บทที่ 69 ไปนอนในหลุมไป
หากเป็นแบบในหนัง ยมทูตหน้าขาว-หน้าดำคือเจ้าหน้าที่มารับวิญญาณไป
ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็สู้ยายเมิ่งไม่ได้
แต่ว่าที่ดูในตอนนี้ ทำไมเหมือนจะเหนือกว่ายายเมิ่งอีก?
“นี่ จื่อซี สองคนนั้นคือยมทูตหน้าขาว-หน้าดำใช่ไหม?”
“พวกเขาคือผู้กระชากวิญญาณของยิงจวน ยมทูตหน้าขาว-หน้าดำ พวกเขาคือนักฆ่าที่แท้จริงของยิงจวน พวกก่อนหน้านี้กับยายเมิ่ง ก็แค่ตัวประกอบของทางยิงจวนเท่านั้นแหละ ส่วนพวกเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของยิงจวน ฝีมือของเขาเหี้ยมโหด เทียบกับยายเมิ่งแล้วพวกเขาเหนือกว่ามาก”
เมื่อพวกเขาสองคนปรากฏตัว จื่อซีก็เกร็งขึ้นมา
เขาเอาเสียมปักลงบนดินทราบ แล้วชักกระบี่ออกมา เขาจ้องไปทางเจ้านายของเขาอย่างเคร่งเครียด
“จื่อซี คำพูดของเจ้าข้าฟังไม่ค่อยเข้าใจ เจ้าอย่าบอกนะว่าคนอย่างยายเมิ่งไม่ได้มีแค่คนเดียว ไม่อย่างนั้นข้าจะเชือดเจ้าซะ”
“รอบเมืองหลวงมีแค่คนเดียว แต่ทั่วทั้งประเทศก่วงส้าถูกยิงจวนแบ่งเป็นหลายพื้นที่ อีกทั้งทั่วทั้งแผ่นดินยังถูกแบ่งออกไปด้วย ทุกพื้นที่จะมียายเมิ่งหนึ่งคน ดังนั้น ยายเมิ่งมีหลายคน พวกนางต่างมีจุดเด่นที่เหมือนกัน ผมสีขาวยุ่งเหยิง อีกทั้งหลังค่อม ดูแก่และประหลาด”
พอพูดมาแบบนี้ ……
ก่อนหน้านี้ที่นางใช้ระเบิดมือทำให้มึนงง ก็ฆ่าไปแค่คนเดียวอย่างนั้นเหรอ?
โอ้ย
ต้องโทษฮัวหยู่อัน ท่าทางเหมือนเห็นผี ยังคิดว่าเป็นตัวใหญ่ของยิงจวน
คิดไม่ถึงเลยว่ามันเหนือกว่าศพแห้งมาแค่ระดับเดียวเท่านั้น
น่าเสียดาย เสียระเบิดของนางไปลูกหนึ่งเลย
“นี่ จื่อซี เจ้ารีบคลายจุดให้ข้าเร็ว หากสู้กันขึ้นมาเจ้าจะได้ไม่ต้องมาปกป้องข้า ไม่แน่ข้าอาจจะช่วยเจ้าได้ด้วย”
จื่อซีลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วก็ส่ายหน้า
“พระชายา นายท่านไม่ได้สั่งให้ข้าคุ้มครองท่าน”
“ …… ”
คุ้มครองนางคือประเด็นหลักหรือไง?
สิ่งที่นางอยากจะบอกคือมาคลายจุดชีพจรให้นาง โธ่เอ้ย
จะรับมือกับจื่อซี นางคงต้องลงมือเองแล้ว
“จื่อซี ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้นะ หากเจ้ายังไม่คลายจุดให้ข้าอีก อีกเดี๋ยวข้าจะบอกเจ้านายของเจ้าว่า เจ้าลวนลามข้า”
พอพูดแบบนี้ออกมา จื่อซีก็ตาโต แล้วรีบโบกมือแล้วพูดว่า
“พระชายาจะใส่ร้ายข้าน้อยแบบนี้ไม่ได้นะ ข้าน้อยไม่ได้เข้าไปในหลุมด้วยซ้ำ จะไปลวนลามท่านได้ยังไงกัน?
“เจ้าจะมาคลายจุดไหม? ข้านับถึงสาม หากไม่คาย ข้าจะไม่ช่วยองค์หญิงจาวหยางคอยดู หนึ่ง ……”
พอได้ยินว่านางจะไม่ช่วยองค์หญิงจาวหยาง จื่อซีก็แทบจะไม่คิดเลย เขากระโดดลงไปในหลุม แล้วคลายจุดให้กับหลานเยาเยา
“พระชายา องค์หญิงจาวหยางคือผู้หญิงคนเดียวที่สนิทกับนายท่าน เพื่อช่วยนายท่านแล้ว นางถึงได้ตกอยู่ในสภาพนั้น ท่านจะต้องช่วยรักษานางให้หายนะ นางลำบากมาก”
เอ่อ ……
ก่อนหน้านี้นางเคยคิดว่าเรื่องพิษกู่ในโหลวเย่ว น่าจะเกี่ยวข้องกับเย่แจ๋หยิ่งแน่ แต่คิดไม่ถึงว่าเป็นเพราะต้องการช่วยเย่แจ๋หยิ่ง
แต่ว่า จื่อซีเหมือนจะให้ความสำคัญกับโหลวเย่วมาก
เรื่องนี้ง่าย
“ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าจะไม่ช่วยองค์หญิงจาวหยางกัน?” หลานเยาเยาปีนขึ้นมาจากดินทราย น้ำเสียงของนางหนักแน่นมาก
“ท่านเพิ่งจะพูด ……”
เห็นหลานเยาเยากลับคำ จื่อซีก็รีบอธิบาย
“เมื่อกี้ข้าพูดอะไรเหรอ? ข้าไม่ได้พูดอะไรเลยนะ? เจ้าเองต่างหากที่พยายามจะช่วยคลายจุดให้ข้า ข้าไม่อยากก็ปฏิเสธไม่ได้ เฮ้อ ข้าเป็นคนใจอ่อนมากเกินไป”
“ …… ”
พระชายา ท่านพูดจะพูดแบบนี้จริง ๆ ใช่ไหม?
จื่อซีรู้สึกว่าเขาถูกหลอกเข้าให้แล้ว
ส่วนทางเย่แจ๋หยิ่ง บรรยากาศเริ่มคุกรุ่นมากขึ้น
ถึงแม้เหล่านักฆ่าของยิงจวนแต่ละคนไม่ต่างกับศพตากแห้ง
แต่ว่า นอกจากยมทูตหน้าขาว-หน้าดำแล้ว พวกเขาแต่ละคนเมื่อเห็นเงาของเย่แจ๋หยิ่ง ก็มีแต่สายตาที่หวาดกลัว
แต่ยมทูตหน้าขาว-หน้าดำ เพราะใบหน้าทาแป้งสีขาว ซึ่งมองไม่เห็นใบหน้าของพวกเขาสองคนเลย สายตาของพวกเขาก็ไม่มีคำว่าหวาดกลัวอยู่เลยด้วย
“ท่านอ๋อง ยิงจวนกับจวนอ๋องเย่ปกติไม่เคยยุ่งเกี่ยวต่อกัน ในรายชื่อยมราชมีชื่อของหลานเยาเยา นางต้องตาย ท่านอ๋องทรงมอบตัวนางออกมาเถอะ จะได้ไม่เดือดร้อนไปด้วย”
คนที่พูดก็คือยมทูตหน้าขาว น้ำเสียงของเขาดูน่ากลัวมาก ผู้ชายผู้หญิงไม่รู้ อีกทั้งยังเข้มมากด้วย
ใครจะคิด ……
เย่แจ๋หยิ่งหัวเราะ
“นางเป็นชายาของข้า หากเจ้ากล้าทำอะไรนาง ข้าก็จะให้ยิงจวนหายไปจากโลกใบนี้ซะ”
น้ำเสียงที่ดูเย็นชา แต่คนที่ตอบยังคงยืนพิงต้นไม้แบบขี้เกียจ ท่าทางนิ่งมาก
เมื่อพูดมาแบบนี้ มันทำให้ยมทูตหน้าขาว-หน้าดำถึงกับสะดุ้ง สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที
พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมอ๋องเย่ถึงได้พูดแบบนี้ออกมา?
แต่ว่าชื่อเสียงของอ๋องเย่โด่งดังไปทั่ว เขาสามารถสังหารคนอย่างเลือดเย็น ไร้ความรู้สึก กองทัพที่มีเขาเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะไปที่ใดที่นั่นเท่ากับล่มสลาย เหมือนจะไม่มีใครสามารถเป็นศัตรูของเขาได้เลย
หลานเยาเยามาถึงด้านหลังของเย่แจ๋หยิ่ง พอได้ยินคำพูดของเขาก็ตกใจ
ในใจเหมือนมีอะไรมาทุบอย่างแรก นางถึงกับสะดุ้ง
ในความเป็นจริง พวกเขาไม่ได้รักกันขนาดนั้นมั้ง?
เพื่อเล่นไปตามน้ำกับเขา หลานเยาเยายื่นหัวมาที่หูของเขา เหมือนจะพูดแบบรักกันมากว่า
“หากท่านไม่ผิดต่อข้า ข้าจะยอมตายเคียงข้างท่าน”
พอพูดมาแบบนี้
เย่แจ๋หยิ่งสะดุ้ง จากนั้นก็หันไปมองนาง อดไม่ได้ที่จะใช้มือจับไปที่หน้าผาก
ไม่ผิดอย่างที่คิด
ทิ้งจื่อซีอยู่ตรงนั้นนางไม่เป็นอะไรเลย เพียงแต่นางกล่อมให้จื่อซีคลายจุดให้นางมันเร็วกว่าที่เขาคิดไว้เยอะมาก
จื่อซีที่ตามมาติด ๆ เห็นเจ้านายของตัวเองกำลังมองมาที่เขา เขาก็รีบหดหัว เหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งทำความผิดมา
“ไปนอนที่หลุมเดี๋ยวนี้”
เย่แจ๋หยิ่งพูด
เอ่อ ……
นี่มันเวลาอะไรแล้ว เขายังคิดจะฝังนางอีกเหรอ
เสียแรงเมื่อกี้นางยังตื้นตันใจอยู่เลย ขอคืนแล้วกัน
“ท่านอ๋อง ตรงนี้จะชักกระบี่หากันอยู่แล้ว ไปนอนในหลุมไม่ดีหรอก รอจัดการพวกเขาแล้ว ข้าค่อยช่วยท่านขุดหลุมอีกทีดีไหม?”
“ ……. ”
ตอนที่พูดก็พลางจับไปที่ชายเสื้อของเขา แล้วโยกไปมาเหมือนคนกำลังอ้อน
หลานเยาเยาแทบจะอยากอ้วกออกมาอยู่แล้ว
ท่าทางรักใคร่ของพวกเขามันทำให้ยมทูตหน้าขาว – หน้าดำตกใจไม่น้อยเลย
มีแต่คนบอกว่าอ๋องเย่มีนิสัยเลือดเย็น ฆ่าคนเหมือนผักปลา อีกทั้งไม่เคยสนใจเรื่องผู้หญิง
แต่ว่านี่มันเรื่องอะไรกันเนี้ย?
เพื่อหลานเยาเยาแล้วเขากลับถึงกับยอมแตกหักกับยิงจวน อีกทั้งยังดูเหมือนจะรักและเอ็นดูหลานเยาเยามากด้วย
ใช่แล้ว
สำหรับพวกเขาแล้ว อ๋องเย่ทำแบบนี้ก็คือรัก
“อ๋องเย่ ถึงแม้ท่านจะฉลาด เชี่ยวชาญการทหาร แต่น่าเสียดายที่นี่ไม่ใช่สนามรบ ท่านไม่มีกองทัพ มีแค่คนอีกสองคนเท่านั้น”
หลานเยาเยาถูกพวกเขามองข้ามไป
เพราะพวกเขามองออกแล้วว่า หลานเยาเยาไม่มีกำลังภายใน ต่อให้พอจะเป็นหมัดมวยอยู่บ้าง แต่สำหรับพวกเขาแล้วมันไม่ได้เป็นปัญหาเลย
พวกเขาคนมากกว่า ต่อให้อ๋องเย่จะร้ายกาจมากแล้วยังไง?
ยมทูตหน้าขาว – หน้าดำก็ไม่ได้กินหญ้า ต่อให้ฆ่าอ๋องเย่ไม่ได้ แต่ก็ทำให้เขาเกือบตายได้
ดังนั้น วันนี้ยังไงหลานเยาเยาก็ต้องตาย
“อยากตาย ข้าก็ไม่ห้าม”