บทที่117 กินสำคัญกว่าชีวิต?
มือนั้นมุ่งมาทางหลานเยาเยา
โอ้มายก็อด!
เพราะได้เห็นฉากน่าเหลือเชื่อทำให้ลมหายใจหนักหน่วงจึงถูกพบได้ สรุปนี่เป็นใครกัน?
น่ากลัวไปแล้ว!
หลานเยาเยาที่ตกใจอยู่รีบเบี่ยงตัวหลบไปจากตำแหน่งที่อยู่เมื่อครู่แต่กลับพบว่าผ้าบนแขนถูกดูดไปชิ้นนึงแล้ว
ด้านหลังเย็นวาบทันที หน้าผากก็มีเหงื่อออก
ต้องรีบออกไปจากที่นี่โดยเร็ว
คุณอาหมายเลข2ซ่อนสถานะผู้หญิงของตนเองได้ดีขนาดนั้นยังถูกชายชุดดำพบส่วนการปลอมตัวของตนเองถูกป่ายเม่ยเซิงมองแว็บเดียวก็พบแล้ว
ถ้าถูกจับขึ้นมาก็จะเปลี่ยนเป็นกระดูกขาวกองนึง
ดังนั้น!
นางจึงตัดสินใจวิ่งหนีแต่ที่นี่คือโกดังข้างใต้ คิดจะวิ่งออกไปด้านบนแล้วกระโดดลงทะเลสาบมันไกลไป
อีกทั้งยังต้องปีนขึ้นไป เจ้าของเรือนั่นนางก็สู้ไม่ได้และลูกน้องสองสามคนนั่นแม้จะไม่รู้ว่ามีทักษะการต่อสู้มากน้อยเท่าไหร่แต่พวกเขามีคนเยอะกว่ากำลังก็เยอะกว่า
อีกอย่างเรือลำนี้ก็เป็นที่ของพวกเขา!
ดังนั้นนางต้องคิดหาวิธีใหม่
แล้วความคิดทั้งหมดก็หายวับไปสุดท้ายตอนที่ความคิดทั้งถาโถมเข้ามาดวงตาก็เปล่งประกาย
ที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด
ดังนั้น!
นางวางแผนเดิมพัน ถ้าเสียเดิมพันนางก็จะระเบิดเรือลำนี้หลังจากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนวุ่นวายหนีไป
ดังนั้น นางจึงรีบมาห้องข้างๆแล้วเข้าไปอย่างเบาๆ
พอเข้าไปนางก็เห็นใบหน้าราวกับเทพเจ้า
เย่แจ๋หยิ่ง?!
เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?
แม้ในใจจะมีคำถามมากมายแต่นางก็กอดเขาไว้อย่างไม่คิดอะไร
เดิมทีคิดแค่อยากส่งสัญญาณให้เขาว่าอย่าส่งเสียง แต่ถูกเขาพลิกมือและโอบเอวไว้ นางรู้สึกแค่ว่าร่างกายสั่นๆแล้วพวกเขาก็เข้าไปในกล่องยาวตรงห้อง
เย่แจ๋หยิ่งกดนางไว้กับพื้นจากนั้นก็กดตัวลงทับร่างนางไว้
เอากล่องที่มีความยาวพอดีมาบังร่างของพวกเขาไว้ แล้วพวกเขาสองคนก็อยู่ระหว่างกล่องยาวและผนัง
เดิมทีก็เงียบอยู่แล้ว ครั้งนี้ยิ่งเงียบจนน่าแปลก!
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นด้านนอกมีเสียงฝีเท้า “ตึกตึกตึก”ดังขึ้นมา เสียงฝีเท้าบางเสียงก็ดังมาจากที่ไกลๆ บางเสียงก็ดูเหมือนกำลังเดินอย่างสบายๆ
ในไม่ช้าก็มีคนมาค้นห้องที่พวกเขาอยู่แต่ก็ออกไปอย่างรวดเร็ว!
แต่เสียงฝีเท้าสบายๆด้านนอกไม่ได้หยุดลง
หลานเยาเยามองเย่แจ๋หยิ่งที่กดร่างตนเองอยู่ ตอนนี้เขาก็มองนางเช่นกัน
แต่ทว่า!
