แจ๋หยิ่งหัวเราะอย่างเย็นชา พร้อมเบียดนางให้ไปข้างใน และเอาผ้าห่มที่คลุมเท้าตัวเองออก แล้วเอียงตัวไปพิงข้างเตียง

“ในรถม้า เจ้าเป็นคนเข้ามาหอมแก้มข้า ทำไมถึงไม่คิดว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน?”

หลังจากดื่มเหล้าจนเมาก็มายั่วยวนข้า เคยคิดถึงคำว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดหรือไม่?

แม้กระทั้งตอนอยู่บนเรือลำใหญ่ อยู่ในอันตราย ก็ยังคิดจะยั่วยวนข้า ตอนนั้นเจ้าคิดถึงคำว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกันบ้างหรือไม่?

ในวันนี้ข้าเพียงแค่มานอนบนเตียงของเจ้าเพียงครู่เดียว โดยไม่ได้แตะต้องเนื้อตัวเจ้า ทำไมถึงได้กลายเป็นชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน?

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราได้ไหว้ฟ้าดิน เป็นสามีภรรยากันแล้ว ถึงแม้ว่าจะทำเรื่องแบบนั้น เพียงแค่เจ้ายังคงความบริสุทธิ์อยู่ ก็ไม่ถือว่าข้าทำลายสัญญา

เมื่อคำพูดเหล่านี้เปล่งออกไป

ทำให้หลานเยาเยาตะลึงงัน!

คำพูดที่ฟังดูสมเหตุสมผล เพียงแต่……

มันทำให้พูดไม่ออก

ความจริงแล้วหลานเยาเยาคิดอยากจะเถียง แต่เมื่อสังเกตเห็นความเหนื่อยล้าในตาของเขา จึงได้ถอนหายใจไปเฮือกหนึ่ง

นางก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล

ในเมื่อเขาอยากจะพักผ่อน งั้นก็พักผ่อนเถอะ! นอกจากห้องนี้แล้ว ที่นี่ก็ไม่มีห้องพักอื่นเหลือให้เขานอนได้

แต่กระนั้น!

ขณะที่นางกำลังลุกขึ้นข้ามตัวของเย่แจ๋หยิ่งเพื่อลงจากเตียง ก็ถูกมือใหญ่ๆข้างหนึ่งฉุดเข้าที่ข้อมือ เมื่อถูกดึง ทำให้นางล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง

ทำให้ใจนางนึกโมโหขึ้นมา ขณะที่นางกำลังจะกล่าวว่าคนร้ายที่จงใจดึงนางให้ล้มลงบนเตียง ก็รู้สึกว่าตรงช่วงเอวหนักๆ คิดไม่ถึงว่าเย่เจ๋หยิ่งจะเอามือเขาวางไว้บนเอว

นี่ยังถือว่าไม่เท่าไหร่

วินาทีถัดมา เขาโน้มตัวเข้ามาข้างหน้า เอาศีรษะตัวเองวางไว้บนศีรษะของนาง นางจึงตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาแบบนั้น

เมื่อตกอยู่ในท่าทางแบบนั้นอย่างกะทันหัน ทำให้หลานเยาเยาตกใจ

ร่างกายแข็งทื่อ นางไม่กล้าแม้แต่จะดิ้น จึงได้แต่สอดส่ายสายตาไปมา

“นี่ เย่แจ๋หยิ่ง ท่านกำลังเอาเปรียบข้าอยู่นะ รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจะร้องตะโกนแล้วนะ”

เมื่อหลานเยาเยาได้สติ จึงเริ่มตอบโต้

ดิ้น แต่กลับพบว่าไม่ว่าตัวเองจะดิ้นรนซักเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถหลุดออกจากเงื้อมมือของเขาได้เลย

ใครจะรู้……

น้ำเสียงต่ำทุ้มที่ฟังดูดึงดูดดังมาจากบนศีรษะ :

“แล้วที่เจ้าเอาเปรียบข้ายังนั้นน้อยหรือไง? ถ้าเจ้าอยากจะร้องตะโกน งั้นข้าจะทำเรื่องที่สนุกกว่านี้ เพื่อให้เจ้าร้องตะโกนออกมา”

พูดจบ มือใหญ่ๆของเย่เจ๋หยิ่งที่โอบเอวนางไว้นั้น ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาด้านบน หลานเยาเยารีบเอามือมาจับเพื่อหยุดมือใหญ่ๆที่ซุกซนนั้นไว้ด้วยความตกใจ

“ถือว่าท่านชนะ!”

