TMFH ตอนที่ 133 : ในฐานะลูกผู้ชาย ฉันก็ต้อง รักษาสัญญา
ในเมืองเจียงซีนั้นกลุ่มของหมาป่าคลั่งเป็นกองกําลังนอกรีตที่ทรงพลังที่สุดในเขตทางตอนเหนือของเมือง ในขณะที่ศีรษะพยัคฆ์เป็นกลุ่มที่ทรงพลังที่สุดในเขตทางด้านทิศใต้
อย่างไรก็ตามมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าพวกศีรษะพยัคฆ์นั้น ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลโม่ ตระกูลใหญ่ในทางตอนใต้ของจีน
ในช่วงเวลายามเย็น ร่างที่เปื้อนเลือดถูกผูกไว้กับเสาเหล็ก ในห้องโถงของสํานักงานใหญ่ศีรษะพยัคฆ์
ชายฉกรรจ์หัวล้านกําลังทําร้ายร่างที่เปื้อนเลือดนั่นอย่างดุร้ายและโหดเหี้ยม!
ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!
ชายฉกรรจ์หัวล้านคนนี้เป็นคนที่โหดร้ายอย่างมาก ทุกครั้งที่เขาสะบัดแส้ในมือ ร่างของคนที่ถูกผูกติดไว้กับเสาเหล็กก็จะกระอักเลือดออกมาและกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ทุกคนในบริเวณนี้ ล้วนขนลุกไปทั้งหนังศีรษะเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องของชายคนนั้น
“พยัคฆ์ดํา! ถ้าแกเป็นผู้ชายพอก็ฆ่าฉันซะ!”
ชายวัยกลางคนที่ถูกมัดติดไว้กับเสาเหล็กดูซีดเซียวอย่างน่ากลัว ร่างกายของเขามีแต่รอยฟกช้ำดําเขียว
เขาคํารามใส่ชายหัวล้านอย่างบ้าคลั่ง
ชายหัวล้านคือพยัคฆ์ดํา ผู้ควบคุมกองกําลังนอกรีตในเขตตอนใต้ของเมืองเจียงซี!
เขามีรอยสักรูปเสือที่กําลังคํารามด้านบนศีรษะที่ล้านของเขา ซึ่งนั่นทําให้เขาดูโหดเหี้ยมและชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น
หลังจากได้ยินคําพูดของชายวัยกลางคน พยัคฆ์ดก็แสยะยิ้มและตอบว่า “หึหึ! วัลเทอร์ นายเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมากทางภาคเหนือ! ช่างเป็นอะไรที่เคี้ยวยากจริง ๆ!”
พยัคฆ์ดํากล่าวต่อด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว “แต่เมื่อแกมาอยู่ ในเมืองเจียงซีนี่ แกก็ต้องทําตัวว่าง่ายแม้ว่าแกจะเป็นมังกร จากทางตอนเหนือก็ตาม! แกอยากรีบตายงั้นเหรอ ? อย่าฝันเลย!
หลังจากพูดจบพยัคฆ์ดํายังคงทําร้ายร่างกายวัลเทอร์ต่ออย่างโหดเหี้ยม
ดวงตาของวัลเทอร์นั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและเสียใจอย่างมาก!
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในกองกําลังระดับสูงในภาคเหนือ วัลเทอร์ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสถานการณ์ของเขานั้นจะเลวร้ายมากขนาดนี้
เขายังคงกรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา
เมื่อพยัคฆ์ดําเหนื่อยเขาก็ทิ้งแส้หนังลงไปบนพื้นแล้วกลับไปนั่ง จากนั้นเขาก็หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาและตะโกนไปที่โม่เต๋า “ฮ่าฮ่า…นายน้อยโม่คุณเคยเห็นผู้ชายคนนี้ไหม ? เขาคือวัลเทอร์ผู้ที่มีอํานาจมากคนหนึ่งในภาคเหนือของจีน! แต่ตอนนี้มันก็เป็นแค่เชลยของฉัน!”
พยัคฆ์ดําระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความยินดี
ฝั่งตรงข้ามของพยัคฆ์ดํามีเด็กหนุ่มอยู่คนหนึ่ง โม่เต๋า!
หลังจากได้ยินคําพูดของพยัคฆ์ด โม่เต๋าก็เผยรอยยิ้มอย่างไม่เต็มใจ แต่เขายังคงขมวดคิ้วแน่นราวกับเขานั้นกําลังรู้สึกกังวลเกี่ยวกับอะไรบางสิ่ง
เมื่อเห็นสีหน้าของโม่เต๋าพยัคฆ์ดําก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “นายน้อยโม่ คุณยังคงกังวลเกี่ยวกับไอ้เด็กเหลือขอนั่นอยู่เหรอ ฮี! ฟังนะไม่มีใครในเมืองเจียงซีจะกล้าทําอะไรรุนแรงในพื้นที่ของฉัน ในเขตทางตอนใต้นี่หรอกนะ! ถ้าไอ้สารเลวคนนั้นมันกล้าเข้ามา มันก็เหมือนตายไปแล้วครึ่งตัว!”
ในเวลานี้ไม่เต๋เริ่มมั่นใจมากขึ้น จากนั้นเขาก็พูดว่า “ พยัคฆ์ดํา ฉันรู้ว่าลูกน้องของนายทุกคนโหดร้าย! แต่ไอ้สารเลวนั้นมันมีบางอย่างแปลก ๆ ไปหน่อย! ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะรอดชีวิตจากระเบิดได้ แถมมันยังสามารถฆ่าฟอลคอนได้อีกด้วย!”
ฟอลคอนนั้นถือเป็นมือปืนอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว!
เขาเกือบจะฆ่าใครก็ได้ด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว!
การตายของฟอลคอนทําให้โม่เต๋าตกใจอย่างมาก
หลังจากได้ยินคําพูดของโม่เต๋า พยัคฆ์ดก็พูดด้วยท่าทางดูแคลน “นายน้อยโม่ ฟังนะพลังที่แท้จริงจะไม่ใช้ปืนแบบนั้นหรอก! ฉันมี 4 วานรและอีก 10 อรหันต์! แต่ละคนล้ วนหลบกระสุนได้! สําหรับพวกเราแล้วด้วยประสาทสัมผัสเพียงอย่างเดียวก็สามารถหลบวิถีกระสุนล่วงหน้า แล้วยังสามารถสังหารมือปืนด้วยการเคลื่อนไหวเพียงแค่ครั้งเดียว!”
พยัคฆ์ดํากล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม “นอกจากนี้นอกจาก 4 วานรและอีก 10 อรหันต์แล้วฉันยังมีเหล่าพี่น้องมากกว่า 100 คนเพื่อปกป้องคฤหาสน์หลังนี้ แม้ว่ามันจะเป็นเทพเจ้ามันก็ต้องตายที่นี่!”
หลังจากได้ยินคํามั่นสัญญาของพยัคฆ์ดํา ดวงตาของโม่เต๋าก็เป็นประกาย
โม่เต๋านั้นรู้ดีเกี่ยวกับกองกําลังศีรษะพยัคฆ์
‘4 วานรและอีก 10 อรหันต์ล้วนแต่เป็นอาชญากรในตอนใต้ของจีน พวกเขาแต่ละคนนั้นโหดเหี้ยมอย่างมากและ สามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางกองซากศพ!’
‘นอกจากนี้ด้วยสมาชิกของกลุ่มศีรษะพยัคฆ์อีกกว่า 100 คน เย่เฟิงจะต้องตายอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาจะเก่งกาจหรือ มีพลังมากแค่ไหนก็ตาม!’
จากนั้นไม่เต๋ก็พูดด้วยรอยยิ้มที่โหดร้ายว่า “หึหึ… หลังจากได้ยินคําพูดของนายแล้ว ฉันอยากให้มันโผล่มาจริงๆ! ฉันต้องการให้มันตายด้วยวิธีที่โหดร้ายอย่างที่สุด!”
ในเวลาเดียวกัน!
