บทที่ 85 ก็แค่จูบนิดเดียว
“เรื่องอะไรหรือ?” ยังไงตอนนี้นางก็ไม่อยากขยับถึงแม้ฟ้าจะถล่มลงมานางก็จะไม่ขยับสักนิด
“พระราชินีจัดงานเลี้ยงสั่งให้ข้าพาเจ้าเข้าวังไปร่วมงาน”
“ไม่ไปได้ไหม?”
นางแต่งงานมาสักพักแล้วแต่ก็ไม่เคยเข้าวัง เย่แจ๋หยิ่งก็ไม่ได้พูดอะไร พระราชินีจัดงานเลี้ยงก็ต้องไปใช่ไหม?
“ไม่ได้!”
น้ำเสียงของเย่แจ๋หยิ่งไม่สามารถปฏิเสธได้
“แต่ตอนนี้ข้าเหนื่อยมากซะจนไม่อยากก้าวแม้แต่ก้าวเดียว”นางพูดความจริงไม่ได้ไม่มีเหตุผล
“ไม่เป็นไรข้ามีวิธีเอง!”
พอพูดเสร็จเขาเดินมาอยู่ข้างนาง ไม่พูดจาอะไรแล้วก็อุ้มนางขึ้น……
ครั้งนี้ วิญญาณของหลานเยาเยาได้หลุดไปแล้ว
นางรีบผละออกจากอ้อมแขนเขาแล้วก็ตกลงมาที่พื้น ด้วยเท้าที่อ่อนแรงนางจึงจับโต๊ะไว้ ทำสีหน้าเหมือนเห็นผีมองเย่แจ๋หยิ่ง นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าเจ้า เจ้าจะทำอะไร?”
“เจ้าไม่ได้บอกว่าไม่อยากขยับแม้แต่ก้าวเดียวไม่ใช่หรือ? นึกไม่ถึงว่ายังมีแรงผลักข้า?” เสียงไพเราะของเย่แจ๋หยิ่งดงขึ้นมาเรียบๆ
เอ่อ……
นี่ก็คือวิธีที่เขาพูดหรอ?
ดูเหมือนจะได้ผลทีเดียว
“นั่นไม่ใช่เพราะถูกเจ้าทำให้ตกใจรึไง!
“ไม่เห็นเป็นไร วันหลังตกใจบ่อยๆก็จะได้ชิน!”
“……”
ได้!
นางไม่มีทางพูดคุยกับเย่แจ๋หยิ่งได้อย่างปกติทำได้เพียงยืดตัวตรงพูดอย่างจำใจว่า: “ไปเถอะ! ยังไงก็ต้องเจอ”
ตอนที่นางพูดประโยคนี้ เย่แจ๋หยิ่งก็มองนางอย่างประหลาดแล้วเดินนำออกไป
ตอนแรกหลานเยาเยาคิดว่าใส่อะไรไปตามใจก็ได้ยังไงก็แค่ไปร่วมงานเลี้ยงก็เท่านั้น แต่นางยังไม่ทันได้สวมชุดเสร็จก็เห็นสาวใช้ส่งเสื้อผ้ามาให้อีกทั้งยังเป็นชุดทางการของพระชายา
หลังจากใส่ชุดเรียบร้อย สาวใช้ที่คอยปรนนิบัติเปลี่ยนชุดให้นางอยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตื่นตะลึง
“พระชายา ใบหน้าท่าน ดูเหมือนกับเทพธิดา งามยิ่งกว่าหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงขึ้นมาเล็กน้อย”หนึ่งในสาวใช้เอ่ยชื่นชม
สาวใช้อีกคนก็โต้ขึ้นมาทันที: “ไร้สาระ จะงามขึ้นมาเล็กน้อยได้อย่างไรต้องที่ข้าน้อยบอกเลย! พระชายาเป็นคนที่งามที่สุดในประเทศก่วงส้า”
นี่ไม่ใช่คำประจบสอพลอของพวกนางแต่เป็นเพราะหลังจากที่พระชายาออกไปกับท่านอ๋อง กลับมาก็เปลี่ยนเป็นสวยขึ้น
และยังสวยจนทำให้คนหยุดหายใจ!
“พวกเจ้าก็พูดเกินไป ไม่ควรไม่ควร! เป็นคนที่สวยที่สุดในประเทศก่วงส้าอะไรกัน! ควรจะเป็นคนที่สวยที่สุดในโลกสิถึงจะถูก”
เหล่าสาวใช้:“……”
พระชายาท่านคุยโม้เช่นนี้มันดีจริงๆหรอ?
แต่ว่าไม่เป็นไร พระชายาของพวกเขาสวยเหมือนกับเทพธิดาคู่กับท่านอ๋องที่เหมือนสวรรค์ได้บรรจงสร้างขึ้นมา
ตอนที่หลานเยาเยาออกจากตำหนัก เย่แจ๋หยิ่งก็รออยู่ในรถม้านานแล้ว!
หลังจากที่เห็นหลานเยาเยาเข้ารถม้าแล้วก็เพียงแต่มองนางนิ่งๆแล้วก็เปลี่ยนสายตาไปมองหนังสือที่อยู่ในมือของเขา
“นี่ เย่แจ๋หยิ่ง ไม่สวยเหรอ? เจ้าถึงไม่ตะลึงเลยสักนิด?”
แต่นางก็เป็นแบบเดิม
ผู้หญิงที่ลักษณะผอมน่าเกลียด เปลี่ยนไปเป็นสาวงามอย่างรวดเร็ว
นางเองก็ยังตกใจเลยไหม?
“ข้าไม่ตัดสินคนจากภายนอก!”เย่แจ๋หยิ่งวางหนังสือในมือลงแล้วก็สบตานาง “แต่ว่าตอนที่เจ้าขี้เหร่ยังไม่ขัดหูขัดตามากกว่า!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้!
หลานเยาเยาก็ไม่พอใจ กลอกตามองเขา
“ข้าจะบอกเจ้านะว่านี่คืออิจฉาในความงามของข้า ที่จริงข้าสวยแล้วก็มีผลดีกับเจ้านะ”
“เพราะอะไร?”
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นคำถามที่ไม่มีประโยชน์มาก ทำให้เขาหยิบหนังสือที่เพิ่งวางลงยกขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
“เจ้าดูนะ ข้าสวยแล้วตราบใดที่เอาข้าไปปรากฏต่อหน้าผู้คนทุกคนก็จะอิจฉาริษยาที่เจ้าได้แต่งงานกับหญิงสวยราวกับดอกไม้เช่นข้า นี่ข้ากำลังสนับสนุนหน้าตาเจ้าอยู่นะ”หลานเยาเยาเริ่มพูดชมตัวเอง
“หน้าตาข้าไม่ขาดไม่ต้องให้เจ้าสนับสนุน”เขาไม่ได้รู้สึกกับสิ่งที่นางพูดเลย
นี่มันเกินไป!
เย่แจ๋หยิ่งต้องการเกียรติก็มีเกียรติ ต้องการเงินก็มีเงิน ต้องการอำนาจก็มีอำนาจ เรื่องหน้าตาก็ไม่เคยขาด
หลานเยาเยาทำได้เพียงยักไหล่อย่างเคืองๆ หลังจากเหลือบมองเขาอย่างเบื่อๆก็ถอนหายใจต่ำๆ
“ชิ!เจ้าชมสักนิดมันจะตายหรอ!”
เสียงของนางเบามาๆ เบาจนหลานเยาเยาเอาก็ฟังไม่ชัดว่าตนเองพูดอะไร
ใครจะรู้……
เย่แจ๋หยิ่งมองมาอีกครั้ง
แล้วมองนางอย่างตั้งใจจากนั้นก็มองนางเงียบๆด้วยสายตาที่ไม่เย็นชาแบบปกติดูเหมือนจะอ่อนโยนด้วยซ้ำแล้วปากของเขาก็เปิดออกเล็กน้อย
“สวยมาก!”
ประโยคนี้ทำให้หลานเยาเยามีความสุขมากขึ้น นางโค้งตัวยืนขึ้นแล้วไปนั่งข้างๆเขา
“พูดจริงนะจากที่เจ้าพูด นับตั้งแต่วันนี้เจ้าเป็นเพื่อนข้า ข้าร่ำรวยแล้วก็จะคอยสนับสนุนเจ้า! เป็นยังไง?”
ตอนนี้นางเป็นเศรษฐีแล้ว เงินทองเพชรพลอยมีมากจนใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมด
เหล่าอาหารเลิศรสนั้นก็ค่อยๆเรียงคิวรอให้นางจัดการอยู่แล้ว!
ตอนนี้สิ่งที่นางขาดก็คืออำนาจและนี่จะค่อยๆพัฒนา ยิ่งรีบก็ยิ่งช้าสิ!
“เพื่อน?” ไม่ใช่พระชายาของข้าเหรอ? แต่เมื่อเห็นนัยน์ตาที่อ่อนล้าก็พูดเรียบๆว่า: “ตามใจเจ้า!”
“ในเมื่อเป็นเพื่อนกันแล้ว งั้นในฐานะเพื่อนเจ้าช่วยข้าสักเรื่องได้ไหม?”ตอนนี้หลานเยาเยายอมหวานให้กับเย่แจ๋หยิ่ง นัยน์ตาก็ประกายความเจ้าเล่ห์
“เรื่องอะไร?” นางคิดจะทำอะไรอีก?
“ข้าขอจูบเจ้าหน่อยได้หรือไม่?” ตอนนี้เย่แจ๋หยิ่งจะพูดยังไงดี เพื่อเลื่อนขั้นระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บเมื่อน้ำขึ้นนางก็ต้องรีบตัก
ใครจะรู้……
มือที่ถือหนังสืออยู่ของเย่แจ๋หยิ่งสั่นขึ้นแล้วมองนางอย่างแปลกใจสีหน้าก็เย็นชา
“เจ้าเป็นผู้หญิงต้องรู้จักสำรวม คำขอแบบนี้ทีหลังไม่ต้องพูดอีก”
เอ่อ……
สำรวมคืออะไร? สามารถเลื่อนขั้นระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้สำคัญกว่า
ต้องหรอ?
“เย่แจ๋หยิ่ง สรุปเจ้ายอมหรือไม่? แค่จูบนิดเดียวไม่ต้องลึกซึ้ง อีกอย่างข้าเป็นผู้หญิงเจ้าก็ไม่เสียหายอะไร!”
หลานเยาเยาดึงเสื้อแขนเสื้อเขาเบาๆแล้วเขย่าอย่างออดอ้อน
แต่ทว่า!
เย่แจ๋หยิ่งดึงแขนเสื้อกลับไปด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า: “ไม่ได้!”
ก็รู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้
ดูแล้วนางต้องใช้ไม้เด็ด
ดังนั้นหลานเยาเยานั่งตัวตรง สองมือก็โอบรอบอก คำพูดออกมาจากปากอย่างเนิบๆ: “การเปิดเขาวงกตใต้ดินข้าก็ช่วยเจ้าเยอะมากแล้วเจ้าจะไม่แสดงคำขอบคุณสักหน่อยหรือ?”
ได้ยินดังนั้น!
เย่แจ๋หยิ่งขมวดคิ้ว
ถ้าไม่ใช่นางที่ชี้แนะขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจตอนนี้เขาอาจจะไม่มีทางหาทางเข้าเขาวงกตใต้ดินเจอ แต่คิดไม่ถึงว่าหลานเยาเยาจะเอาคำตอบแทนด้วยตนเองและจุดประสงค์ก็คือ……
“ตั๋วเงินกับเครื่องปรุงยาเจ้าสามารถไปเอาที่ห้องยาได้ตามใจ!”
“เจ้าก็รู้ว่าสิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่อันนี้ รีบพูดมาเร็วว่าเจ้าต้องการจะตอบแทนข้าหรือไม่ถ้าต้องการตอบแทนก็ให้ข้าจูบ ไม่ต้องใจแคบนักสิก็แค่จูบนิดเดียวแล้วหลังจากนี้ข้าจะไม่ขออะไรแบบนี้อีก!”
ระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บแปลกๆนั่น ภารกิจต้องการจูบของคนกรุ๊ปเลือด A3 นางก็ไม่มีวิธี นางต้องการเลื่อนขั้นระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บเพื่อได้รับเครื่องมือทางการแพทย์และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ดีขึ้น และเย่แจ๋หยิ่งก็กรุ๊ปเลือด A3พอดี
ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงขอไปอย่างหน้าไม่อาย!
ในรถม้าก็เงียบลงไปทันที เย่แจ๋หยิ่งก็เงียบไปนานหลังจากเงียบไปครู่ เขาก็ถึงจะพยักหน้า……