“หานเซิ่น ถึงข้าจะไม่อยากฆ่าเจ้า แต่เพื่อหว่านเอ๋อแล้ว ใครก็ตามที่มาหยุดข้าจะต้องตาย ถ้าเจ้ามีคำสั่งเสียอะไร เจ้าควรรีบพูดมันออกมาซะตอนนี้ เพื่อเห็นแก่ที่เจ้าดูแลหว่านเอ๋อ ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่จะมาขวางทางข้า ข้าก็จะทำมันให้กับเจ้า” ฉินซิวมองไปที่หว่านเอ๋อขณะที่พูด
“ข้าต้องการให้เจ้าตาย” พลังในตัวของหานเซิ่นระเบิดออกมา เขาหยุดพยายามที่จะดึงมือกลับ เขาใช้พลังเพื่อดันมันเข้าใส่ฉินซิวแทน
“นั่นเป็นอะไรที่น่าเสียดาย” ฉินซิวพูดพร้อมกับถอนหายใจ เขาปล่อยมือออกจากหานเซิ่น ก่อนที่จะใช้มือตบใส่อกของอีกฝ่าย มันส่งร่างกายของหานเซิ่นกระเด็นออกไป
ปัง!
ร่างกายของหานเซิ่นเป็นเหมือนกับลูกอุกกาบาตที่ไปชนเข้ากับดาวเคราะห์ก่อนที่จะทะลุไปสู่ดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่ง มันเป็นแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขาถูกส่งกระเด็นออกไปไกลแค่ไหน
หลังจากการหายตัวไปของหานเซิ่น ร่างกายของหว่านเอ๋อก็เริ่มเรืองแสงสีทองออกมา เธอเข้าสู่โหมดผมทองและตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล
“พี่ชาย…” หลังจากที่หว่านเอ๋อลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เธอก็คือฉินซิว ถึงแม้เธอจะอยู่ในโหมดผมทอง แต่เธอไม่ได้บ้าคลั่ง เสียงของเธอฟังดูอ่อนหวาน
“หว่านเอ๋อ… รออีกหน่อยนะ… พี่ชายจะพาเจ้ากลับไป…” ฉินซิวลูบผมสีทองของหว่านเอ๋ออย่างอ่อนโยน
“อือ” หว่านเอ๋อพูดพร้อมกับพยักหน้า เธอหลับตาลงและเอนตัวพิงกับอกของฉินซิว
“พระเจ้า วันนี้ไม่มีใครหยุดข้าได้ ยอมแพ้ซะเถอะ…”
ฉินซิวเงยหน้าขึ้นไปมองที่จีโนฮอลล์ ร่างกายของเขาลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีแดง มันบดขยี้แสงของจีโนฮอลล์และทำให้ดูเหมือนว่ามันกำลังจะดับลงไป
ภายใต้พลังที่น่ากลัวของฉินซิว กำแพงของจีโนฮอลล์เริ่มจะมีรอยร้าวเกิดขึ้นมาให้เห็น ทั้งจีโนฮอลล์กำลังจะพังทลาย
ขณะที่จีโนฮอลล์กำลังตกลงมา ทั้งจักรวาลก็ประสบกับหายนะที่เลวร้ายยิ่งกว่า มันไม่ได้ส่งผลกระทบกับแค่สิ่งมีชีวิตธรรมดาอีกต่อไป แม้แต่ยอดฝีมือระดับราชันก็ได้รับผลกระทบไปด้วย มันเหมือนกับว่าจักรวาลกำลังประสบกับบิ๊กแบง
พระเจ้ายืนอยู่หน้าจีโนฮอลล์ แต่เขาไม่สามารถต้านทานพลังของฉินซิวได้ แสงศักดิ์สิทธิ์บนตัวของเขาดูอ่อนลงไปเรื่อยๆ แม้แต่ตะเกียงเผ่าพันธุ์ของจีโนฮอลล์ก็ดูมัวลงไป พวกมันดูเหมือนจะดับลงได้ทุกเมื่อ