หลานเยาเยาหายใจเร็วและแรง พร้อมกัดฟันพูด

“อืม พักผ่อนเถอะ!”

ผักพ่อนบ้าอะไรหล่ะ!พักผ่อน

มาขนาดนี้แล้วยังบอกให้นางพักผ่อนอีกหรือ? ตั้งแต่จำความได้ ยังไม่เคยมีชายใดกล้าเอาเปรียบนางขนาดนี้มาก่อน

แต่ว่ามาคิดดูดีดีอีกครั้ง

นี่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่จะพัฒนาระบบไปอีกขั้นนึง ทำไมนางจึงไม่ใช้ประโยชน์จากมันเล่า?

คิดได้เช่นนี้ หลานเยาเยาจึงได้ยิ้มมุมปาก

“แฮ่มๆ! นางคิดคำที่จะใช้พูด จากนั้นกล่าวว่า : “ไม่เช่นนั้น……พวกเรามาลองกัน?”

ได้ยินดังนั้น!

ร่างกายของเย่แจ๋หยิ่งชะงักงัน จากที่หลับตาไปแล้วจึงได้ลืมตาขึ้นมาทันที “ลองอะไร?”

“ลองเข้าหอด้วยกันไง! ท่านจูบข้าก่อน พวกเราจูบกันไปเรื่อยๆ เมื่อความรู้สึกเริ่มมากขึ้นก็เป็นเรื่องปกติที่จะถึงขั้นตอนเข้าหอยังไงเล่า!”

จากที่โหลวเย่วพูดมา เย่แจ๋หยิ่งน่าจะยังไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิงคนใดมาก่อน

เขาอายุยี่สิบย่างยี่สิบเอ็ดแล้วนี่!

กับเรื่องบางเรื่อง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สนใจ แต่ก็ต้องมีความต้องการในเรื่องสรีรวิทยากันบ้าง แม้ว่าในใจเขาอาจจะมีหญิงอื่น ขอเพียงแค่นางพยายามมากขึ้น คาดได้เลยว่าแค่จูบก็จะได้สิ่งที่ต้องการมาไว้ในมือแล้ว

เพียงก็จูบก็จะสำเร็จ แหะๆ……

แม้ว่าเย่แจ๋หยิ่งจะได้พูดอะไร แต่ก็เห็นได้ว่ามือไม้ของเขาแข็งไปหมด หลานเยาเยาใช้โอกาสนี้ แกะมือที่โอบนางอยู่ออก และพลิกตัวมาอยู่ตรงหน้าเขา

หลังก็นั้นก็เป็นคนเริ่มเอามือของเขามาไว้ที่เอวของตัวเองอีกครั้ง พร้อมยิ้มอย่างหวานเยิ้มให้เขา : “อยากทำเรื่องสนุกไม่ใช่หรือ? มาสิ!”

เมื่อพูดจบก็ยื่นมือไปกุมที่ใบหน้าของเขา แต่กลับโดนสายตาที่หรี่ลงเล็กน้อยของเย่แจ๋หยิ่งทำให้ตกใจ

“เจ้าจะทำอะไรกับข้า?”