พูดให้เป๊ะก็คือมองเสื้อคลุมเขาที่เปิดอ้าเล็กน้อยส่วนมือของนางก็ยื่นเข้าไปในเสื้อคลุมเขาแล้ว……
เอ่อ……
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?
นางไม่ได้เอาเปรียบนะ! มันเป็นแค่สถานการณ์ฉุกเฉินของเมื่อครู่นี้ตอนที่เขากดลงมานางก็ยื่นมือออกไปกันไว้ตามธรรมชาติ
ดังนั้นจึงกลายมาเป็นเรื่องแบบนี้ในตอนนี้!
“ข้าไม่ได้……”
นางพูดออกไปไม่กี่คำก็ถูกมือใหญ่มาปิดไว้ เสียงฝีเท้าด้านนอกหยุดลงอยู่ครู่หนึงแล้วค่อยเดินอย่างเชื่องช้าอีกครั้ง
เย่แจ๋หยิ่งเหล่ตามองนาง
เหมือนกับว่าถ้านางแค่พูดมาอีกหนึ่งคำเขาก็จะไม่เกรงใจนางละนะ
หลานเยาเยาก็เงียบอย่างรู้ตัว!
แต่ว่า……
มือใหญ่ที่ปิดปากนางอยู่นั้นมีกลิ่นเหล้าจางๆโชยเข้ามาที่ปลายจมูกนาง
เขากินเหล้า?
ดูเหมือนจะมึนๆไม่มีสติ ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีในการเลื่อนขั้นระบบใช่หรือไม่?
ยังไงตอนนี้ก็มีเขาอยู่ ตนเองก็ไม่ได้กลัดกลุ้มเกี่ยวกับชีวิตในช่วงขณะนี้
ใช้โอกาสนี้เลื่อนขั้นระบบจะดีกว่า!
เมื่อเกิดความคิดแบบนี้ขึ้นหลานเยาเยาก็ตัดสินใจที่จะลอง ถึงอย่างไรต้องลงมือปฏิบัติถึงจะรู้ความจริง!
ดังนั้น!
หลานเยาเยาจึงยกมือไปเอามือของเย่แจ๋หยิ่งที่ปิดปากนางอยู่ออก จากนั้นค่อยๆโอบคอเขาอย่างช้าๆและวาดวงกลมบนอกเขาด้วยมือที่ล้วงลึกเข้าไปในเสื้อคลุมของเขา
วิธีดึงดูดคนแบบนี้น่าเชื่อถือที่สุด!
แต่เย่แจ๋หยิ่งกลับแค่มองนาง สายตามีความวิเคราะห์อย่างหนักสุดท้ายก็สบตากับนาง สายตาที่ลึกซึ้งอยู่แล้วก็ยิ่งลึกซึ้งเข้าไปอีก
เอ่อ······
ทำไมเขาไม่ขยับนะ?
เป็นไปไม่ได้สิ!
คืนวันนั้น เขายังรีบร้อนพานางกลับตำหนักอยู่เลย เห็นได้ชัดว่าอยากจูบนาง ไม่ใช่นางคิดไปเองหรอก!
หรือจังหวะตอนนี้มันผิด?
หลานเยาเยาคิดๆก็รู้สึกว่าเป็นไปได้ แต่ว่าแต่โอกาสไม่ควรปล่อยให้หลุดไปถ้าหลุดไปแล้วก็จะไม่กลับมา!
ตอนที่นางพัวพันอยู่นั้น เย่แจ๋หยิ่งจับมือที่อยู่ไม่สุขของนางไว้ด้วยคิ้วที่ขมวดเล็กน้อยดูเหมือนจะโกรธ
ก็ได้!
หลานเยาเยาถอดใจ
เอามือที่ยื่นเข้าไปในเสื้อคลุมดึงกลับมามือที่เกี่ยวคอเขาไว้ก็ปล่อยลงด้วยใจที่หดหู่
อย่างที่คาด ผิวสวยๆไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้
ช่างมัน ดูเหมือนยังมีวิธีอื่นอีก
ถ้าไม่ได้จริงๆ นางก็วางยา แบบนี้ก็นับว่าได้แล้วป่ะ!
ผ่านไปสิบห้านาที
ไม่มีเสียงฝีเท้าสบายๆด้านนอกแล้ว เย่แจ๋หยิ่งลุกขึ้นหลังจากมองนางก็ยื่นมือไปให้
ใครจะรู้······
หลานเยาเยาลุกขึ้นมาเองโดยไม่มองเลยสักนิด
ตอนที่ทั้งสองคนถึงที่ลงเรือชายชุดดำก็ไม่อยู่แล้ว คนที่อยู่กลับเป็นป่ายเม่ยเซิงที่มีรอยขีดข่วนเต็มตัว ส่วนหลานเยาเยาก็แกล้งทำเป็นคนรับใช้ของเย่แจ๋หยิ่งติดตามเขา
ตอนที่เย่แจ๋หยิ่งเดินผ่าน ป่ายเม่ยเซิงส่งเขาด้วยความเคารพ พอถึงตานางป่ายเม่ยเซิงก็ตั้งใจปิดแผงอกที่เปิดเผยออกมาไว้ เพราะทั้งตัวมีแต่รอบข่วนให้หญิงงามเห็นด้านที่ไม่สมบูรณ์มันจะไม่ดี
ในเวลาเดียวกันหลานเยาเยาก็อับอายจนเหงื่อตก
แล้วก็ยังแอบกังวลอยู่บ้าง
เพราะป่ายเม่ยเซิงรู้ว่านางเป็นผู้หญิงและแต่ก่อนนางวางยาเขาจึงทำให้เขามีท่าทางลำบากแบบนี้
ไม่รู้ว่าเขาจะกล่าวโทษนางหรือไม่?
ใครจะรู้······
พอนางมาอยู่ข้างเขา เขากระซิบกับนางว่า: “คนที่เจ้าของเรือหาคือเจ้าหนิ!”
นางไม่ได้ตอบ ป่ายเม่ยเซิงก็ดูเหมือนจะไม่ต้องการคำตอบของนางปล่อยให้นางลงเรือไปทั้งยังพูดอีกว่าถ้ามีเวลาจะกลับมา‘เล่น’กับนาง
เล่น?
ยังคิดจะมาเล่นกับนางอีก?
รู้มั้ยว่านางเป็นใครอยู่ที่ไหนหรอ?
สิ่งที่ทำให้พูดไม่ออกที่สุดก็คือ นางรู้สึกว่าสายตาของป่ายเม่ยเซิงมองมาที่นางตลอดซ้ำยังเป็นสายตาที่ดูร้อนแรง
ป่ายเม่ยเซิงยังคงชื่นชมแผ่นหลังของหลานเยาเยาด้วยหัวใจที่เต้น แต่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาที่เย็นเยือกราวน้ำแข็งจู่โจมมาทำให้เขาตกใจจนใจเต้นตุ้บตุ้บไม่เป็นจังหวะ
โว้ว!
สายตาของอ๋องเย่น่ากลัวเกินไปนะ! แทบจะเหมือนกับเจ้าของเรือ
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เท้านางเหยียบลงบนพื้นหญ้าก็ถูกเย่แจ๋หยิ่งลากไปทันที อีกทั้งยังแรงมาก แรงจนดูเหมือนว่าเขาโกรธนาง
ดึงนางเข้ามาในร้านน้ำชาร้านหนึ่ง
“ปัง······”
ประตูห้องหรูถูกปิดโดยเย่แจ๋หยิ่งที่ใช้แรงลม
“กลับตำหนัก!”เขาพูดเสียงเย็น
“ข้ายังมีธุระ”
พ่อครัวหมายเลข1ยังรอนางอยู่นะ!อาหารเลิศรสที่ทำออกมายังรอนางเผด็จศึกอยู่นะ!
นางไม่กลับตำหนัก ตีให้ตายยังไงก็ไม่กลับตำหนัก
“มีเรื่องอะไรอีก?”เย่แจ๋หยิ่งทำหน้าเคร่งขรึม
“มีพ่อครัวคนหนึ่งรอทำของอร่อยให้ข้ากินอยู่!”
“กินมันสำคัญกว่าชีวิตหรือ?”เมื่อครู่ถ้าเขาไม่อยู่ตอนนี้นางได้กลายเป็นศพไปแล้ว
“ไม่ใช่ว่ามีเจ้าอยู่รึไง! ข้าจะยังกลัวอะไร?”หลานเยาเยารีบทำตาปริบๆมองเขา