ในตอนที่พวกเขากำลังจะออกไปจากภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อต จู่ๆหลี่ปิงหยูก็พูดขึ้นว่า “ถ้าเป็นข้า ข้าจะไม่เข้าเมืองในตอนนี้”
“ทำไมกัน?” หานเซิ่นมองหลี่ปิงหยูด้วยความสนใจ
“โอหยางชิวซานถูกฆ่าตายในภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อต” หลี่ปิงหยูพูด
“เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตที่สมบูรณ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาจึงเป็นทายาทคนโปรดของตระกูลโอหยาง ตระกูลโอหยางไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ”
“เจ้าจะบอกว่าตระกูลโอหยางจะมาเอาโทษกับพวกเราอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม
“ใครสักคนต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้” หลี่ปิงหยูพูด
“บางทีตระกูลโอหยางอาจจะไม่กล้าทำอะไรกับพีชฟูล แต่กับคนอื่นๆมันบอกได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทายาทคนสำคัญที่สุดของพวกเขาตายไป พวกเราต้องทำบางสิ่งที่เพื่อระบายความโกรธ”
“พวกเราไม่ได้มีความบาดหมางอะไรกับโอหยางชิวซาน และพวกเราก็ไม่ได้ล่วงเกินอะไรเขา ทำไมตระกูลของเขาต้องมาเอาเรื่องกับพวกเราด้วย?” หานเซิ่นพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
หลี่ปิงหยูพูดอย่างเย็นชา “ถ้าองค์รัชทายาทถูกฆ่าตาย ทหารองครักษ์ที่รับหน้าที่ปกป้องเขาทั้งหมดก็จะถูกฆ่า เจ้าคิดว่านั่นสมเหตุสมผลไหม?”
หานเซิ่นหัวเราะและพูด “ที่เจ้าพูดมันก็ถูก ถ้าอย่างนั้นเจ้าคิดว่าข้าควรไปที่ไหน?”
“เจ้าจะไปที่ไหนก็ได้ แค่หลีกเลี่ยงเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตก็พอ แต่ในความเห็นของข้า เจ้าควรไปจากดาวดวงนี้ สมาชิกตระกูลโอหยางเป็นแค่ขุนนางของเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อต เมื่อเจ้าออกไปจากดาวดวงนี้แล้ว ตระกูลโอหยางก็จะไม่เป็นภัยต่อเจ้าอีกต่อไป” หลี่ปิงหยูพูด
“เจ้าคิดว่าคนของตระกูลโอหยางแข็งแกร่งยิ่งกว่าบลัดโกสต์สปิริตอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่หลี่ปิงหยูพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ
“ในเรื่องของพลัง ไม่มีใครในตระกูลโอหยางที่แข็งแกร่งกว่าเจ้า แต่ตระกูลโอหยางนั้นเป็นขุนนางของอาณาจักรฉิน ขณะที่เจ้าเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ถ้ามันมีความขัดแย้งเกิดขึ้น ถึงแม้เจ้าจะทำลายตระกูลโอหยางได้ แต่เจ้าก็ต้องเจอกับปัญหามากมายในเขตแดนของอาณาจักรฉิน”
“เจ้าพูดถูก” หานเซิ่นไม่ได้หวาดกลัวตระกูลโอหยาง แต่เขากลัวปัญหาที่จะตามมา
“ถ้าเจ้าต้องการ ข้ามีหนทางที่จะส่งเจ้าไปที่ดาวอีกดวงอย่างปลอดภัย” หลี่ปิงหยูพูด
หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นพูดขึ้นว่า “ขอบคุณมาก แต่ก่อนหน้านั้นข้าจำเป็นต้องไปพบกับมิสเตอร์หยางก่อน”
“นั่นไม่ใช่เรื่องยากอะไร ถ้าเขาอยู่ในเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อต ข้าไปขอให้เขาออกมาพบกับเจ้าได้ แต่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้าว่าเขาต้องการจะออกมาพบกับเจ้าหรือไม่”
“เจ้าพยายามจะบอกอะไร?” หานเซิ่นถาม
หลี่ปิงหยูมองไปที่หานเซิ่นและพูด “สำหรับคนปกติ ถ้าพวกเขาต้องเลือกระหว่างเจ้ากับเจ้าเมืองดราก้อนซอง พวกเขาก็คงจะเลือกเจ้าเมืองดราก้อนซองอย่างไม่ลังเล ถ้าเป็นแบบนั้นเจ้าจะทำยังไง?”