สิ่งมีชีวิตมากมายทั่วจักรวาลต้องตาย ใบหน้าของผู้นำปราสาทนภาและยอดฝีมือคนอื่นๆดูซีดเผือก ถึงแม้พวกเขาต้องการจะแก้ไขสถานการณ์ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ พวกเขาแทบจะไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ด้วยซ้ำ ภายใต้แสงของเปลวเพลิงสีแดง ร่างกายของพวกเขานั้นเกือบจะตกลงมาจากระดับเทพเจ้า
“พระเจ้า ยอมแพ้ซะ! ถ้าเจ้าทอดทิ้งจีโนฮอล์และเข้าสิงคนอื่นเพื่อจุติลงไปในจักรวาล เจ้าก็อาจจะรอด” ฉินซิวพูด
“ที่แห่งนี้คือชีวิตของข้า ถ้าชีวิตของข้าไม่อยู่ที่นี่ แบบนั้นแล้วการมีชีวิตอยู่ต่อไปจะมีประโยชน์อะไร?” พระเจ้าพูด
“เจ้าพูดถูก ข้าเองก็คิดแบบนั้น ถ้าชีวิตของเจ้าขวางชีวิตของข้า แบบนั้นข้าก็จำเป็นต้องเอาชีวิตของเจ้า”
ฉินซิวก้าวไปข้างหน้า แสงสีเลือดที่ปกคลุมทั้งท้องฟ้าเคลื่อนไปพร้อมกับเขา มันทำลายหลังคาของจีโนฮอลล์ เสาหินเริ่มแตกร้าว ตะเกียงเผ่าพันธุ์มากมายที่อยู่ภายในเกือบจะดับลงไป จีโนฮอลล์ดูไม่เสถียรราวกับว่ามันสามารถพังทลายได้ทุกเมื่อ
แสงศักดิ์สิทธิ์จากร่างกายพระเจ้านั้นถูกบดขยี้ มันเกือบจะดับลงไป แม้แต่ร่างกายเทพสปิริตของเขาก็กระพริบๆราวกับว่ามันกำลังจะหายไป
ตูม!
มีเสาแห่งแสงพุ่งขึ้นมาจากวิหารพระเจ้าต่างๆที่หลุดออกไปจากปราสาพระเจ้า มันพุ่งผ่านอวกาศและหลอมรวมเข้าไปในจีโนฮอลล์ มันทำให้จีโนฮอลล์ดูสว่างขึ้นอย่างมาก ร่างกายเทพสปิริตของพระเจ้าได้รับแสงจากเทพสปิริตมากมาย เขากลับมาดูสว่างไสวอีกครั้งหนึ่ง
“ถ้าพวกเจ้าอยากตายมากขนาดนั้น พวกเจ้าก็ตายไปพร้อมกันซะ”
ฉินซิวกำลังอุ้มหว่านเอ๋อเอาไว้ขณะที่เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เขาดูเหมือนกับปีศาจที่จุติลงมาบนจีโนฮอลล์
ถึงแม้จะได้รับการสนับสนุนจากเทพสปิริตทุกคน จีโนฮอลล์ก็ยังไม่สามารถต้านทานแรงกดดันของฉินซิวได้ รอยแตกร้าวบนกำแพงของจีโนฮอลล์นั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งจีโนฮอลล์แตกร้าวมากเท่าไหร่ ทั่วทั้งจักรวาลก็เกิดหายนะมากขึ้นเท่านั้น ทั้งแผ่นดินถล่ม ทั้งภูเขาไฟระเบิด ทั้งน้ำท่วม จักรวาลตกอยู่ในความโกลาหล สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนต้องตายไป แต่ท่ามกลางความโกลาหลมันมีภูเขาลูกหนึ่งที่ยังคงเงียบสงบ หายนะทุกอย่างดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบต่อภูเขาเล็กๆนั้น
มันมีบ้านเก่าๆตั้งอยู่บนยอดของภูเขา ด้านหลังบ้านมีสวนที่มีธงผ้าสีขาวปักอยู่ บนธงนั้นมีคำว่าโชคชะตาเขียนเอาไว้
ธงผ้าขาวตอนนี้ถูกย้อมด้วยสีแดง ระหว่างสีแดงและขาว คำว่าโชคชะตานั้นโดดเด่นเป็นพิเศษ
ที่ด้านบนของธงมีร่างกายของคนๆหนึ่งอยู่ มันถูกแทงทะลุโดยเสาของธง เขากำลังนอนด้วยแขนขาที่กางออก เขามองขึ้นไปสู่อวกาศขณะที่เสาธงแทงทะลุร่างกายของเขา เลือดที่ไหลออกจากร่างกายของเขาย้อมธงเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว
คนที่ติดอยู่บนเสาธงคือหานเซิ่นที่กระเด็นมา เขาไม่รู้ว่านี่เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญหรือไม่ แต่เขากระเด็นมาใกล้กับบ้านเก่าๆนั่น ธงที่ปักอยู่ที่สวนหลังบ้านนั้นแทงทะลุผ่านร่างกายของเขา
หานจิงจื่อกำลังยืนอยู่ในสวนหลังบ้านและมองมาที่หานเซิ่น เขาพูด
“จากเถ้าสู่เถ้า จากธุลีสู่ธุลี ลูกหลานของคนอื่นๆใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ใครให้เจ้าเกิดมาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหาน? และถึงเจ้าจะกำเนิดในตระกูลหาน ถ้าเจ้าเป็นแค่สามัญชน เจ้าก็จะมีชีวิตที่ปลอดภัย แต่เจ้าไม่ต้องการมีชีวิตอย่างสามัญชน นี่คือชะตากรรม มันคือสิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้ มันมีความทุกข์ยากมากมายที่เจ้าต้องทน เจ้าต้องทนรับมันทั้งหมด ข้านั้นไร้ประโยชน์ ข้าช่วยชีวิตเจ้าไม่ได้ ข้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้ ทั้งหมดที่ข้าทำได้ก็คือชี้นำเจ้า มันขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเองว่าเจ้าจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเองได้หรือไม่ ผู้คนของตระกูลหานไม่อาจจะพึ่งพาท้องฟ้าและผืนดิน ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับตัวเจ้า ถ้าเจ้าไม่อยากตายและยังคงมีสิ่งที่ต้องการจะทำ ใช้พลังของตัวเองเพื่อลุกขึ้น กลับไปและต่อสู้เพื่อชีวิตของเจ้า”
เลือดจากร่างกายของหานเซิ่นยังคงไหลลงมาบนธงผ้าเรื่อยๆ เลือดของเขาไหลออกมาจนเกือบจะหมดแล้วในตอนนี้
แต่ตอนนี้จิตในของหานเซิ่นกระจ่างแจ้งอย่างน่าประหลาด เขารู้สึกราวกับว่าจิตใจของเขาแยกออกมาจากร่างกาย หานเซิ่นไม่รู้ว่าทำไมจิตใจของเขาถึงกระจ่างแจ้งแบบนั้น แต่มันเป็นความรู้สึกที่สงบอย่างน่าอัศจรรย์ มันเป็นอะไรที่ยากจะอธิบาย
“นี่คือความสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์ที่หานหยี่เฟยพูดถึง?”
ในจังหวะที่หานเซิ่นรู้สึกว่าสงบนิ่ง มันมีพลังลุกโชนขึ้นภายในร่างกายของเขา เปลวเพลิงสีขาวระเบิดออกมาจากทุกเซลล์ของเขา ธงเองก็ลุกไหม้ในไฟสีขาวนั้น มันดูเหมือนกับคบเพลิงที่ถูกจุด
“ข้ารู้อยู่แล้วว่า… นี่ต้องไม่ใช่จุดจบ” ดวงตาของหานจิงจื่อดูเป็นประกาย ทั้งร่างกายของเขาสั่นไหว