ณ บ้านเก่าๆหลังหนึ่งบนยอดภูเขาที่มีภูเขาอื่นห้อมล้อมอยู่ ฝนที่ตกลงมาสร้างม่านหมอกสีขาวปกคลุมภูเขาเหล่านั้น
Crunch!
ท่ามกลางฝนที่ตกหนัก ประตูของบ้านเก่าๆหลังนั้นถูกเปิดออก เนื่องจากมันเก่ามากๆ ประตูจึงส่งเสียงแหลมออกมา แม้แต่เสียงฝนที่ตกหนักก็ไม่สามารถกลบเสียงของประตูได้
ประตูบานใหญ่ของบ้านเก่าถูกเปิดออก สิ่งแรกที่ปรากฏออกมาให้เห็นคือรองเท้าส้นสูงสีแดงที่ดูสง่างาม ถัดมาเป็นขาที่เรียบเนียนเหมือนกับหยกขาวและชุดกี่เพ้าสีแดง
ผู้หญิงที่สวมใส่ชุดกี่เพ้าสีแดงกำลังถือร่มสีแดงอยู่ในมือ เธอเดินเข้ามาในบ้านเก่าๆด้วยร่างกายที่สะบัดไปมาอย่างยั่วยวน
ผู้หญิงชุดแดงถือร่มสีแดงเดินเข้ามาในลานของบ้าน เธอมองเข้าไปในตัวบ้านและพูดออกมา
“หมอดูเฒ่า นี่เจ้าจะซ่อนตัวไปอีกนานแค่ไหน?”
ประตูที่มีรอยแกะสลักรูปดอกไม้ถูกดันเปิดออก และมีชายแก่ที่ถือธงกับขวดน้ำเต้าเดินออกมา เขามานั่งลงบนเก้าอี้สี่ขาที่ทรุดโทรม เขามองไปที่ผู้หญิงชุดแดงและพูด
“ถ้าข้าซ่อนตัวได้หนึ่งชั่วโมง ข้าก็จะซ่อนตัวหนึ่งชั่วโมง ถ้าข้าซ่อนตัวได้นานอีกหนึ่งวินาที ข้าก็จะซ่อนตัวอีกหนึ่งวินาที ข้าอยากจะมีชีวิตรอดให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
ฝนตกหนักมากเกินไปและร่มก็ลงมาต่ำมากๆ มันจึงไม่มีใครเห็นว่าผู้หญิงชุดแดงนั้นมีหน้าตาเป็นยังไง ถึงอย่างนั้นส่วนโค้งเว้าของร่างกายและเส้นผมสีดำที่ดูเหมือนกับน้ำตกของเธอเป็นอะไรที่ดูสะดุดตาอย่างมาก ถึงคนอื่นอาจจะไม่เห็นใบหน้าของเธอ แต่พวกเขาจะจำเธอได้
“ข้ากลัวว่าเจ้าอยากตายมากกว่าที่จะอยากมีชีวิตอยู่” ผู้หญิงชุดแดงพูดขณะที่ยืนอยู่ในสายฝน
ชายแก่หัวเราะและพูด “นั่นหมายความว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อเอาชีวิตข้าอย่างนั้นสินะ”
“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคำทำนายของเจ้าจะแม่นยำหรือไม่” ผู้หญิงชุดแดงพูด
ชายแก่ยกน้ำเต้าขึ้นมาดื่มอีกครั้ง เขาหลี่ตาลงขณะที่ถามขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าแม่นยำหรือเปล่าล่ะ?”
“แม่นยำครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งไม่แม่นยำ” ผู้หญิงชุดแดงตอบ
“ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าจะพูดอะไร อะไรที่แม่นยำและอะไรที่ไม่แม่นยำ?” ชายแก่หัวเราะขณะที่ถาม
ผู้หญิงชุดแดงเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “คำทำนายที่เจ้าบอกว่าปราสาทของพระเจ้าจะปรากฏออกมาอีกครั้งนั้นแม่นยำ แต่อีกครึ่งหนึ่งไม่แม่นยำ ปราสาทพระเจ้ายังคงไม่ถูกทำลาย พวกมันยังคงอยู่บนท้องฟ้า”
ชายแก่หัวเราะออกมา “เจ้านายของเจ้าใจร้อนเกินไปแล้ว มันยังไม่ถึงเวลา”
“มันเหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียว” ผู้หญิงชุดแดงพูด
“แม้แต่วิหารพระเจ้าขั้นแอนนิฮิเลชั่นก็ยังไม่ถูกทำลาย มันเป็นไปไม่ได้ที่จีโนฮอลล์จะถูกทำลายภายในหนึ่งเดือน”
“เมื่อถึงเวลา เจ้าจะเข้าใจเอง” ชายแก่ดูเบื่อหน่าย เขามองไปที่ผู้หญิงชุดแดงและพูดต่อ
“แต่ก่อนอื่นข้าขอแนะนำให้เจ้านายของเจ้าทำตามที่ชายแก่บอก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด คำทำนายจะกลายเป็นจริง”
“เจ้านายของข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำแบบนั้น มันเกี่ยวข้องอะไรกับการทำลายปราสาทพระเจ้า? ถึงคนๆนั้นจะมีความสามารถ แต่ท้ายที่สุดแล้วพลังของเขาก็ยังไม่ถึงขั้น เขาไม่มีทางทำลายปราสาทพระเจ้าได้”
“การทำนายชะตากรรมของคนๆหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ชายแก่แลกชีวิตทั้งชีวิตเพื่อผลลัพธ์นี้ ถ้าเขาไม่เชื่อชายแก่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำมัน” ชายแก่พูดราวกับว่าเขาไม่สนใจ
“ข้าหวังว่าการทำนายของเจ้าจะถูกต้อง ไม่อย่างนั้นเจ้าควรจะรู้ว่าถ้าเจ้าทำให้เจ้านายของข้าโกรธ แม้แต่เจ้านั่นที่อยู่ในจีโนฮอลล์ก็ปกป้องเจ้าไม่ได้ จากนี้ไปต้นไปเจ้าต้องอยู่ที่นี่จนกว่าวันนั้นจะมาถึง ชีวิตของเจ้าขึ้นอยู่กับการทำนาย เจ้าไม่อาจโทษคนอื่นได้” หลังจากที่พูดจบผู้หญิงชุดแดงก็หันกลับและเดินหายไปในสายฝน
ชายแก่หลี่ตาและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยฝน เขาพูดกับตัวเอง
“ถ้าข้าไม่ต้องการ พวกเจ้าคิดว่าจะหาตัวข้าและขังข้าเอาไว้ที่นี่ได้อย่างนั้นหรอ? พวกเจ้าประเมินข้าหานจิงจื่อต่ำเกินไปแล้ว”
ชายแก่ถือน้ำเต้าและธงที่มีคำว่า “โชคชะตา” เขียนเอาไว้ เขาเดินออกจากห้องนั่งเล่นและตรงไปที่สวนหลังบ้าน
ฝนตกลงมาใส่ชายแก่และทำให้เสื้อผ้าและผมของเขาเปียกชุ่ม มีเพียงแค่ธงที่มีคำว่าโชคชะตาเท่านั้นที่ไม่ถูกฝน ราวกับว่ามันมีพลังบางอย่างคอยป้องกันมันจากเม็ดฝน
ชายแก่เดินไปยังส่วนที่ไกลที่สุดของสวน เขานับนิ้วมือและเดินเป็นวงกลมหลายรอบอยู่ในสวน มันเหมือนกับว่าเขากำลังคำนวณอะไรบางอย่าง หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็หยุดเดินและปักธงลงในช่องว่างระหว่างแผ่นหิน เขาก้าวถอยออกไปหลายก้าวและมองมาที่ธงด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“จุดจบไม่ใช่จุดจบของชะตากรรม ข้าหานจิงจื่อไม่อาจเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้ แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้จังหวะนั้นเป็นจุดจบ”
หลังจากนั้นชายแก่ก็เดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น เขาเอนตัวลงบนเตียงเก่าๆและหาวออกมาก่อนที่จะนอนหลับไป
…
หานเซิ่นและราชาไป๋พูดคุยกันอยู่สักพัก หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เดินทางออกจากดาวเคราะห์น้อยไป ราชาไป๋ต้องการจะฆ่าพระเจ้าชั่วพริบตา และดูเหมือนมันจะไม่ได้เป็นแค่เรื่องบังเอิญ เขารู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหานเซิ่นและโกลเด้นโกรวเลอร์ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าหานเซิ่นมีแผนที่จะช่วยโกลเด้นโกรวเลอร์
ราชาไป๋บอกว่าเขามีหนทางที่จะทำลายพลังกาลเวลาของพระเจ้าชั่วพริบตาที่แช่แข็งโกลเด้นโกรวเลอร์เอาไว้ ซึ่งนั่นจะทำให้โกลเด้นโกรวเลอร์เป็นอิสระ หลังจากนั้นพวกเขาก็จะใช้พลังของโกลเด้นโกรวเลอร์เพื่อต่อสู้กับพระเจ้าชั่วพริบตา
แต่ราชาไป๋มีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อ หลังจากที่พระเจ้าชั่วพริบตาถูกฆ่า ราชาไป๋ต้องการอาวุธประจำตัวพระเจ้าไป
หานเซิ่นไม่มีปัญหากับเรื่องนั้น เขาไม่มั่นใจว่าจะฆ่าพระเจ้าชั่วพริบตาตามลำพังได้ ถ้าพวกเขาทำสำเร็จ หานเซิ่นก็ไม่รังเกียจที่จะมอบอาวุธประจำตัวพระเจ้าให้กับราชาไป๋ แต่ในแผนการของราชาไป๋ เขาไม่ได้แค่ต้องการความช่วยเหลือจากดอลลาร์เท่านั้น เขายังจำเป็นต้องได้ความร่วมมือจากหานเซิ่นด้วยอีกคน เรื่องนั้นถือเป็นปัญหาสำหรับหานเซิ่น
ราชาไป๋รู้แค่ว่าดอลลาร์คือโฮลี่เบบี้ เขาไม่ได้รู้ว่าดอลลาร์นั้นแท้จริงแล้วก็คือหานเซิ่น
เขาเห็นว่าหานเซิ่นพยายามไปช่วยโกลเด้นโกรวเลอร์ และเขาก็ยอมรับในพลังของหานเซิ่น เขาจึงขอดอลลาร์ให้ช่วยติดต่อหานเซิ่น
หานเซิ่นคิดว่าราชาไป๋อาจจะรู้ความลับของเขาแล้ว แต่หลังจากที่ได้ซักถาม เขาก็ได้รู้ว่าราชาไป๋นั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรจริงๆ
ราชาไป๋รู้แค่ว่าดอลลาร์คือโฮลี่เบบี้ และโฮลี่เบบี้นั้นมาจากสเปชการ์เด้น ด้วยเหตุนั้นเขาจึงคาดเดาไปว่าดอลลาร์เป็นเพื่อนของหานเซิ่น ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เขาขอให้ดอลลาร์ช่วยติดต่อกับหานเซิ่นแทนเขา
ราชาไป๋ไม่เคยจินตนาการว่าคริสตัลไลเซอร์คนหนึ่งกับซีโน่เจเนอิคจะเป็นคนๆเดียวกัน
“เราจะไปหาหานเซิ่นมาให้เขาได้จากที่ไหน?” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา ถึงแม้ในสเปชการ์เด้นจะมียอดฝีมืออยู่หลายคน แต่ไม่มีพวกเขาคนไหนที่พัฒนาอย่างเต็มที่ เขาไม่สามารถหาคนที่จะปลอมตัวเป็นหานเซิ่นหรือไม่ก็ดอลลาร์ได้