เมื่อครู่ยังทำทีท่าเหมือนว่าตัวเองโดนเอาเปรียบ ตอนนี้กลับเป็นผู้เริ่มเอง ซึ่งเย่แจ๋หยิ่งไม่หลงกลแน่นอน

แต่เขาก็ไม่ได้ดึงมือออก แต่กลับหลับตาลงทันที

“……”

ด้วยความโกรธที่ครุกรุ่นในใจของหลานเยาเยาเธอกัดฟัน ฟันเสียดสีกันดัง “กรอดๆ” ด้วยความโกรธ แล้วก็หลับตาไป

หลังจากที่คิดถึงเรื่องของเย่แจ๋หยิ่งซ้ำไปซ้ำมาในใจเกือบ 18 รอบ และอาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนนอนไม่เต็มอิ่ม จึงทำให้นางค่อยๆหลับไหลไปอย่างรวดเร็ว

ตื่นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว

หลานเยาเยารู้สึกคันบริเวณใบหน้าของนาง เหมือนจะมีอะไรสักอย่างปัดผ่านไป กลิ่นอำพันทองที่หอมจางๆอยู่ที่ปลายจมูก

กลิ่นเช่นนี้เหมือนกลิ่นที่คุ้นเคย ราวกับว่าเหมือนเคยได้กลิ่นเช่นนี้จากใคร

เหมือนจะเป็น……เย่แจ๋หยิ่ง!

อะไร? เย่แจ๋หยิ่ง?!

จากที่ยังไม่ได้สติเท่าไรนัก

จากที่คิดว่าไม่ได้มีอะไร แต่ในสมองตอนนี้กลับปรากฏแต่ภาพใบหน้าของเย่แจ๋หยิ่ง ทำให้นางรีบลืมตาขึ้นมา

ขณะที่นางลืมตาขึ้นมานั้น นางก็ได้สบตากับสายตาคู่ที่คุ้นเคยและลึกซึ้งเป็นอย่างดีในทันที

สายตาคู่นั้นไม่ได้ดูเย็นชาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่กลับมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ ทำให้เธอตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

เวลาเพียงชั่วครู่ แววตาที่อ่อนโยนกลับหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย หายังไงก็ไม่เจอ!

ต้องเป็นเพราะตาลายแน่ๆ

คนที่แสนจะเย็นชาขนาดนั้น จะมีแววตาอย่างนั้นได้เช่นไร?

เมื่อหลานเยาเยาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง จึงรู้ว่าพวกเขาทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมากๆ ใกล้กันจนลมหายใจที่เขาหายใจออกมาแทบจะรดอยู่บนใบหน้าของนาง

และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ลำตัวท่อนบนเกือบทั้งหมดของนางนั้นนอนทับอยู่บนร่างกายท่อนบนของเขา

โอ้……

เพียงแค่การตื่นขึ้นมาเช่นนี้เป็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ร่างกายของหลานเยาเยาเริ่มมีอุณหภูมิสูงขึ้น แก้มเริ่มแดง และคนทั้งคนก็เริ่มรู้สึกวิงเวียน

ในขณะที่นางรู้สึกว่าตนเองไม่มีที่ที่สามารถวางเท้าได้ ถึงได้สังเกตเห็นว่า มือของนางนั้นล้วงเข้าวางอยู่ด้านในเสื้อคลุมของเขา……

แม่ช่วย!

หลานเยาเยาตกใจจนพูดไม่ออก!

“ต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ ไม่เช่นนั้นทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?”

นางตัดสินใจหยิกตัวเองอย่างแรง ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ดังนั้น เลยหยิกซ้ำๆอีกหลายครั้ง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกดีใจขึ้นมา

เอ๊ะ! ไม่เจ็บนี่!

“เป็นเพียงแค่ฝันไปจริงๆด้วย!”

บอกแล้วไง เป็นไปไม่ได้ที่นางจะนอนกับเย่แจ๋หยิ่ง

“เยาเยา ถ้าเจ้าเก่งนักก็หยิกตัวเองสิ! แม้เขาจะผ่านสนามรบมานับร้อย แต่ก็รู้สึกเจ็บอยู่ดีเมื่อถูกนางหยิกเข้าที่เนื้อแบบเน้นๆ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset