SSS-Class Suicide Hunter – ตอนที่ 15: แกก็มีสกิลเหมือนกัน? (3)

 

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป

 

– ครร…

 

ฝีเท้าของมอนสเตอร์ทำให้เกิดเสียงเหมือนหม้อต้มกำลังเดือด ราชาก็อบลิน หัวหน้าใหญ่ำของชั้น 5 ได้ร่วงหล่น

 

ฉันก้มมองลงไปที่ใบหน้าของราชาก็อบลินด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

 

“คร่อก”

 

มอนสเตอร์ตัวนี้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดามอนสเตอร์ที่ฉันพบในสัปดาห์นี้ อ่า ฉันตายไปกี่ครั้งเพื่อจัดการมอนสเตอร์ตัวนี้? ฉันร่ำลาราชาก็อบลินไปด้วยความตั้งใจที่จะเช่นเดียวกับำร่ำลานักรบฝ่ายศัตรูที่กล้าหาญ…

 

– หยุดพล่ามกับตัวเองสักที ไอ้เจ้าซอมบี้โรคจิต

 

“อา ให้ตายเถอะ ฉันแทบจะล่ามันไม่ได้ด้วยซ้ำหลังจากผ่านไป 6 เหรียญ นายปล่อยให้ฉันดูมันเงียบๆไม่ได้หรือไง?”

 

6 เหรียญหมายความว่าฉันได้วาง 6 ชีวิตไว้บนเส้นด้าย ตอนนี้ฉันอยู่ที่เหรียญที่ 6 ดังนั้นมันจึงหมายถึงว่าฉันเคยตาย 5 ครั้งเพื่อล้มราชาก็อบลินตัวนี้

 

แบ ฮุรยองพ่นลมหายใจ

 

– นายมันโรคจิต นายเอาแต่เหม่อแบบนั้นหลังจากจัดการมอนสเตอร์ ฉันพูดความจริงล้วนๆ

 

“ว้าว ฉันเข้าใจแล้ว บุคลิกของจักรพรรดิดาบของเราดีสุดๆ”

 

คุณอาจจะบอกได้จากบทสนทนาของเรา แต่ตอนนี้ฉันชินกับออร่าแล้ว เวลายังคงไหลช้าลงเพราะผลจากยาอายุวัฒนะ

 

เพียงแค่ว่าฉันพูดได้เร็วกว่าปกติมากโดยการรวมออร่าไว้ที่ลิ้นของฉัน

 

“คร่อก”

 

แม้ว่ามันจะไม่ใช่ชัยชนะที่เถรตรง มันก็เป็นชัยชนะที่ฉันใช้อุบายสกปรกเพื่อให้ได้มา

 

ฉันดึงการ์ดสีอึออกมาและตรวจดู

 

+

 

[ก็อบลินชนชั้นสูง]

 

อันดับ: F

 

เอฟเฟค: ราชาก็อบลินหลงอยู่ในความคิด ‘ระดับวัฒนธรรมสำหรับพวกเราก็อบลินต่ำเกินไป ภาษาทั้งหมดลงท้ายด้วยเคี๊ยก เคี๊ยก ฉันไม่สามารถแสดงศักดิ์ศรีของฉันด้วยของแบบนี้!’ จากนั้นความคิดอัจฉริยะของราชาก็อบลินเปล่งประกาย ‘ใช่! จากนี้ไปฉันจะพูดด้วยคร่อก ไม่ใช่เคี๊ยก  คร่อก! เป็นการออกเสียงที่เหมาะกับราชาผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ’

 

※อย่างไรก็ตามการต่อสู้ภายในเผ่ากลับรุนแรงขึ้น

 

※เป็นสกิลที่คัดลอกมาจากมอนสเตอร์ราชาก็อบลินผู้ยิ่งใหญ่

 

+

 

ฉันเดาะลิ้นของฉัน

 

“ก็อบลินกังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่สุด เคี๊ยกกับคร่อก โดยพื้นฐานแล้วมันเหมือนกัน”

 

– นั่นคือเหตุผลที่พวกมันเป็นก็อบลิน มนุษย์ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากนี้เหมือนกัน

 

“อะไรนะ?”

 

– ฉันกำลังพูดกับตัวเองอยู่

 

เมื่อฉันกำลังจะถามเขาว่าเขาหมายถึงอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวของฉัน

 

[การคงอยู่ของคุณชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ]

 

มันเป็นเสียงที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน

 

อย่างไรก็ตามฉันรู้ว่ามันหมายถึงอะไร ผู้เล่นนับไม่ถ้วนได้เป็นพยานและยังอัดวิดีโอของตัวเองเกี่ยวกับสิ่งนี้

 

“ในที่สุด!”

 

มันคือการเลเวลอัพ!

 

[ระดับของฮันเตอร์คิม กงจากำลังพัฒนา]

 

“อา…”

 

มันสะเทือนอารมณ์ ฉันใช้ชีวิตในฐานะฮันเตอร์คลาส F มาทั้งชีวิต ฉันกังวลว่าฉันจะมีชีวิตอยู่แบบนี้ต่อไป แต่ฉันมีสกิลคัดลอกและสกิลถดถอย และหลังจากผ่านอุปสรรคแห่งความเจ็บปวด…ช่วงเวลาแห่งการเลื่อนระดับก็มาหาฉันในที่สุด

 

[ช่องสกิลของคุณกำลังเพิ่มขึ้น!]

 

[อันดับฮันเตอร์ของคุณตอนนี้คือ คลาส E!]

 

แม้ว่าฉันจะเพียงคลาส E

 

[ขอให้โชคสถิตกับท่าน]

 

วิ้ง!

 

ออร่าสีแดงพุ่งออกมาจากเท้าของฉัน สิ่งที่คล้ายกับของเหลวสีแดงปกคลุมร่างกายของฉัน จากนั้นมันก็เลื่อนกลับลงมาและหายไป

 

– …นั่นอะไร ดอกไม้ไฟเหรอ?

 

แบ ฮุรยองขมวดคิ้วของเขา

 

– หรือเลือดกัน? หืม นั่นดูยากจัง ฉันคิดว่ามันเป็นดอกไม้ไฟหรือไม่ก็เลือด…

 

“นั่นเป็นเพียงอาร์ติแฟคเพิ่มระดับไม่ใช่เหรอ?”

 

– มันไม่ใช่อาร์ติแฟคที่ดูเท่

 

แบ ฮุรยองเกาหลังหัว

 

– มันเป็นคำใบ้

 

“คำใบ้?”

 

– อืม ประเภทของอาร์ติแฟคที่ถูกำเปิดเผยเป็นตัวกำหนด [รูปร่างของออร่า] แม้แต่จักรพรรดิเพลิงที่นายฆ่าไป รูปร่างของผู้ชายคนนั้นน่าจะเป็น [ไฟ]

 

“นายพูดว่าดอกไม้ไฟ”

 

ฉันพยายามที่จะนึกฉากจักรพรรดิฆ่านักบุญหญิงด้วยไฟในสลัม มันไม่ใช่ความทรงจำที่ดีที่จะนึกย้อน แต่ … ดูเหมือนว่ายู ซูฮาจะใช้รูปร่างของออร่าที่เกี่ยวข้องกับไฟ

 

– บาดแผลในจิตใจของฮันเตอร์มักขึ้นอยู่กับรูปร่างของออร่าของพวกเขา

 

บาดแผล

 

-เหตุการณ์สำคัญ ฉาก ความทรงจำ สิ่งที่เปรียบดั่งชีวิตของนายจะปรากฏเป็นรูปร่างของออร่าของตัวนายเอง เหมือนรูปร่างของจิตใต้สำนึก? ไม่จำเป็นต้องเป็นบาดแผลทางลบ แต่โดยทั่วไปแล้วมันเป็นเช่นนั้น

 

“ฉันก็ไม่แน่ใจ”

 

– จากสิ่งที่ฉันบอกได้ นายคือไฟหรือเลือด

 

เมื่อฟังเขาพูด ฉันก็เริ่มที่อยากรู้

 

“ตอนนี้นายควรบอกแล้วว่า… ออร่าของเซียนดาบรูปร่างเป็นยังไง?”

 

-แสงจันทร์

 

แบ ฮุรยองพูดมันออกไปอย่างไม่ตั้งใจ

 

-ตาเฒ่ามาร์คัสเล่าว่าเขาหลงทางในภูเขาเมื่อตอนที่เขายังเด็ก เขาไม่อยากตายเขาจึงปีนขึ้นไปด้านบนยอดเขาและเมื่อถึงจุดสูงสุด ใบไม้ที่ปกคลุมท้องฟ้ายามค่ำคืนก็เริ่มเผยให้เห็นท้องฟ้า เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนเขาก็เห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนสีดำสนิท

 

แสงจันทร์

 

– เขาบอกว่าเขาคิดอะไรบางอย่างเมื่อตอนนั้น ดวงจันทร์ไม่ได้ส่องแสงด้วยตัวเอง แต่ส่องประกายด้วยแสงจากดวงอาทิตย์ แม้แต่ชีวิตของใครบางคนที่อ้าแขนรับมันได้ก็อาจสวยงามกว่านี้ อา ฉันอยากจะเปล่งประกายด้วยการรับแสงเช่นนั้นด้วย

 

“…”

 

– เขาบอกว่ามันน่าจดจำมากพอที่เขาจะเก็บไว้ในใจไปตลอดชีวิต

 

ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ได้ฟังเรื่องราวของเขา

 

“แต่เขาบอกว่ามันเป็นตอนที่เขายังเด็ก”

 

-ช่าย เมื่อตอนเขาอายุ 12

 

“เด็กอายุ 12 ปีจะมีความคิดลึกซึ้งขนาดนั้นได้ยังไง?”

 

แบ ฮูรยองพยักหน้า

 

– นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตาเฒ่ามาร์คัสจึงเป็นคนที่เกิดมาหัวแข็ง ชิชิ ตอนที่ฉันอายุ 12 ฉันคิดแค่ว่าจะเอาชนะพวกอันตพารตรงหน้าได้ยังไง

 

“ไม่อะ ฉันก็ไม่คิดว่านั่น…ปกติเหมือนกัน…”

 

ถ้าเซียนดาบเป็นคนที่เกิดมาหัวแข็ง แล้วแบ ฮุรยองคืออะไร? เกิดมาเพื่อเป็นอันตพาร?

 

– ยังไงก็เถอะ นายคุ้นเคยกับชั้น 5 แล้ว ไปที่ชั้น 6 กันเถอะ

 

“อ่า เกี่ยวกับเรื่องนั้น”

 

ฉันพูด

 

“เราจะตรงไปที่ห้องบอสที่ชั้น 10 ไม่ได้หรอ?”

 

-อะไรนะ?

 

“ฉันรู้ว่าฉันสามารถคัดลอกสกิลของมอนสเตอร์ได้ ตอนนี้ฉันค่อนข้างชินกับออร่า ฉันคิดว่าฉันสามารถจัดการบอสชั้น 10 ได้แล้ว”

 

แบ ฮุรยองปิดปากของเขาไปครู่หนึ่ง

 

เขามองมาที่ฉันอย่างโกรธเกี้ยว

 

– คิม กงจา มือใหม่เดี๋ยวนี้หยิ่งผยองเกินไปหรือเปล่า?

 

“ไม่เลย”

 

ในโลกของเราไม่มีใครประสบความสำเร็จในการผ่านชั้น 10 มาเป็นเวลาหลายปี เนื่องจากฉันกล้าที่จะพูดว่าฉันจะเคลียร์พื้นที่ที่มีความยากสูงนั้นออกไป แบ ฮุรยองก็เลยกังวลเกี่ยวกับตัวฉัน

 

“ฉันมั่นใจจริงๆ”

 

แต่ฉันเชื่อจริงๆว่าฉันทำได้

 

ไม่ ฉันแน่ใจ

 

“ถ้าฉันไม่สามารถทำได้ด้วย 2 เหรียญฉันจะเรียกนายว่าอาจารย์”

 

– โอ้? 2 เหรียญ?

 

แบ ฮุรยองดูยั่วยวนกับข้อเสนอ

 

– คนที่ใช้เหรียญ 6 เหรียญไปกับบอสก็อบลินจะเอาชนะบอสชั้น 10 ด้วยเหรียญแค่ 2 เหรียญ? จริงๆเหรอ? นายคงไม่รู้ แต่ฉันไม่ปล่อยให้คนอื่นมาเดิมพันได้ง่ายๆหรอก

 

“แต่! ฉันมีเงื่อนไข”

 

– หืม?

 

ฉันยกนิ้วชี้ขึ้น

 

“นายต้องบอกฉันว่าบอสชั้น 10 มีสกิลแบบไหนโดยไม่ต้องปิดบังอะไรเลย นายโกหกเรื่องนี้ไม่ได้ หลอกฉันให้หยิบการ์ดผิดใบก็ไม่ได้เช่นกัน”

 

– หืม ฟังดูง่ายพอตัว

 

“และยังมี!”

 

ฉันยิ้ม

 

“และถ้าฉันชนะให้เรียกฉันว่าท่านกงจา อย่างสุภาพที่สุด และด้วยความเคารพ”

 

– …..

 

“ทำไม? กลัวเหรอ? ฮ่า ถ้านายกลัวก็ถอนตัวสิ”

 

ปึ้ด

 

การแสดงออกที่คนพาลเกลียดมากที่สุดน่าจะเป็น ‘กลัวเหรอ?’ และแบ ฮุรยองไม่ใช่คนพาลธรรมดา เขาเป็นคนพาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้ปีนชั้น 99

 

กล้ามเนื้อใบหน้าของเขากระตุก

 

-ถุ้ย! มือใหม่คนนี้กำลังล้อเลียนจักรพรรดิดาบผู้ยิ่งใหญ่เพียงเพราะเขามีสกิลโกงๆ? โฮ่โฮ่โฮ มาเดิมพันกันเลย!

 

“ดีล”

 

-ดีล! คิมซอมบี้ นายจะปราบบอสชั้น 10 ไม่ได้และต้องเรียกฉันว่าอาจารย์จนกว่านายจะตาย อา! แต่เนื่องจากนายไม่สามารถตายได้ นายก็คงต้องพูดอาจารย์ไปตลอดชีวิตล่ะนะ

 

“นายมีสกิลสติหลอนด้วยหรอ? เตรียมพร้อมที่จะรับใช้ท่านกงจาซะดีๆ”

 

– ฮิฮี่ฮี่

 

“คิฮีฮี่”

 

เราทั้งสองจ้องหน้ากันและหัวเราะอย่างชั่วร้าย

 

ฮันเตอร์ที่ออกล่าก็อบลินจากที่ไกลๆต่างกระซิบกัน

 

“เฮ้ คนนั้นยังคงพูดกับตัวเองตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”

 

“และตอนนี้เขาก็ยังหัวเราะกับตัวเอง เขามีปัญหาทางจิตหรือเปล่า?”

 

“ชู่! เขาอาจจะมองมาทางนี้ แกล้งทำเป็นว่าพวกเราไม่เห็นแล้วกันำำ แกล้งทำ”

 

“…”

 

…ตอนนี้ฉันคงต้องลดการพูดคุยกับตัวเองลงบ้าง

 

ฉันปิดปากอย่างใจเย็นและมุ่งหน้าไปที่ชั้น 10

 

แตกต่างจากพื้นที่ล่ามอนชั้นอื่นๆ มีคนเฝ้าประตูอยู่หน้าห้องบอสชั้น 10

 

คนที่ส่งมาจากสมาคมฮันเตอร์ขมวดคิ้วฟังสิ่งที่ฉันพูด

 

“คุณอยากลองไปที่ห้องบอสด้วยตัวคนเดียว?”

 

“ใช่”

 

มันใช้เวลาเพียงสองวินาทีใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเหมือนเขากำลังถามว่า “ไอ้บ้านี่เป็นใคร?”

 

“อืม ฉันไม่รู้ว่าครั้งที่แล้วคุณเห็นข่าวหรือเปล่า…สมาชิกเกียรติยศ 30 คนจากกิลด์มังกรดำพร้อมกับแรงเกอร์อันดับสูง 4 คน แต่พวกเขาล้มเหลว การล่าด้วยตัวคนเดียวเป็นการฆ่าตัวตายนะ”

 

“แล้วไง”

 

ฉันมั่นใจ

 

“การส่งฮันเตอร์ไปโจมตีเป็นกฎของสมาคม”

 

“นั่นเป็นเรื่องจริง แต่…”

 

เขามีสีหน้าหนักใจ

 

“ขอโทษด้วย แต่ฉันเขียนชื่อฮันเตอร์ทุกคนที่เข้ามาที่นี่ เจ้านายของฉันอาจจะดูสิ่งนี้…และฉันจะกลายเป็นคนเลวที่ปล่อยให้ฮันเตอร์ตาย โปรดพิจารณาสถานการณ์ของฉันด้วย”

 

“อืม”

 

ฉันควรทำอย่างไรดี? ฉันลูบคางอย่างใจเย็น

 

-อะไรนะ? สมาคมฮันเตอร์? เราไม่เคยมีอะไรพวกนั้นในโลกของฉัน!

 

ฉันตั้งใจจะบอกว่าฉันเป็นคนเดียวที่ใจเย็น

 

– ไอ้โง่พวกนี้! ฉันไม่ชอบวิธีการที่พวกเขาระบบการเมืองห่าเหวนั่นอย่างในการสร้างกิลด์และสมาคมต่างๆ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขายังคงนั่งขอทานอยู่บนชั้น 10 นั่น! เฮ้ คิมซอมบี้! เพียงแค่จัดการผู้ชายคนนี้และเข้าไปในห้องบอสซะ

 

‘ทำไมฉันต้องทุบตีคนบริสุทธิ์ล่ะ?’

 

– เขากล้าขวางทางนายไง

 

เขาไม่ได้เป็นแค่โรคจิต แต่ยังเป็นยุงด้วย

 

“คุณผู้ดูแลประตู”

 

ฉันสอดมือเข้าไปข้างในแล้วล้วงกระเป๋าออกมา

 

“ผมเห็นแล้วว่าคุณทำงานหนัก คุณพูดถูก การที่ผมพยายามลองเข้าไปตัวคนเดียวเป็นเพียงแผนการฆ่าตัวตาย แต่…ผมอยากจะฆ่าตัวตายจริงๆ”

 

“ว่าไงนะ?”

 

“ช่วงนี้ผมเหนื่อยล้ามาก…”

 

ฉันยิ้มอย่างขมขื่น

 

“แฟนของผมเสียชีวิตเมื่อ 1 ปีก่อน เมื่อไม่นานมานี้ ปราสาทแปรธาตุบอกว่าผมป่วยเป็นโรคร้ายแรง แม้ว่าผมจะมีชีวิตอยู่ แต่มันก็แค่ครึ่งปีและผมก็ไม่มีความมั่นใจที่จะอดทนผ่านครึ่งปีนั้นโดยไม่มีแฟนอยู่เคียงข้างได้”

 

“อา…”

 

 

-อะไรนะ?

 

แบ ฮุรยองทำหน้าบิดเบี้ยว

 

– ไอ้เจ้าซอมบี้นี่มันพูดบ้าอะไรกันวะ?

 

ฉันไม่สนใจเขา และฉันยังคงกระซิบกับคนเฝ้าประตู

 

“แต่ถึงผมจะเป็นคนต่ำต้อย แต่ผมก็ยังเป็นฉันเตอร์ ผมไม่อยากเข้าโรงพยาบาลของปราสาทแปรธาตุเพียงเพราะสงสัยว่าจะตายเมื่อไหร่ แม้ว่าผมจะตาย…ผมก็อยากจะท้าทายมอนสเตอร์จนถึงตอนสุดท้าย”

 

“คุณมีเรื่องแบบนั้น…”

 

เขาใช้ใบหน้าที่สงสารมองมาที่ฉัน คุณก็รู้ ใบหน้าที่ผู้คนทำเมื่อพวกเขาฟังความโชคร้ายของผู้อื่น

 

“นี่คือเงินที่ผมเก็บมาจากการต่อสู้”

 

ฉันยื่นกระเป๋าให้คนเฝ้าประตู ข้างในมีทอง 100 เหรียญ

 

“ผมไม่มีอะไรให้ใช้แล้ว…คุณสามารถเอามันไปได้”

 

“ฉัน ฉันไม่สามารถรับเงินนี้ได้!”

 

“ผมอยากจะจากโลกนี้ไปแบบเงียบเชียบ คุณผู้ดูแลประตู และโปรดอย่าจดลงไปว่าผมเคยมาที่นี่ นี่เป็นคำขอสุดท้ายในชีวิตฮันเตอร์ของผม…”

 

ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเหมือนกำลังจะร้องไห้ และความหนักใจเล็กน้อยนั้นน่าจะมาจากถุงเงินนั้น

 

“ …ก็ได้ เข้าไปเถอะ ฉันไม่เห็นอะไรเลย…”

 

– ฮ่า ดูนี่สิ

 

เขารู้สึกงุนงง

 

– เฮ้ พวกนายสองคนกำลังถ่ายหนังหรือยังไง? นี่ไม่ใช่เรื่องตลกใช่ไหม?

 

ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ผู้ดูแลประตูให้ฉันเข้าไป

 

ฉันลาเขาและเข้าไปข้างใน มันเป็นเส้นทางทำด้วยแผ่นหิน สถานที่ที่บอสชั้น 10 พักอยู่เป็นเหมือนที่อยู่อาศัยที่หรูหราของตระกูลขุนนางเก่า ฉันเดินไปตามทางที่ปูด้วยแผ่นหิน

 

‘ชั้น 10 จักรพรรดิเพลิงยู ซูฮาเคลียร์ได้แล้ว’

 

ฉันยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่

 

ฉันค่อยๆผลักประตูให้เปิดออก

 

‘ครั้งนี้แตกต่างออกไป แทนที่จะเป็นจักรพรรดิเพลิง…ไม่’

 

แอ๊ด

 

ประตูเปิดออกเสียงดังสนั่น

 

‘ฉันจะเขียนตำนานที่เพ้อฝันกว่าจักรพรรดิเพลิงเสียอีก’

 

ฉันก้าวไปข้างหน้า

 

และมันก็เริ่มขึ้น

 

– ฮ่าฮะฮะฮะฮะ!

 

ฉันได้ยินเสียงหัวเราะจากรอบๆตัวฉัน ในขณะเดียวกันประตูที่ฉันเคยเข้ามาก็ปิดลง ตู้ม! ในทันใดนั้นรอบตัวฉันก็มืดลงและเสียงหัวเราะที่ทำให้ตัวสั่นก็ดังขึ้น

 

เทียนริบหรี่ลงทีละแท่ง

 

– คุณจะเล่นกับฉันไหม?

 

ที่นี่และที่นั่น เทียนวูบวาบแม้ว่าจะไม่มีใครแตะต้องมัน ที่ที่เทียนถูกจุดก็มีตุ๊กตา ตุ๊กตาตัวเล็กที่เด็กๆมักเล่นด้วย

 

– คุณจะเล่นกับพวกเราไหม?

 

ตุ๊กตาพูด

 

– วิ่งไล่จับ? เกมดอกไม้บาน*? ซ่อนหา?

 

– เล่นซ่อนหากันเถอะ!

 

– ไปกันเถอะ! เล่นกับเรา! เล่นซ่อนหากับเรา!

 

-ฮ่าๆๆๆ!

 

ฉันพร้อมแล้ว

 

“เอาล่ะ ฉันจะเล่นกับพวกเธอเอง”

 

ออร่าที่ฉันฝึกฝนในร่างกายของฉันพุ่งขึ้นมา

 

เหมือนมันกำลังรอฉันอยู่ เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของฉัน

 

[คุณเข้าสู่ด่านบอสแล้ว]

 

[ผู้ท้าทายคือฮันเตอร์คิม กงจา , 1 คน]

 

[ขอให้โชคสถิตกับท่าน]

 

ด่านที่มนุษยชาติยังไม่สามารถเคลียร์ได้

 

“การเล่นซ่อนหาแห่งคฤหาสน์เพลิงนรก” ได้เริ่มขึ้นแล้ว

 

TL note: การละเล่นชนิดหนึ่งของเกาหลี เกมดอกไม้บานเป็นเกมที่คนหาต้องหันหน้าเข้าหากำแพงจะพูดว่าดอกไม้บานแล้ววิ่งไปแตะคนที่ยังขยับอยู่ ขณะพูดว่าดอกไม้บาน(ซึ่งคนพูดจะพูดเร็วแค่ไหนก็ได้) แล้วหันกลับไปยังมีนขยับอยู่ก็วิ่งไปแตะคนนั้นได้ น่าจะประมาณนี้นะครับเท่าที่อ่านมา

SSS-Class Suicide Hunter – ตอนที่ 15: แกก็มีสกิลเหมือนกัน? (3)

SSS-Class Suicide Hunter – ตอนที่ 15: แกก็มีสกิลเหมือนกัน? (3)

 

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป

 

– ครร…

 

ฝีเท้าของมอนสเตอร์ทำให้เกิดเสียงเหมือนหม้อต้มกำลังเดือด ราชาก็อบลิน หัวหน้าใหญ่ำของชั้น 5 ได้ร่วงหล่น

 

ฉันก้มมองลงไปที่ใบหน้าของราชาก็อบลินด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

 

“คร่อก”

 

มอนสเตอร์ตัวนี้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดามอนสเตอร์ที่ฉันพบในสัปดาห์นี้ อ่า ฉันตายไปกี่ครั้งเพื่อจัดการมอนสเตอร์ตัวนี้? ฉันร่ำลาราชาก็อบลินไปด้วยความตั้งใจที่จะเช่นเดียวกับำร่ำลานักรบฝ่ายศัตรูที่กล้าหาญ…

 

– หยุดพล่ามกับตัวเองสักที ไอ้เจ้าซอมบี้โรคจิต

 

“อา ให้ตายเถอะ ฉันแทบจะล่ามันไม่ได้ด้วยซ้ำหลังจากผ่านไป 6 เหรียญ นายปล่อยให้ฉันดูมันเงียบๆไม่ได้หรือไง?”

 

6 เหรียญหมายความว่าฉันได้วาง 6 ชีวิตไว้บนเส้นด้าย ตอนนี้ฉันอยู่ที่เหรียญที่ 6 ดังนั้นมันจึงหมายถึงว่าฉันเคยตาย 5 ครั้งเพื่อล้มราชาก็อบลินตัวนี้

 

แบ ฮุรยองพ่นลมหายใจ

 

– นายมันโรคจิต นายเอาแต่เหม่อแบบนั้นหลังจากจัดการมอนสเตอร์ ฉันพูดความจริงล้วนๆ

 

“ว้าว ฉันเข้าใจแล้ว บุคลิกของจักรพรรดิดาบของเราดีสุดๆ”

 

คุณอาจจะบอกได้จากบทสนทนาของเรา แต่ตอนนี้ฉันชินกับออร่าแล้ว เวลายังคงไหลช้าลงเพราะผลจากยาอายุวัฒนะ

 

เพียงแค่ว่าฉันพูดได้เร็วกว่าปกติมากโดยการรวมออร่าไว้ที่ลิ้นของฉัน

 

“คร่อก”

 

แม้ว่ามันจะไม่ใช่ชัยชนะที่เถรตรง มันก็เป็นชัยชนะที่ฉันใช้อุบายสกปรกเพื่อให้ได้มา

 

ฉันดึงการ์ดสีอึออกมาและตรวจดู

 

+

 

[ก็อบลินชนชั้นสูง]

 

อันดับ: F

 

เอฟเฟค: ราชาก็อบลินหลงอยู่ในความคิด ‘ระดับวัฒนธรรมสำหรับพวกเราก็อบลินต่ำเกินไป ภาษาทั้งหมดลงท้ายด้วยเคี๊ยก เคี๊ยก ฉันไม่สามารถแสดงศักดิ์ศรีของฉันด้วยของแบบนี้!’ จากนั้นความคิดอัจฉริยะของราชาก็อบลินเปล่งประกาย ‘ใช่! จากนี้ไปฉันจะพูดด้วยคร่อก ไม่ใช่เคี๊ยก  คร่อก! เป็นการออกเสียงที่เหมาะกับราชาผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ’

 

※อย่างไรก็ตามการต่อสู้ภายในเผ่ากลับรุนแรงขึ้น

 

※เป็นสกิลที่คัดลอกมาจากมอนสเตอร์ราชาก็อบลินผู้ยิ่งใหญ่

 

+

 

ฉันเดาะลิ้นของฉัน

 

“ก็อบลินกังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่สุด เคี๊ยกกับคร่อก โดยพื้นฐานแล้วมันเหมือนกัน”

 

– นั่นคือเหตุผลที่พวกมันเป็นก็อบลิน มนุษย์ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากนี้เหมือนกัน

 

“อะไรนะ?”

 

– ฉันกำลังพูดกับตัวเองอยู่

 

เมื่อฉันกำลังจะถามเขาว่าเขาหมายถึงอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวของฉัน

 

[การคงอยู่ของคุณชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ]

 

มันเป็นเสียงที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน

 

อย่างไรก็ตามฉันรู้ว่ามันหมายถึงอะไร ผู้เล่นนับไม่ถ้วนได้เป็นพยานและยังอัดวิดีโอของตัวเองเกี่ยวกับสิ่งนี้

 

“ในที่สุด!”

 

มันคือการเลเวลอัพ!

 

[ระดับของฮันเตอร์คิม กงจากำลังพัฒนา]

 

“อา…”

 

มันสะเทือนอารมณ์ ฉันใช้ชีวิตในฐานะฮันเตอร์คลาส F มาทั้งชีวิต ฉันกังวลว่าฉันจะมีชีวิตอยู่แบบนี้ต่อไป แต่ฉันมีสกิลคัดลอกและสกิลถดถอย และหลังจากผ่านอุปสรรคแห่งความเจ็บปวด…ช่วงเวลาแห่งการเลื่อนระดับก็มาหาฉันในที่สุด

 

[ช่องสกิลของคุณกำลังเพิ่มขึ้น!]

 

[อันดับฮันเตอร์ของคุณตอนนี้คือ คลาส E!]

 

แม้ว่าฉันจะเพียงคลาส E

 

[ขอให้โชคสถิตกับท่าน]

 

วิ้ง!

 

ออร่าสีแดงพุ่งออกมาจากเท้าของฉัน สิ่งที่คล้ายกับของเหลวสีแดงปกคลุมร่างกายของฉัน จากนั้นมันก็เลื่อนกลับลงมาและหายไป

 

– …นั่นอะไร ดอกไม้ไฟเหรอ?

 

แบ ฮุรยองขมวดคิ้วของเขา

 

– หรือเลือดกัน? หืม นั่นดูยากจัง ฉันคิดว่ามันเป็นดอกไม้ไฟหรือไม่ก็เลือด…

 

“นั่นเป็นเพียงอาร์ติแฟคเพิ่มระดับไม่ใช่เหรอ?”

 

– มันไม่ใช่อาร์ติแฟคที่ดูเท่

 

แบ ฮุรยองเกาหลังหัว

 

– มันเป็นคำใบ้

 

“คำใบ้?”

 

– อืม ประเภทของอาร์ติแฟคที่ถูกำเปิดเผยเป็นตัวกำหนด [รูปร่างของออร่า] แม้แต่จักรพรรดิเพลิงที่นายฆ่าไป รูปร่างของผู้ชายคนนั้นน่าจะเป็น [ไฟ]

 

“นายพูดว่าดอกไม้ไฟ”

 

ฉันพยายามที่จะนึกฉากจักรพรรดิฆ่านักบุญหญิงด้วยไฟในสลัม มันไม่ใช่ความทรงจำที่ดีที่จะนึกย้อน แต่ … ดูเหมือนว่ายู ซูฮาจะใช้รูปร่างของออร่าที่เกี่ยวข้องกับไฟ

 

– บาดแผลในจิตใจของฮันเตอร์มักขึ้นอยู่กับรูปร่างของออร่าของพวกเขา

 

บาดแผล

 

-เหตุการณ์สำคัญ ฉาก ความทรงจำ สิ่งที่เปรียบดั่งชีวิตของนายจะปรากฏเป็นรูปร่างของออร่าของตัวนายเอง เหมือนรูปร่างของจิตใต้สำนึก? ไม่จำเป็นต้องเป็นบาดแผลทางลบ แต่โดยทั่วไปแล้วมันเป็นเช่นนั้น

 

“ฉันก็ไม่แน่ใจ”

 

– จากสิ่งที่ฉันบอกได้ นายคือไฟหรือเลือด

 

เมื่อฟังเขาพูด ฉันก็เริ่มที่อยากรู้

 

“ตอนนี้นายควรบอกแล้วว่า… ออร่าของเซียนดาบรูปร่างเป็นยังไง?”

 

-แสงจันทร์

 

แบ ฮุรยองพูดมันออกไปอย่างไม่ตั้งใจ

 

-ตาเฒ่ามาร์คัสเล่าว่าเขาหลงทางในภูเขาเมื่อตอนที่เขายังเด็ก เขาไม่อยากตายเขาจึงปีนขึ้นไปด้านบนยอดเขาและเมื่อถึงจุดสูงสุด ใบไม้ที่ปกคลุมท้องฟ้ายามค่ำคืนก็เริ่มเผยให้เห็นท้องฟ้า เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนเขาก็เห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนสีดำสนิท

 

แสงจันทร์

 

– เขาบอกว่าเขาคิดอะไรบางอย่างเมื่อตอนนั้น ดวงจันทร์ไม่ได้ส่องแสงด้วยตัวเอง แต่ส่องประกายด้วยแสงจากดวงอาทิตย์ แม้แต่ชีวิตของใครบางคนที่อ้าแขนรับมันได้ก็อาจสวยงามกว่านี้ อา ฉันอยากจะเปล่งประกายด้วยการรับแสงเช่นนั้นด้วย

 

“…”

 

– เขาบอกว่ามันน่าจดจำมากพอที่เขาจะเก็บไว้ในใจไปตลอดชีวิต

 

ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ได้ฟังเรื่องราวของเขา

 

“แต่เขาบอกว่ามันเป็นตอนที่เขายังเด็ก”

 

-ช่าย เมื่อตอนเขาอายุ 12

 

“เด็กอายุ 12 ปีจะมีความคิดลึกซึ้งขนาดนั้นได้ยังไง?”

 

แบ ฮูรยองพยักหน้า

 

– นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตาเฒ่ามาร์คัสจึงเป็นคนที่เกิดมาหัวแข็ง ชิชิ ตอนที่ฉันอายุ 12 ฉันคิดแค่ว่าจะเอาชนะพวกอันตพารตรงหน้าได้ยังไง

 

“ไม่อะ ฉันก็ไม่คิดว่านั่น…ปกติเหมือนกัน…”

 

ถ้าเซียนดาบเป็นคนที่เกิดมาหัวแข็ง แล้วแบ ฮุรยองคืออะไร? เกิดมาเพื่อเป็นอันตพาร?

 

– ยังไงก็เถอะ นายคุ้นเคยกับชั้น 5 แล้ว ไปที่ชั้น 6 กันเถอะ

 

“อ่า เกี่ยวกับเรื่องนั้น”

 

ฉันพูด

 

“เราจะตรงไปที่ห้องบอสที่ชั้น 10 ไม่ได้หรอ?”

 

-อะไรนะ?

 

“ฉันรู้ว่าฉันสามารถคัดลอกสกิลของมอนสเตอร์ได้ ตอนนี้ฉันค่อนข้างชินกับออร่า ฉันคิดว่าฉันสามารถจัดการบอสชั้น 10 ได้แล้ว”

 

แบ ฮุรยองปิดปากของเขาไปครู่หนึ่ง

 

เขามองมาที่ฉันอย่างโกรธเกี้ยว

 

– คิม กงจา มือใหม่เดี๋ยวนี้หยิ่งผยองเกินไปหรือเปล่า?

 

“ไม่เลย”

 

ในโลกของเราไม่มีใครประสบความสำเร็จในการผ่านชั้น 10 มาเป็นเวลาหลายปี เนื่องจากฉันกล้าที่จะพูดว่าฉันจะเคลียร์พื้นที่ที่มีความยากสูงนั้นออกไป แบ ฮุรยองก็เลยกังวลเกี่ยวกับตัวฉัน

 

“ฉันมั่นใจจริงๆ”

 

แต่ฉันเชื่อจริงๆว่าฉันทำได้

 

ไม่ ฉันแน่ใจ

 

“ถ้าฉันไม่สามารถทำได้ด้วย 2 เหรียญฉันจะเรียกนายว่าอาจารย์”

 

– โอ้? 2 เหรียญ?

 

แบ ฮุรยองดูยั่วยวนกับข้อเสนอ

 

– คนที่ใช้เหรียญ 6 เหรียญไปกับบอสก็อบลินจะเอาชนะบอสชั้น 10 ด้วยเหรียญแค่ 2 เหรียญ? จริงๆเหรอ? นายคงไม่รู้ แต่ฉันไม่ปล่อยให้คนอื่นมาเดิมพันได้ง่ายๆหรอก

 

“แต่! ฉันมีเงื่อนไข”

 

– หืม?