“ไม่ว่ายังไง เจ้าต้องพาเขามาพบกับข้าให้ได้ ไม่อย่างนั้นข้าก็จะเข้าไปในเมืองเพื่อหาเขาด้วยตัวเอง” หานเซิ่นพูด
มิสเตอร์หยางรู้ว่าหานเซิ่นออกมาจากไข่ยีน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องทำความเข้าใจ หานเซิ่นจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะพามิสเตอร์หยางมาพบกับเจ้า” หลี่ปิงหยูพูด หลังจากนั้นเธอก็กลายเป็นควันและหายตัวไป
หลี่ปิงหยูเป็นคนที่มีประสิทธิภาพมากๆ แม้แต่หานเซิ่นก็ยังรู้สึกประหลาดใจ เธอใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวันก่อนที่จะพามิสเตอร์หยางมาพบกับหานเซิ่น
“นายท่าน นายท่านปลอดภัยดีใช่ไหม?” มิสเตอร์หยางดีใจที่ได้เห็นหานเซิ่น
“ข้ามีแผนที่จะออกไปจากดาวแอนเชี่ยนท์ก็อต เจ้าจะติดตามข้าไปหรือเจ้าจะอยู่ที่นี่?” หานเซิ่นมองไปที่มิสเตอร์หยางและถาม
“ข้าบอกนายท่านแล้วว่าข้าจะติดตามนายท่านไปจนถึงจุดจบของโลกใบนี้”
มิสเตอร์หยางรีบพูด “ดังนั้นไม่ว่านายท่านจะไปที่ไหน ข้าก็จะไปด้วย”
“ถ้าอย่างนั้น โกสต์คิลล์ เจ้าช่วยจัดการให้กับพวกเราที” หานเซิ่นหันไปมองหลี่ปิงหยูขณะที่พูด
“นั่นไม่มีปัญหา พวกเจ้าต้องการไปที่ไหน?” หลี่ปิงหยูดีใจ เธอคิดในใจว่า ‘ถ้าเขาต้องการไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรฉิน เราก็จะได้เข้าใกล้รัชทายาทฉินไป๋’
“พวกเราจะไปที่ดาวตูริน” หานเซิ่นพูด
“ได้เลย” เมื่อได้ยินว่าหานเซิ่นไม่ได้ต้องการไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรฉิน หลี่ปิงหยูก็รู้สึกผิดหวัง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ตอบตกลงโดยที่ไม่ได้พูดอะไรมาก
หานเซิ่นไม่ได้ตัดสินใจไปที่ดาวตูรินอย่างมั่วๆ ตำนานบอกว่าราชาผู้ก่อตั้งอาณาจักรฉินนั้นกำเนิดที่ดาวตูริน มันจึงเป็นบ้านเกิดของฉินซิว
เนื่องจากฉินซิวและฉินหว่านเอ๋อถูกบอกว่ากำเนิดที่นั่น หานเซิ่นจึงคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะไปดู เขาหวังว่าจะพบเบาะแสบางอย่างที่นั่น
หานเซิ่นและมิสเตอร์หยางออกเดินทางไปสู่อวกาศโดยยานอวกาศที่หลี่ปิงหยูจัดเตรียมให้กับพวกเขา การเดินทางในอวกาศนั้นใช้เวลานาน หานเซิ่นจึงใช้โอกาสนั้นเพื่อค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เขาพยายามที่จะทำความเข้าเนื้อหาในสมุดบันทึก
หลังจากการค้นหาข้อมูลอย่างละเอียด ข้อมูลที่หานเซิ่นได้เรียนรู้ก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจ
ฉินซิวผนึกร่างกายของฉินหว่านเอ๋อเอาไว้ในโลงศพลึกลับเพื่อเก็บรักษาร่างกายของเธอไม่ให้เน่าเปื่อย หลังจากนั้นเขาก็รอคอยโอกาสที่จะชุบชีวิตของเธอ
เจ้าหน้าที่คนสำคัญของอาณาจักรฉินที่ชื่อไป๋ม่อได้รับคำสั่งจากฉินซิวให้ตามหาวิธีที่จะชุบชีวิตคนที่ตายไปแล้วขึ้นมา เขาต้องการนำฉินหว่านเอ๋อกลับมาจากความตาย
ไป๋ม่อพยายามทุกวิถีทาง แต่ไม่มีวิธีไหนที่ได้ผล ในตอนสุดท้ายเขาก็ไปพบกับข้อมูลบางอย่างเข้าโดยบังเอิญ มันมีข้อมูลที่มาจากโบราณสถานในออริจินอลสตาร์ หลายสิ่งที่ถูกบันทึกเอาไว้นั้นเป็นอะไรที่น่าประหลาดและยากจะเชื่อได้
แต่ทว่าหลังจากการวิจัยของไป๋ม่อ สิ่งที่แทบไม่มีใครเชื่อนั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงๆ
ในสมุดบันทึกนั้นไม่ได้บอกว่ามันคืออะไร แต่มันมีประโยคหนึ่งที่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกสนใจ
ความตายเป็นแค่การเริ่มต้นอีกครั้ง ไป๋ม่อต้องตื่นเต้นมากๆในตอนที่เขาเขียนประโยคนั้นลงไป ลายมือของเขาดูแตกต่างไปจากปกติ มันดูเหมือนกับว่าเขาเขียนมันอย่างเร่งรีบ มันง่ายที่จะบอกว่าเขากำลังตื่นเต้นอย่างมาก
ประโยคนั้นเป็นบางสิ่งที่คนอื่นไม่เข้าใจความหมาย แต่ในตอนที่หานเซิ่นเห็นประโยคนั้น เขาก็รู้สึกมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตัวเอง
เนื้อหาที่อยู่ด้านหลังประโยคนั้นพยายามจะอธิบายความหมายของมัน ซึ่งบอกถึงเรื่องที่พลังงานเป็นสิ่งถาวร มันแค่จะปรากฎในรูปร่างที่แตกต่างออกไปเท่านั้น
มนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่างๆของจักรวาลเป็นพลังงาน พวกมันจะไม่หายไปจากจักรวาล ในตอนที่มนุษย์คนหนึ่งตายไป พวกเขาก็ยังคงอยู่ต่อไปในอีกรูปร่างหนึ่ง
จากการวิจัยของไป๋ม่อ หลังจากที่มนุษย์ตาย พวกเขาจะกำเนิดใหม่ในอีกโลกหนึ่ง และถ้าพวกเขาตายในอีกโลก พวกเขาจะกำเนิดในจักรวาลนี้
ไป๋ม่อเรียกกระบวนการแลกเปลี่ยนพลังงานนี้ว่า ‘การกลับชาติมาเกิดใหม่’ ไม่รู้ว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือไม่ แต่ไป๋ม่อเรียกอีกโลกหนึ่งว่าโลกปฏิสสาร
เนื่องจากสิ่งมีชีวิตจากโลกหนึ่งจะถูกทำลายหากพยายามข้ามไปสู่อีกโลก มันทำให้ทั้งสองโลกต่างเชื่อว่าอีกโลกหนึ่งนั้นคือโลกปฏิสสาร
นี่ตรงกับข้อสันนิษฐานของหานเซิ่น แต่มันมีบางสิ่งที่หานเซิ่นยังคงไม่เข้าใจ ซึ่งก็คือบทบาทของเทพสปิริตในทั้งสองโลก
เนื้อหาส่วนท้ายนั้นทำให้หานเซิ่นตกใจยิ่งกว่าเดิม มันเป็นบันทึกเกี่ยวกับการวิจัยฝ่ายอำนาจเก่าของไป๋ม่อ เขาค้นพบว่าฝ่ายอำนาจเก่านี้มีวัตถุโบราณอย่างหนึ่งที่สามารถเปิดเส้นทางเพื่อเชื่อมต่อระหว่างทั้งสองโลก
“คริสตัลสีดำ!” หานเซิ่นเห็นวัตถุโบราณในสมุดบันทึกที่มีรูปร่างเหมือนกับคริสตัลสีดำ มันเป็นคริสตัลสีดำเดียวกันกับที่เขาเห็นบนกำแพงของถ้ำ