ในถนนมืดที่ว่างเปล่านอกฐานที่ตั้งของกลุ่มศีรษะพยัคฆ์ เด็กหนุ่มคนหนึ่งกําลังเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ด้วยเสียงฝีเท้าหนักแน่น
ด้วยชุดสีดําสนิท เขาเป็นเหมือนปีศาจร้ายที่เดินผ่านไปมาในความมืด
“นั่นใครนะ ?”
ทันใดนั้นสมาชิกของพวกศีรษะพยัคฆ์ก็ตื่นตัวเมื่อเห็นเเฟิง ขณะที่เขาตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงข็งเครียด “นี่คือพื้นที่ต้องห้ามของศีรษะพยัคฆ์! แกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ที่นี่! รีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
เขาถือกระบี่เหล็กด้วยท่าทางที่ไร้ความเมตตาและไม่พอใจ
อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มในชุดสีดําไม่ได้สนใจคนพวกนั้นแม้แต่น้อย ขณะที่เขายังคงก้าวไปข้างหน้าที่ละก้าวอย่างช้า
“แม่งเอ้ย! ฆ่ามันซะ!”
หลังจากรู้ว่าเย่เฟิงไม่ทําตามคําแนะนําของพวกเขา หัวหน้าทีมก็โบกมือและออกคําสั่งในทันที!
ทันใดนั้นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งก็พุ่งเข้ามาหาเย่เฟิงและฟัน ไปที่หัวของเขาด้วยกระบี่เหล็ก!
ทว่าเย่เฟิงเพียงส่งพลังฉีสีดําออกมา ซึ่งมันก็เริ่มชอนไชเข้าไปในร่างกายของชายฉกรรจ์พวกนั้นราวกับดอกสว่านสีดําสนิท!
อ๊าก!
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น เหล่าชายพวกนั้นพลางสะบัดแขนและเกาอย่างแรง!
ภายใต้สายตาที่ตกใจของหัวหน้าทีม ทุกคนที่วิ่งไปข้างหน้าเขานั้นกําลังร้องเสียงหลงอย่างน่าสมเพช
หลังจากนั้นเมื่อสายลมพัดผ่านไป แต่ละคนในกลุ่มก็แหลกสลายและปลิวไปราวกับขี้เถ้า!
หัวหน้าทีมทรุดลงไปกับพื้นด้วยความหวาดกลัว
เขาไม่เคยเห็นอะไรที่น่าตกใจเช่นนี้มาก่อนในชีวิต!
‘นั่นมันเหลือเชื่อ!’
“แกเป็นใครกันแน่”
หัวหน้าทีมมองเย่เฟิงด้วยความตื่นตระหนกราวกับว่าเขา นั้นเป็นผีร้าย!
“ฉันเป็นใครงั้นเหรอ ?”
เย่เฟิงยิ้มมุมปากเล็กน้อย ขณะที่เขายังคงเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ และพูดว่า “ก็แค่เป็นคนที่ไล่ฆ่าผู้คนเท่านั้น!”
หลังจากพูดจบเย่เฟิงก็ปล่อยพลังฉีสีดาอีกครั้ง ซึ่งเจาะเข้าไปในผิวหนังของหัวหน้าทีมทันที
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ดวงตาที่ลุกลี้ลุกลนของชายคนนั้นแข็งทื่อ ในที่สุดร่างกายของเขาก็ค่อย ๆ กลายเป็นขี้เถ้าและปลิวหายไปกับสายลม!
“ลอบโจมตี! มีการลอบโจมตี!”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเสียงร้องโหยหวนที่ดังขึ้นภายนอกนั้นทําให้คนที่อยู่ในคฤหาสน์ตกใจ
ด้วยเสียงฝีเท้าจํานวนมาก เหล่าทหารหลายคนในชุดดําก็วิ่งออกมาจากคฤหาสน์ เพียงพริบตาเดียวทั้งลานด้านหน้าก็ เต็มไปด้วยสมาชิกของกลุ่มศีรษะพยัคฆ์ทั้ง 100 คน!
แต่ละคนถือกระบี่เหล็กด้วยท่าทางดุร้าย!
ทุกคนล้วนมีพลังฉีที่แข็งแกร่งและน่ากลัวอย่างมาก!
นอกจากนี้พวกเขายังหลีกทางให้พวก 4 วานรและอีก 10 อรหันต์ ซึ่งนํามาโดยโม่เต๋าและพยัคฆ์ดํา!
เมื่อมองเห็นเย่เฟิง โม่เต๋าตะโกนด้วยเจตนาร้ายกาจ “ไอ้สารเลว ฉันไม่นึกเลยว่านายจะกล้าบุกมาจริง ๆ!”
โม่เต๋าคิดไม่ถึงว่า เย่เฟิงนั้นจะกล้าหาญถึงขนาดที่จะกล้าบุกเข้ามาหากลุ่มศีรษะพยัคฆ์คนเดียวแบบนี้!
หลังจากรู้สึกได้ถึงเจตนาที่รุนแรงของโม่เต๋า เย่เฟิงก็ตอบด้วยท่าทางขี้เล่น “ในฐานะลูกผู้ชาย ฉันก็ต้องรักษาสัญญาฉันบอกแกแล้วนี่ ว่าฉันจะเป็นคนเก็บศพของแก! ฉันอยู่นี่แล้วไง!”
หลังจากได้ยินคําพูดของเยเฟิง โม่เต๋าก็หัวเราะออกมา!
เขามองไปที่สมาชิกหลายคนของศีรษะพยัคฆ์ที่คอยคุ้มกันเขาก่อนจะถามเย่เฟิงว่า “แกจริงจังเหรอเนี่ย ?”
“เฮ่เฟิงแหกตาของแกดูซะ มีคนกว่า 100 คนที่อยู่ล้อมรอบตัวของฉัน! แต่แกกลับพูดว่าแกต้องการที่จะฆ่าฉันงั้นเหรอ ? ฮ่า ๆ..”
โม่เต๋ารู้สึกราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลกที่น่าหัวเราะที่สุดในโลก
ในสายตาของเขา มันไม่มีอะไรแตกต่างไปจากการฆ่าตัวตายที่เย่เฟิงจะบุกเข้ามาในฐานของศีรษะพยัคฆ์เพียงลําพังแบบนี้!
สมาชิกทุกคนของศีรษะพยัคฆ์หัวเราะออกมา
พวกเขาไม่เคยเห็นคนโง่เง่าเช่นนี้มาก่อน “ผู้ชายคนนี้คิดว่าเขาสามารถจัดการทั้งกลุ่มศีรษะพยัคฆ์ได้ด้วยตัวคนเดียวงั้นเหรอ ?”
แม้แต่วัลเทอร์ที่ถูกผูกไว้กับเสาเหล็กก็ยังส่ายหัวขณะที่เขาพึมพํา “เขาต้องตายแน่ ๆ”
วัลเทอร์รู้ดีเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของศีรษะพยัคฆ์ในฐานะที่เป็นเชลยแบบนี้!
พวกนี้คือกองกําลังนอกรีตที่น่ากลัวอย่างมาก!
คนนอกที่เข้ามายังฐานที่มั่นของกลุ่มจะต้องถูกฆ่าไม่ว่าจะมาคนเดียวหรือเป็นสิบคนก็ตาม!
วัลเทอร์มองเย่เฟิงอย่างน่าสงสาร เขารู้ว่าหลังจากนี้ไม่นานนัก เย่เฟิงจะต้องกลายเป็นเชลยของพวกเขาแน่!
ทว่าเย่เฟิงกลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อะไรนะ ? แกคิดว่าแกจะเอาชนะฉันได้ เพราะแกมีจํานวนคนมากกว่าฉันงั้นเหรอ
“แน่นอน พวกเรามีคนมากกว่าแก ดังนั้นเราสามารถเอาชนะแกได้อยู่แล้ว!” โม่เต๋าตอบกลับพลางแสยะยิ้ม
แต่สิ่งที่เย่เฟิงพูดต่อไปนั้น ทําให้รอยยิ้มของเขาต้องหยุดนิ่ง
“ก็ดี! ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็มาดูกันว่าใครมีจํานวนคนมากกว่ากัน
เย่เฟิงดีดนิ้วของเขา
เปี้ยะ!
หลังจากสิ้นเสียง กลุ่มคนในชุดสีดําก็พุ่งเข้ามาในลานบ้านด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า!