 

ฉันยกนิ้วชี้ขึ้น

 

“นายต้องบอกฉันว่าบอสชั้น 10 มีสกิลแบบไหนโดยไม่ต้องปิดบังอะไรเลย นายโกหกเรื่องนี้ไม่ได้ หลอกฉันให้หยิบการ์ดผิดใบก็ไม่ได้เช่นกัน”

 

– หืม ฟังดูง่ายพอตัว

 

“และยังมี!”

 

ฉันยิ้ม

 

“และถ้าฉันชนะให้เรียกฉันว่าท่านกงจา อย่างสุภาพที่สุด และด้วยความเคารพ”

 

– …..

 

“ทำไม? กลัวเหรอ? ฮ่า ถ้านายกลัวก็ถอนตัวสิ”

 

ปึ้ด

 

การแสดงออกที่คนพาลเกลียดมากที่สุดน่าจะเป็น ‘กลัวเหรอ?’ และแบ ฮุรยองไม่ใช่คนพาลธรรมดา เขาเป็นคนพาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้ปีนชั้น 99

 

กล้ามเนื้อใบหน้าของเขากระตุก

 

-ถุ้ย! มือใหม่คนนี้กำลังล้อเลียนจักรพรรดิดาบผู้ยิ่งใหญ่เพียงเพราะเขามีสกิลโกงๆ? โฮ่โฮ่โฮ มาเดิมพันกันเลย!

 

“ดีล”

 

-ดีล! คิมซอมบี้ นายจะปราบบอสชั้น 10 ไม่ได้และต้องเรียกฉันว่าอาจารย์จนกว่านายจะตาย อา! แต่เนื่องจากนายไม่สามารถตายได้ นายก็คงต้องพูดอาจารย์ไปตลอดชีวิตล่ะนะ

 

“นายมีสกิลสติหลอนด้วยหรอ? เตรียมพร้อมที่จะรับใช้ท่านกงจาซะดีๆ”

 

– ฮิฮี่ฮี่

 

“คิฮีฮี่”

 

เราทั้งสองจ้องหน้ากันและหัวเราะอย่างชั่วร้าย

 

ฮันเตอร์ที่ออกล่าก็อบลินจากที่ไกลๆต่างกระซิบกัน

 

“เฮ้ คนนั้นยังคงพูดกับตัวเองตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”

 

“และตอนนี้เขาก็ยังหัวเราะกับตัวเอง เขามีปัญหาทางจิตหรือเปล่า?”

 

“ชู่! เขาอาจจะมองมาทางนี้ แกล้งทำเป็นว่าพวกเราไม่เห็นแล้วกันำำ แกล้งทำ”

 

“…”

 

…ตอนนี้ฉันคงต้องลดการพูดคุยกับตัวเองลงบ้าง

 

ฉันปิดปากอย่างใจเย็นและมุ่งหน้าไปที่ชั้น 10

 

แตกต่างจากพื้นที่ล่ามอนชั้นอื่นๆ มีคนเฝ้าประตูอยู่หน้าห้องบอสชั้น 10

 

คนที่ส่งมาจากสมาคมฮันเตอร์ขมวดคิ้วฟังสิ่งที่ฉันพูด

 

“คุณอยากลองไปที่ห้องบอสด้วยตัวคนเดียว?”

 

“ใช่”

 

มันใช้เวลาเพียงสองวินาทีใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเหมือนเขากำลังถามว่า “ไอ้บ้านี่เป็นใคร?”

 

“อืม ฉันไม่รู้ว่าครั้งที่แล้วคุณเห็นข่าวหรือเปล่า…สมาชิกเกียรติยศ 30 คนจากกิลด์มังกรดำพร้อมกับแรงเกอร์อันดับสูง 4 คน แต่พวกเขาล้มเหลว การล่าด้วยตัวคนเดียวเป็นการฆ่าตัวตายนะ”

 

“แล้วไง”

 

ฉันมั่นใจ

 

“การส่งฮันเตอร์ไปโจมตีเป็นกฎของสมาคม”

 

“นั่นเป็นเรื่องจริง แต่…”

 

เขามีสีหน้าหนักใจ

 

“ขอโทษด้วย แต่ฉันเขียนชื่อฮันเตอร์ทุกคนที่เข้ามาที่นี่ เจ้านายของฉันอาจจะดูสิ่งนี้…และฉันจะกลายเป็นคนเลวที่ปล่อยให้ฮันเตอร์ตาย โปรดพิจารณาสถานการณ์ของฉันด้วย”

 

“อืม”

 

ฉันควรทำอย่างไรดี? ฉันลูบคางอย่างใจเย็น

 

-อะไรนะ? สมาคมฮันเตอร์? เราไม่เคยมีอะไรพวกนั้นในโลกของฉัน!

 

ฉันตั้งใจจะบอกว่าฉันเป็นคนเดียวที่ใจเย็น

 

– ไอ้โง่พวกนี้! ฉันไม่ชอบวิธีการที่พวกเขาระบบการเมืองห่าเหวนั่นอย่างในการสร้างกิลด์และสมาคมต่างๆ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขายังคงนั่งขอทานอยู่บนชั้น 10 นั่น! เฮ้ คิมซอมบี้! เพียงแค่จัดการผู้ชายคนนี้และเข้าไปในห้องบอสซะ

 

‘ทำไมฉันต้องทุบตีคนบริสุทธิ์ล่ะ?’

 

– เขากล้าขวางทางนายไง

 

เขาไม่ได้เป็นแค่โรคจิต แต่ยังเป็นยุงด้วย

 

“คุณผู้ดูแลประตู”

 

ฉันสอดมือเข้าไปข้างในแล้วล้วงกระเป๋าออกมา

 

“ผมเห็นแล้วว่าคุณทำงานหนัก คุณพูดถูก การที่ผมพยายามลองเข้าไปตัวคนเดียวเป็นเพียงแผนการฆ่าตัวตาย แต่…ผมอยากจะฆ่าตัวตายจริงๆ”

 

“ว่าไงนะ?”

 

“ช่วงนี้ผมเหนื่อยล้ามาก…”

 

ฉันยิ้มอย่างขมขื่น

 

“แฟนของผมเสียชีวิตเมื่อ 1 ปีก่อน เมื่อไม่นานมานี้ ปราสาทแปรธาตุบอกว่าผมป่วยเป็นโรคร้ายแรง แม้ว่าผมจะมีชีวิตอยู่ แต่มันก็แค่ครึ่งปีและผมก็ไม่มีความมั่นใจที่จะอดทนผ่านครึ่งปีนั้นโดยไม่มีแฟนอยู่เคียงข้างได้”

 

“อา…”

 

 

-อะไรนะ?

 

แบ ฮุรยองทำหน้าบิดเบี้ยว

 

– ไอ้เจ้าซอมบี้นี่มันพูดบ้าอะไรกันวะ?

 

ฉันไม่สนใจเขา และฉันยังคงกระซิบกับคนเฝ้าประตู

 

“แต่ถึงผมจะเป็นคนต่ำต้อย แต่ผมก็ยังเป็นฉันเตอร์ ผมไม่อยากเข้าโรงพยาบาลของปราสาทแปรธาตุเพียงเพราะสงสัยว่าจะตายเมื่อไหร่ แม้ว่าผมจะตาย…ผมก็อยากจะท้าทายมอนสเตอร์จนถึงตอนสุดท้าย”

 

“คุณมีเรื่องแบบนั้น…”

 

เขาใช้ใบหน้าที่สงสารมองมาที่ฉัน คุณก็รู้ ใบหน้าที่ผู้คนทำเมื่อพวกเขาฟังความโชคร้ายของผู้อื่น

 

“นี่คือเงินที่ผมเก็บมาจากการต่อสู้”

 

ฉันยื่นกระเป๋าให้คนเฝ้าประตู ข้างในมีทอง 100 เหรียญ

 

“ผมไม่มีอะไรให้ใช้แล้ว…คุณสามารถเอามันไปได้”

 

“ฉัน ฉันไม่สามารถรับเงินนี้ได้!”

 

“ผมอยากจะจากโลกนี้ไปแบบเงียบเชียบ คุณผู้ดูแลประตู และโปรดอย่าจดลงไปว่าผมเคยมาที่นี่ นี่เป็นคำขอสุดท้ายในชีวิตฮันเตอร์ของผม…”

 

ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเหมือนกำลังจะร้องไห้ และความหนักใจเล็กน้อยนั้นน่าจะมาจากถุงเงินนั้น

 

“ …ก็ได้ เข้าไปเถอะ ฉันไม่เห็นอะไรเลย…”

 

– ฮ่า ดูนี่สิ

 

เขารู้สึกงุนงง

 

– เฮ้ พวกนายสองคนกำลังถ่ายหนังหรือยังไง? นี่ไม่ใช่เรื่องตลกใช่ไหม?

 

ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ผู้ดูแลประตูให้ฉันเข้าไป

 

ฉันลาเขาและเข้าไปข้างใน มันเป็นเส้นทางทำด้วยแผ่นหิน สถานที่ที่บอสชั้น 10 พักอยู่เป็นเหมือนที่อยู่อาศัยที่หรูหราของตระกูลขุนนางเก่า ฉันเดินไปตามทางที่ปูด้วยแผ่นหิน

 

‘ชั้น 10 จักรพรรดิเพลิงยู ซูฮาเคลียร์ได้แล้ว’

 

ฉันยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่

 

ฉันค่อยๆผลักประตูให้เปิดออก

 

‘ครั้งนี้แตกต่างออกไป แทนที่จะเป็นจักรพรรดิเพลิง…ไม่’

 

แอ๊ด

 

ประตูเปิดออกเสียงดังสนั่น

 

‘ฉันจะเขียนตำนานที่เพ้อฝันกว่าจักรพรรดิเพลิงเสียอีก’

 

ฉันก้าวไปข้างหน้า

 

และมันก็เริ่มขึ้น

 

– ฮ่าฮะฮะฮะฮะ!

 

ฉันได้ยินเสียงหัวเราะจากรอบๆตัวฉัน ในขณะเดียวกันประตูที่ฉันเคยเข้ามาก็ปิดลง ตู้ม! ในทันใดนั้นรอบตัวฉันก็มืดลงและเสียงหัวเราะที่ทำให้ตัวสั่นก็ดังขึ้น

 

เทียนริบหรี่ลงทีละแท่ง

 

– คุณจะเล่นกับฉันไหม?

 

ที่นี่และที่นั่น เทียนวูบวาบแม้ว่าจะไม่มีใครแตะต้องมัน ที่ที่เทียนถูกจุดก็มีตุ๊กตา ตุ๊กตาตัวเล็กที่เด็กๆมักเล่นด้วย

 

– คุณจะเล่นกับพวกเราไหม?

 

ตุ๊กตาพูด

 

– วิ่งไล่จับ? เกมดอกไม้บาน*? ซ่อนหา?

 

– เล่นซ่อนหากันเถอะ!

 

– ไปกันเถอะ! เล่นกับเรา! เล่นซ่อนหากับเรา!

 

-ฮ่าๆๆๆ!

 

ฉันพร้อมแล้ว

 

“เอาล่ะ ฉันจะเล่นกับพวกเธอเอง”

 

ออร่าที่ฉันฝึกฝนในร่างกายของฉันพุ่งขึ้นมา

 

เหมือนมันกำลังรอฉันอยู่ เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของฉัน

 

[คุณเข้าสู่ด่านบอสแล้ว]

 

[ผู้ท้าทายคือฮันเตอร์คิม กงจา , 1 คน]

 

[ขอให้โชคสถิตกับท่าน]

 

ด่านที่มนุษยชาติยังไม่สามารถเคลียร์ได้

 

“การเล่นซ่อนหาแห่งคฤหาสน์เพลิงนรก” ได้เริ่มขึ้นแล้ว

 

TL note: การละเล่นชนิดหนึ่งของเกาหลี เกมดอกไม้บานเป็นเกมที่คนหาต้องหันหน้าเข้าหากำแพงจะพูดว่าดอกไม้บานแล้ววิ่งไปแตะคนที่ยังขยับอยู่ ขณะพูดว่าดอกไม้บาน(ซึ่งคนพูดจะพูดเร็วแค่ไหนก็ได้) แล้วหันกลับไปยังมีนขยับอยู่ก็วิ่งไปแตะคนนั้นได้ น่าจะประมาณนี้นะครับเท่าที่อ่านมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset