Super God Gene – ตอนที่ 3054 ลิงขนสีม่วง

ใบมีดสายลมบินออกมาจากป่าและตัดต้นไม้ที่อยู่รอบๆจนกลายเป็นพื้นที่โล่ง

 

มันทำให้หานเซิ่นและคนอื่นๆมองเห็นสถานการณ์ได้อย่างชัดเจน ใบมีดสายลมเหล่านั้นถูกปล่อยออกมาโดยโอหยางชิวซาน สถานการณ์ของชายหนุ่มคนนั้นเลวร้ายมากๆ

 

โอหยางชิวซานคุกเข่าลงไปกับพื้น ขณะที่มือของเขาถูกยกขึ้น ใบมีดสายลมยังคงถูกปล่อยออกไป แต่มันมีเงาสีม่วงอยู่ด้านหลังของเขาและมันกำลังจับตัวเขาเอาไว้ แขนที่เต็มไปด้วยขนสีม่วงนั้นเอื้อมผ่านรักแร้ของโอหยางชิวซานเพื่อจับที่คอของเขา มันทำให้โอหยางชิวซานต้องยกมือของเขาขึ้น

 

สัตว์ประหลาดขนสีม่วงนั้นเป็นเหมือนกับผี มันจับตัวโอหยางชิวซานและใช้เขี้ยวกัดที่ด้านหลังหัวของเขา ใบหน้าที่น่ากลัวของมันดูเหมือนกับว่ากำลังจะดูดน้ำสมองของโอหยางชิวซาน

 

ไม่มีใครเคยเห็นบลัดโกสต์สปิริตมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับลิงขนสีม่วงนี้ใช่บลัดโกสต์สปิริตหรือไม่

 

โชคดีที่โอหยางชิวซานรวมร่างกับยีนเรซวินด์วิงด์สเนค ซึ่งเป็นยีนเรซระดับเทพเจ้า ร่างกายของเขาจึงมีเกล็ดงูสีเขียวที่แข็งแรงมากๆ ถ้าเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับคนอื่น พวกเขาก็คงจะมีจุดจบเหมือนอย่างลุงเก้าที่ถูกดูดจนแค่เหลือหนังเท่านั้น

 

พีชฟูลรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าโอหยางชิวซานนั้นยังมีชีวิตอยู่ ร่างกายของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นเสือดาว หลังจากนั้นเธอก็ส่งกรงเล็บที่คมเหมือนกับใบมีดที่ห่อหุ้มด้วยเปลวไฟออกไปใส่ยีนเรซขนสีม่วง

 

ก่อนหน้านี้ทุกคนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบลัดโกสต์สปิริต ดังนั้นเมื่อได้ยินเกี่ยวกับตำนานของมัน พวกเขาจึงรู้สึกหวาดกลัว แต่ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่ายีนเรซตัวนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเอาไว้

 

มันมีความสูงแค่สามฟุตเท่านั้น ร่างกายของมันมีขนปุกปุยสีม่วงที่ดูเป็นประกาย นอกจากเขี้ยวที่ดูน่ากลัวนิดหน่อยแล้ว ตัวของมันก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดน่ากลัวอะไร ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้เห็นมัน ความกลัวของพวกเขาจึงลดน้อยลงไป

 

แน่นอนว่าเหตุผลหลักก็เป็นเพราะโอหยางชิวซานไม่ได้ถูกฆ่าตายในทันที มันทำให้พวกเขาสงสัยว่ายีนเรซนี้ใช่บลัดโกสต์สปิริตจริงๆหรือเปล่า ถ้ามันเป็นบลัดโกสต์สปิริตจริงๆ โอหยางชิวซานก็ควรจะถูกดูดจนเหลือแต่หนังในชั่วพริบตา เขาไม่ควรจะยังมีชีวิตอยู่

 

ในเมื่อโอหยางชิวซานยังไม่ถูกฆ่าตาย ผู้คนจึงคิดว่ายีนเรซตัวนี้คงจะไม่ใช่บลัดโกสต์สปิริต ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่ได้หวาดกลัวเหมือนกับก่อนหน้านี้

 

เมื่อเห็นว่าพีชฟูลเริ่มลงมือทำอะไรบางอย่าง คนอื่นๆก็พยายามเข้าไปช่วยเช่นกัน ลิงขนม่วงส่งเสียงร้องประหลาดที่ฟังดูเหมือนกับเสียงร้องไห้ของทารกออกมา ก่อนที่มันจะปล่อยมือออกจากโอหยางชิวซานและกระโดดหนีเข้าไปในป่า

 

“ไอ้ลิงเวรนั่นมันลอบโจมตีข้าจากพุ่มไม้! ข้าจะฆ่ามัน”

หลังจากที่โอหยางชิวซานถูกปล่อยเป็นอิสระ เขาก็โกรธอย่างมาก เขากระพือปีกบนหลังและไล่ตามลิงขนม่วงไป

 

พีชฟูลกัดฟันและสั่งให้ทุกคนไล่ตามไปเช่นกัน

 

จริงๆแล้วเธอไม่ได้สนใจโอหยางชิวซาน แต่เนื่องจากโดยปกติแล้วยีนเรซนั้นมีนิสัยอาฆาต ถ้ามีใครมาทำให้มันโกรธ ยีนเรซก็จะจดจำเรื่องนั้นไปจนวันตาย ถึงแม้มันจะไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายเพื่อแก้แค้นได้ มันก็จะยังพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อทำร้ายศัตรูของมัน

 

ในเมื่อลิงขนม่วงตัวนี้ไม่น่าใช่บลัดโกสต์สปิริต พวกเขาต้องฆ่ามันให้ตายเพื่อที่มันจะไม่ได้มาเป็นภัยในภายหลัง จ้าวจื่อเย่และคนอื่นๆเองก็เข้าใจในเรื่องนี้ดี ซึ่งเป็นเหตุผลที่พวกเขาทำตามคำสั่งของพีชฟูล ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงไม่สนใจว่าโอหยางชิวซานจะอยู่หรือตาย

 

ถึงโอหยางชิวซานที่รวมร่างกับวินด์วิงด์สเนคจะมีความเร็วเหนือกว่าเจ้าลิงขนม่วง แต่ด้วยความคล่องแคล่วว่องไวของเจ้าลิมขนม่วง มันสามารถใช้ประโยชน์จากต้นไม้และก้อนหินภายในป่าได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนั้นโอหยางชิวซานจึงไล่ตามลิงขนม่วงไม่ทัน

 

เจ้าลิงขนม่วงกระโดดไปเรื่อยๆพร้อมกับส่งเสียงร้องประหลาด มันจะหันกลับมาเป็นครั้งคราวและทำหน้าล้อเลียนโอหยางชิวซาน ซึ่งทำให้เขาโกรธยิ่งกว่าเดิม เขาตัดสินใจว่าจะไม่หยุดไล่จนกว่าเขาจะได้ชีวิตของมัน

 

ไม่มีใครสามารถเทียบความเร็วกับโอหยางชิวซาน ด้วยเหตุนั้นจึงไม่มีใครไล่ตามได้ทัน หานเซิ่นต้องแบกมิสเตอร์หยางไปด้วย ดังนั้นเขาจึงอยู่ท้ายสุดของกลุ่ม แต่เขาก็ไม่ได้มีแผนที่จะนำหน้าสุดอยู่แล้ว

 

ขณะที่มิสเตอร์หยางขี่หลังของหานเซิ่น เขาก็ขมวดคิ้วและพูด

“นายท่าน มันมีบางสิ่งผิดปกติ ดูเหมือนว่าเจ้าลิงตัวนี้กำลังล่อพวกเราไปที่ไหนสักแห่ง”

 

หานเซิ่นพยักหน้า เขารู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาต้องการดูก่อนว่าเจ้าลิงนั้นต้องการจะพาพวกเขาไปที่ไหน

 

หลังจากที่ไล่ตามอยู่สักพัก พวกเขาก็ไปถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง ลิงขนม่วงยังคงกระโดดไปมาและพยายามหนีไปเรื่อยๆ พีชฟูลและจ้าวจื่อเย่เริ่มจะคิดว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ พวกเขาเป็นคนที่มีประสบการณ์ พวกเขาไม่ได้เป็นมือใหม่เหมือนอย่างโอหยางชิวซาน

 

“นายน้อยชิวซาน หยุดแค่นี้เถอะ! อย่าไล่ตามมันไปมากกว่านี้!”

พีชฟูลตะโกนบอกโอหยางชิวซาน ถ้าโอหยางชิวซานที่รวมร่างกับวินด์วิงด์สเนคไม่ได้รวดเร็วแบบนั้น เธอก็คงจะใช้กำลังเพื่อหยุดเขาเอาไว้ แต่ตอนนี้ทั้งหมดที่เธอทำได้ก็คือตะโกนบอกเขา

 

แต่โอหยางชิวซานไม่ฟังคำพูดของเธอ เจ้าลิงขนม่วงนั้นทำให้เขาโกรธจนเขาไม่คิดอะไรอีก เขาต้องการเพียงแค่ไล่ตามเจ้าลิงไปเพื่อฉีกมันเป็นชิ้นๆ เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่พีชฟูลพูด เขากัดฟันและไล่ตามเจ้าลิงขนม่วงต่อไป

 

‘เด็กคนนี้กำลังจะประสบกับเคราะห์ร้าย’ หานเซิ่นคิด

 

จ้าวจื่อเย่หยุดคนของเขาเอาไว้ พวกเขาไม่กล้าจะไล่ตามต่อ ที่พวกเขาอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะพวกเขาไม่ใช่คนที่ทำอะไรบุ่มบ่าม พวกเขารู้ว่าตอนไหนที่ควรไปต่อและตอนไหนที่ควรจะถอยกลับ

 

สีหน้าของพีชฟูลดูแย่ เธอตะโกนด้วยความโมโห

“ชิวซาน ถ้าเจ้ายังไม่ยอมเชื่อฟังข้า! ในตอนที่พวกเรากลับไป ข้าจะไปบอกกับหัวหน้าตระกูลโอหยางเกี่ยวกับความประพฤติของเจ้าในวันนี้”

 

“พี่พีชฟูล เจ้าลิงนั้นมาถึงทางตันเรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานข้าก็จะฆ่ามันได้ ทั้งหมดที่พี่ต้องทำก็คือรอคอยอีกนิดหนึ่ง”

เห็นได้ชัดว่าโอหยางชิวซานไม่ต้องการจะปล่อยมันไป

 

พีชฟูลต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงร้องของโอหยางชิวซานพร้อมๆกับเสียงร้องของอะไรบางอย่าง

 

เสียงร้องที่ฟังดูเหมือนกับเสียงคำรามของเสือดังขึ้นมาจากป่าภายในหุบเขา มันเกือบจะทำลายแก้วหูของทุกคน ทุกคนรู้ว่าเสียงร้องนั้นไม่ได้เป็นของลิงขนม่วง

 

ก่อนที่ทุกคนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเห็นโอหยางชิวซานวิ่งออกมาจากป่าในสภาพที่ย่ำแย่ และมีอสูรสีขาวเหมือนกับหิมะไล่ตามเขาออกมา ความสูงของมันพอๆกับมนุษย์

 

อสูรตัวนั้นดูเหมือนกับเสือ แต่มันไม่ใช่เสือ มันดูเหมือนกับสิงโต แต่มันก็ไม่ใช่สิงโต ขนสีขาวของมันปล่อยไอเย็นออกมา มันดูทรงพลังมากๆ

 

“นั่นมันเจดไลอ้อนคิง! วิ่งหนีเร็วเข้า!” จ้าวจื่อเย่จดจำยีนเรซที่วิ่งออกมาจากป่าตัวนั้นได้ หลังจากที่ตะโกน เขาก็หันกลับหลังเพื่อจะวิ่งหนีไป

 

ทุกคนก็หันไปด้านหลังเช่นเดียวกัน แต่ในตอนที่พวกเขาทำแบบนั้น สีหน้าของพวกเขาก็ซีดไป

 

เจดไลอ้อนปรากฏตัวออกมาจากทุกทิศทาง แม้แต่ทางออกก็ถูกเจดไลอ้อนจำนวนมากขวางเอาไว้ ถึงพวกมันจะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนอย่างเจดไลอ้อนคิง แต่พวกมันทุกตัวก็ถือว่าเป็นยีนเรซที่ทรงพลัง แค่ดูจากออร่า ทุกคนก็สามารถบอกได้ว่าพวกมันไม่ใช่ยีนเรซระดับต่ำ

 

หานเซิ่นมองไปรอบๆและสังเกตเห็นว่ามันมีเจดไล้อนราวๆเจ็ดสิบถึงแปดสิบตัวกำลังล้อมพวกเขาเอาไว้ มีเพียงแค่ลิงขนม่วงที่อยู่ที่ไหนสักแห่งบนกำแพงหินของหุบเขา มันกำลังส่งเสียงร้องประหลาดออกมาราวกับว่ามันกำลังเฉลิมฉลองและเย้ยหยันพวกเขา

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset