ท่ามกลางสายตาของทุกคน ผู้ชายและผู้หญิงเดินเข้าไปหาหานเซิ่นที่กำลังใช้ไลท์ซินเซอร์เพื่อตัดพลังกาลเวลาที่กักขังโกลเด้นโกรวเลอร์ซ้ำๆ เขาไม่สามารถหนีออกจากไทม์ลูปได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำแบบนั้น
“สองคนนี้เป็นใครกัน?” ถึงแม้หานเซิ่นจะติดอยู่ในไทม์ลูป แต่จิตใจของเขาไม่ได้วนลูปไปด้วย เขายังมีสติและรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัว เขารู้สึกแปลกๆเมื่อเห็นผู้ชายและผู้หญิงสองคนเดินมาอยู่ตรงหน้าเขา
เนื่องจากแสงของร่มสีแดง เขาจึงมองไม่เห็นว่าชายและหญิงที่อยู่ใต้ร่มนั้นเป็นใครกันแน่ ซึ่งไม่ใช่แค่หานเซิ่นเท่านั้นที่ต้องการจะรู้คำตอบ ทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาลเองก็อยากจะรู้เช่นเดียวกัน
ในสเปชการ์เด้น หวังอวี่ฮังพูดอย่างเป็นกังวล
“สองคนนั่นผ่านพลังชั่วพริบตาไร้สิ้นสุดเข้าไปได้ นี่หานเซิ่นและคนอื่นๆจะไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ถ้าสองคนนั้นเป็นศัตรู หานเซิ่นและคนอื่นๆก็คงจะตกอยู่ในอันตราย” ควีนพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“พวกเราต้องไปช่วยเขา!” เซี่ยชิงลุกขึ้นและพูดด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ
“อย่าทำแบบนั้น” ราชินีชั่วพริบตาพูดขณะที่เอนตัวพิงขอบประตู
“ถึงเจ้าไปมันก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าจะไปติดอยู่ในไทม์ลูป เจ้าช่วยอะไรไม่ได้”
“แล้วจะยังไง? พวกเราจะไม่ลองพยายามเลยอย่างนั้นหรอ? นี่พวกเราจะนั่งอยู่ที่นี่และมองดูพวกเขาถูกฆ่าตายหรือยังไง?” เซี่ยชิงถาม
“พี่เซียอย่าเพิ่งใจร้อน” ซีโร่พูด
“ราชินีชั่วพริบตาพูดถูก ถ้าพวกเราไปตอนนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร มันมีแต่จะนำพวกเราไปสู่ความตายเท่านั้น”
“นี่ก็ไม่ได้ผล นั่นก็ไม่ได้ผล” หวังอวี่ฮังพูดด้วยสีหน้ารำคาญ
“พวกเราได้แต่มองดูหานเซิ่นถูกฆ่าตายอย่างนั้นหรอ?”
ราชินีชั่วพริบตาพูดอย่างเย็นชา “ไม่มีความจำเป็นที่พวกเจ้าต้องใจร้อน หานเซิ่นและคนอื่นๆจะไม่ตายง่ายๆ ภายในชั่วพริบตาไร้สิ้นสุดนั้นกาลเวลาจะถูกวนซ้ำไปเรื่อยๆ ถึงแม้ผู้ชายและผู้หญิงสองคนนั้นต้องการจะฆ่าพวกเขา หลังจากฆ่าพวกเขาแล้ว พลังชั่วพริบตาไร้สิ้นสุดก็จะทำให้พวกเขาคืนชีพมาอีกครั้ง การจะฆ่าพวกเขาอย่างถาวรมีแต่ต้องทำลายพลังชั่วพริบตาไร้สิ้นสุดเท่านั้น ซึ่งถ้าพลังชั่วพริบตาไร้สิ้นสุดถูกทำลาย หานเซิ่นและดอลลาร์ก็จะกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง ถึงพวกเขาจะสู้ไม่ได้ อย่างน้อยพวกเขาก็จะหนีได้”
“ฉันลืมเรื่องแบบนั้นไปได้ยังไงกัน?” หวังอวี่ฮังดีใจอย่างมาก พวกเขาทุกคนรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ในเมื่อพวกเขาฆ่าหานเซิ่นไม่ได้ แบบนั้นพวกเขาไปที่นั่นทำไมกัน?” ซินเสวียนถามขึ้นมา
ไม่มีใครตอบคำถามนั้น พวกเขาได้แต่มองไปที่วิหารพระเจ้าชั่วพริบตาและดูการเคลื่อนไหวของผู้ชายและผู้หญิงสองคนนั้น
ผู้หญิงชุดแดงยืนอยู่ด้านหลังผู้ชายขณะที่ถือร่มเอาไว้ ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้าหานเซิ่นและตรวจเช็คเขาอย่างละเอียด เขามองหานเซิ่นทำการเคลื่อนไหวและปลดปล่อยพลังของไลท์ซิสเซอร์ซ้ำๆ หลังจากที่ดูอยู่สักพัก ชายคนนั้นก็ยื่นมือออกมาเหนือหัวของหานเซิ่น
มือของชายคนนั้นห่อหุ้มด้วยหมอกสีแดง คนอื่นๆจะเห็นแค่เงาของนิ้วของชายคนนั้นเท่านั้น แต่มันมีออร่าของความแข็งแกร่ง ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกๆ
“เขาต้องการจะทำอะไร?” ผู้นำปราสาทนภาขมวดคิ้วขณะที่มองไปที่มือของชายคนนั้น เขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าชายคนนั้นต้องการจะทำอะไร
“เขาคงจะไม่ได้ต้องการฆ่าหานเซิ่นหรอกใช่ไหม? เพราะถึงเขาจะทำแบบนั้น ด้วยพลังชั่วพริบตาไร้สิ้นสุด หานเซิ่นก็จะถูกชุบชีวิตขึ้นอยู่ดี” ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาสับสน
ความจริงแล้วทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาลที่มองดูอยู่ต่างก็รู้สึกสับสนเช่นเดียวกัน มีเพียงแค่ชายแก่ที่อยู่บนภูเขาเท่านั้นที่แตกต่างออกไป เขามองไปชายคนนั้นด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
“ในที่สุดเขาก็เริ่มเดินก้าวแรก”
ในตอนที่ชายแก่พูดตัวเอง มืออีกข้างนึ่งของชายคนนั้นก็แว็บด้วยแสงที่หนานเย็น เขาเฉือนมือตัวเองที่อยู่เหนือหัวของหานเซิ่น
ทุกคนที่มองดูอยู่รู้สึกตกใจ พวกเขามองไปยังมือที่ได้รับบาดเจ็บอย่างใจจดใจจ่อ พวกเขาไม่แน่ใจว่าชายคนนั้นมีแผนจะทำอะไรกันแน่
เลือดสีฟ้าที่งดงามไหลออกมาจากบาดแผล มันเรืองแสงเหมือนกับคริสตัล มันทั้งแปลกประหลาดและสวยงามที่ได้เห็น
ในตอนที่เห็นสีของเลือด หานเซิ่นก็รู้สึกตกใจ เขาคิด
‘นี่มันกำลังเกิดอะไรขึ้น? เลือดสีฟ้านี้มีออร่าที่เหมือนกับเลือดสีฟ้าของพยุหะโลหิต ไม่สิเลือดสีฟ้านี้ดูจะทรงพลังยิ่งกว่าเลือดสีฟ้าที่เราเคยเห็นซะอีก เขาเป็นใครกัน? จักรพรรดิมนุษย์อย่างนั้นหรอ? เขามาทำอะไรที่นี่? ทำไมเขาต้องทำอะไรแบบนี้?’
ในหัวของหานเซิ่นเต็มไปด้วยคำถาม แต่ไม่มีใครที่จะมอบคำตอบให้กับเขาได้ แถมเขาก็ไม่สามารถถามออกไปได้ เนื่องจากเขายังคงติดอยู่ในไทม์ลูป
“เลือดศักดิ์สิทธิ์” ในตอนที่ผู้นำปราสาทนภาและผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาเห็นเลือดสีฟ้า สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
สิ่งชีวิตจากโบราณทั่วจักรวาลต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกัน พวกเขาทุกคนมีสีหน้าที่เหมือนกับว่าพวกเขากำลังมองเห็นผี
เลือดมีสีฟ้าเหมือนกับคริสตัลถูกปล่อยให้หยดลงไปบนหัวของหานเซิ่น
พลังชั่วพริบตาไร้สิ้นสุดนั้นสามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างวนกลับมาอยู่ที่จุดเริ่มต้น แต่หลังจากที่ถูกย้อนเวลา หัวของหานเซิ่นก็ยังคงถูกย้อมเป็นสีฟ้า มันไม่ได้ถูกกำจัดไปด้วยไทม์ลูป
เลือดสีฟ้าหยดลงมามากขึ้นเรื่อยๆ มันไหลผ่านเส้นผมของหานเซิ่นลงมาบนใบหน้าของเขา ทั้งหัวและลำคอของเขาถูกเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ตอนนี้เลือดเริ่มจะซึมเข้าไปในชุดของเขา ดูเหมือนว่ามันกำลังจะย้อมทั้งตัวของหานเซิ่นให้กลายเป็นสีฟ้า
‘เขาต้องการอะไรกัน? เราไม่ใช่แฟรี่สีฟ้าสักหน่อย ทำไมเขาต้องย้อมร่างกายเราให้เป็นสีฟ้าด้วย?’ มีความคิดหลายอย่างฝุดขึ้นมาในหัวของหานเซิ่น แต่เขาคิดไม่ออกว่าชายคนนั้นต้องการอะไรจากเขา
สิ่งมีชีวิตจากทุกเผ่าพันธุ์อึ้งไป ขณะที่มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมจู่ๆชายคนนี้ถึงปรากฏตัวออกมา และไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องการอะไร
ตูม! ตูม! ตูม!
จากภายในจีโนฮอลล์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของปราสาทพระเจ้า มีเสียงที่ดังลั่นเหมือนกับเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมา และประตูของจีโนก็ค่อยๆเปิดออก
ในตอนที่ประตูของจีโนฮอลล์เปิดออกอย่างสมบูรณ์ แสงสว่างที่อยู่ภายในก็ส่องสว่างออกมา ทุกคนเห็นเพียงแค่เงาลางๆของร่ายกายที่เหมือนกับมนุษย์ เนื่องจากแสงที่สว่างเกินไป จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกรูปลักษณ์ของคนๆนั้น แต่ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม คนๆนั้นสร้างแรงกดดันที่ทุกสิ่งมีชีวิตในทุกซอกทุกมุมของจักรวาลจะสัมผัสได้ มันทำให้ทุกคนที่สัมผัสถึงมันได้หายใจได้ลำบากและต้องการจะคุกเข่าลงไปต่อหน้าคนๆนั้น
“เจ้าจะทำมันจริงๆอย่างนั้นหรอ?” เงาของร่างกายที่ยืนอยู่หน้าประตูมองไปยังชายที่อยู่ในวิหารของพระเจ้าชั่วพริบตา
“เจ้าลองพยายามหยุดข้าดู” ชายคนนั้นพูดอย่างเย็นชา มือของเขายังคงอยู่เหนือหัวหานเซิ่นและปล่อยให้เลือดสีฟ้าหยดลงมาทั่วร่างของหานเซิ่น
“เจ้ากล้าดียังไง” เหล่าเทพสปิริตเกรี้ยวโกรธ วิหารพระเจ้าทั้งหมดระเบิดด้วยแสงแห่งเทพ ออร่าที่น่ากลัวนับไม่ถ้วนถูกปล่อยออกมา มันเหมือนกับว่าเทพสปิริตมากมายกำลังจะออกมาฆ่าชายที่อยู่ใต้ร่มสีแดง
“ถ้าข้าไม่กล้า ข้าจะฆ่าเทพสปิริตทั้งหมดได้ยังไง?”
เสียงของชายคนนั้นสงบเหมือนกับน้ำนิ่ง ในตอนที่เขาพูดออกมา เทพสปิริตมากมายนั้นโกรธยิ่งกว่าเดิม แสงแห่งเทพระเบิดออกมาจากทุกวิหารพระเจ้าเหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ มันเหมือนกับว่าเทพสปิริตทั้งหมดกำลังจะพังวิหารเพื่อออกมา
ทุกสิ่งมีชีวิตของจักรวาลรู้สึกหนาว ขณะที่พวกเขามองดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ถึงแม้ออร่าของเทพสปิริตจะไม่ได้มุ่งเป้ามาที่พวกเขา แต่มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวและต้องการจะหนีไปอยู่ดี
ชายคนนั้นทำเหมือนกับว่าเขาไม่เห็นถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมและปล่อยให้เลือดสีฟ้าหยดลงไปบนตัวของหานเซิ่น