“เขา…” อาเหมยต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มีฝ่ามือกดหัวของเธอจากด้านบน เขาบิดหัวของเธอจนขาดก่อนที่จะโยนมันลงไปบนพื้นเหมือนกับเป็นขยะ
หัวของอาเหมยกลิ้งไปกับพื้น ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ดูเหมือนกับว่าเธอยังไม่อยากตาย
หานเซิ่นจ้องมองไปที่คนๆนั้นและถาม “เจ้าเป็นใครกัน? ทำไมเจ้าถึงฆ่าพวกเขา?”
คนๆนั้นดูเหมือนกับมนุษย์คนหนึ่ง นอกจากนั้นเขายังดูหนุ่มมากๆ เขาดูเหมือนจะอายุประมานยี่สิบปีเท่านั้น เขาหล่อเหลาอย่างแปลกๆ และเขาก็มีออร่าที่ยากจะอธิบาย ดวงตาของเขามีขนาดเล็กมากๆ พวกมันดูเหมือนกับดวงตาของจิ้งจอก
“กลุ่มพวกไร้ประโยชน์ แม้แต่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์พวกเขาก็ยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้ แบบนั้นข้าจะเก็บพวกเขาเอาไว้เพื่ออะไร?”
ชายหนุ่มเลียริมฝีปากและยิ้มให้กับหานเซิ่น “เจ้าคือพ่อของเสี่ยวฮวาสินะ ข้าไม่คาดคิดว่าคนที่ไม่ได้มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์จะได้รับการยอมรับจากฉินซิว”
หานเซิ่นมองไปที่ชายหนุ่มและถามอีกครั้ง “เจ้าเป็นใคร?”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ว่าข้าเป็นใคร แต่ข้าต้องขอบคุณเจ้า ถ้าเจ้าไม่ได้ทำลายปราสาทศักดิ์สิทธิ์และดับตะเกียงเผ่าพันธุ์ทั้งหมดที่ฉินซิวสร้างขึ้นมา ข้าก็คงจะฆ่าสุนัขเฝ้ายามทั้งสี่นี่ไม่ได้”
ชายหนุ่มยิ้มให้กับหานเซิ่นและพูดต่อ “ตอนนี้ข้าจำเป็นต้องฆ่าเจ้า หลังจากนั้นข้าก็จะไปตามหาตัวเฒ่าแมวและลูกชายของเจ้าเพื่อฆ่าพวกเขาซะ ข้าจะฆ่าทุกคนที่ฉินซิวฝากความหวังเอาไว้”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หานเซิ่นก็ขมวดคิ้ว เมื่อดูจากคำพูดของชายหนุ่มคนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เป็นพวกเดียวกับแมวเก้าชีวิต
แต่ทำไมอาเหมยถึงเตือนให้เขาระวังแมวเก้าชีวิตก่อนที่เธอจะตาย?
หานเซิ่นมองไปที่ชายหนุ่มและถาม “เจ้าเป็นศัตรูของฉินซิวอย่างนั้นสินะ?”
“ข้าเป็น แต่ในขณะเดียวกันข้าไม่ได้เป็น” ชายหนุ่มเดินลงมาจากซากปรักหักพังของปราสาทศักดิ์สิทธิ์
“นั่นหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นถาม
ชายหนุ่มหัวเราะและพูด “ฉินซิวปฏิบัติกับข้าเหมือนกับลูกศิษย์ เขาสอนวิชาจีโนให้กับข้า เขามอบทรัพยากรให้กับข้า ข้าคงจะพูดว่าเขาเป็นศัตรูของข้าไม่ได้ ความบาดหมางของพวกเรามาจากความจริงที่ว่าเขาเกลียดชังข้า เขาเย้ยหยันข้า ข้าเชื่อว่าเขาคงจะไม่คาดคิดว่าในที่สุดเซเคร็ดจะถูกทำลายด้วยฝีมือของข้า”
มันฟังดูเหมือนกับการหักหลัง แต่ชายหนุ่มพูดมันออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ มันฟังดูเหมือนกับว่านั่นเป็นบางสิ่งที่เขาภาคภูมิ
หานเซิ่นมองไปที่ชายหนุ่มและพูด “ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด เจ้าคือคนทรยศของเซเคร็ด”
หานเซิ่นเคยได้ยินมาว่ามีหลายคนที่ทรยศผู้นำเซเคร็ดก่อนที่เซเคร็ดจะล่มสลาย แต่ผู้คนที่เขาเคยพบอย่างไนน์เทาซันด์คิงและคนอื่นๆนั้นจงรักภักดีต่อผู้นำเซเคร็ดจนถึงวินาทีสุดท้าย มันทำให้เขาลืมคนพวกนั้นไป
“อะไร? เจ้าต้องการจะแก้แค้นแทนฉินซิวอย่างนั้นหรอ?” ชายหนุ่มมองมาที่หานเซิ่น ใบหน้าของเขากำลังยิ้ม แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเซเคร็ด และข้าก็ไม่คิดที่จะแก้แค้นแทนฉินซิว” หานเซิ่นส่ายหัว
ในตอนที่ชายหนุ่มได้ยินแบบนั้น เขาก็หัวเราะออกมาและพูด
“ฉินซิวนะ ฉินซิว… เจ้าเป็นฮีโร่ตลอดชีวิตของข้า ข้าไม่คาดคิดเลยว่าคนที่เจ้าเลือกจะเป็นคนที่ขี้ขลาดตาขาวแบบนี้ เจ้ามันตาถั่วจริงๆ”
หลังจากที่หัวเราะเสร็จ ชายหนุ่มก็มองมาที่หานเซิ่นและพูด
“น่าเสียดาย ถึงเจ้ากับข้าจะไม่ได้มีความบาดหมางกัน แต่เจ้าคือคนที่ถูกฉินซิวเลือก การตัดหญ้าแต่ไม่ถอนรากถอนโคนนั้นจะส่งผลให้พวกมันงอกขึ้นมาอีกครั้ง ฉินซิวคงจะต้องเกลียดชังและต้องการจะแก้แค้นข้า แบบนั้นข้าจะปล่อยให้คนที่เขาเลือกมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?”
“ดูเหมือนว่าคนที่ต้องการจะแก้แค้นนั้นไม่ใช่ฉินซิว แต่เป็นเจ้าต่างหาก” หานเซิ่นพูด
รอยยิ้มของชายหนุ่มหายไป เขาเป็นเหมือนกับสายฟ้าที่พุ่งมาอยู่ตรงหน้าหานเซิ่น เขายื่นออกมาจับคอของหานเซิ่น
มีดเหตุและผลปรากฏขึ้นในมือของหานเซิ่น ใบมีดนั้นลุกโชนด้วยพลังของสปิริตศักดิ์สิทธิ์ เขาฟันมันออกใส่มือของชายหนุ่ม
หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงพลังที่ส่งผ่านมีดมาถึงตัวเขา ร่างกายของเขาสูญเสียการควบคุม ซึ่งทำให้เขากระเด็นถอยออกไปด้านหลัง ขาของเขาลากไปกับพื้นหินจนเกิดเป็นรอยสองรอย
ชายหนุ่มพูดอย่างเย็นชา “นั่นก็เพราะฉินซิวตายไปก่อน เขาจึงไม่มีโอกาสได้คิดเกี่ยวกับการแก้แค้น”
“จริงอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นกำมีดเอาไว้แน่นและร่างกายของเขาก็รวมเป็นหนึ่งกับจักรวาล
“เจ้าไม่มีวันเข้าใจ เจ้าก็แค่คนโง่เขลาที่ถูกใช้โดยฉินซิว”
ชายหนุ่มดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “เจ้าคงจะไม่รู้สินะว่าฉินซิวเป็นคนยังไง เจ้าคงคาดฝันว่าเจ้าจะได้แทนที่เขาและกลายเป็นผู้นำเซเคร็ดคนใหม่สินะ ข้าบอกเจ้าได้เลยว่านั่นเป็นไปไม่ได้ มันไม่สำคัญว่าจะเป็นเจ้าหรือเป็นลูกชายของเจ้าที่ฝึกร่างกายศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าเป็นแค่หมากตัวหนึ่งบนกระดาน ฉินซิวจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการ ในสายตาของเขา ชีวิตของเจ้าไม่มีค่าเท่าเส้นผมเส้นหนึ่งของน้องสาวเขาด้วยซ้ำ หลังจากที่พวกเจ้าถูกใช้จนพอใจแล้ว พวกเจ้าก็จะถูกโยนทิ้งเหมือนกับเป็นขยะ”
หานเซิ่นพูด “ฟังดูเหมือนกับว่าฉินซิวเคยทำบางสิ่งที่เลวร้ายกับเจ้า”
ใบหน้าของชายหนุ่มดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย เขากัดฟันและยิ้มออกมา
“มันไม่มีอะไรมาก! เมื่อข้าเป็นแค่หมากตัวหนึ่งเหมือนกับเจ้า ข้าเป็นแค่ตัวทดลอง”
“แต่ข้าแตกต่างไปจากเจ้า พวกเจ้าทุกคนเป็นแค่ตัวหมาก และพวกเจ้าก็เปลี่ยนแปลงชะตากรรมที่ถูกกำหนดเอาไว้ไม่ได้ แต่ข้านั้นต่างออกไป ข้าหนีจากชะตากรรมของการเป็นแค่ตัวหมาก ข้ากลายเป็นผู้เล่นและเอาชนะฉินซิว ตอนนี้ข้ากำลังช่วงชิงความหวังสุดท้ายของฉินซิว เซเคร็ดจะไม่มีวันได้กลับมายิ่งใหญ่ ตัวเขาที่อยู่ในนรกจะทำได้แค่ร้องไห้เสียใจอย่างสิ้นหวัง” หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ เขาก็หัวเราะออกมา
“ความหวังสุดท้ายของฉินซิวคืออะไร? สปิริตศักดิ์สิทธิ์น่ะหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่มีดเหตุและผลที่กำลังลุกโชน
ชายหนุ่มมองเขาด้วยความดูถูก “ของเสร็จแค่ครึ่งเดียวแบบนั้นจะเป็นความหวังสุดท้ายของฉินซิวได้ยังไง? ที่ข้าต้องการคือยีนโปรโตรไทป์ ฉินซิวคงจะต้องมอบยีนโปรโตรไทป์ให้กับเจ้าหรือไม่ก็ลูกของเจ้าด้วยวิธีการบางอย่าง คนตายนั้นไม่มีทางเลือก ข้าแค่ต้องฆ่าพวกเจ้าทั้งคู่ และฉินซิวก็จะกลายเป็นผู้แพ้”
หานเซิ่นแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อน “ยีนโปรโตรไทม์? มันคืออะไร?”
ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้หานเซิ่น ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากหานเซิ่นไม่ถึงสิบห้าฟุต และเขายังคงเดินเข้ามาเรื่อยๆ ขณะที่เขาเดินเข้ามา เขาก็พูดขึ้นว่า “น่าขำจริงๆ เจ้าเป็นตัวหมากของฉินซิว แต่เจ้าไม่รู้แม้กระทั่งว่ายีนโปรโตรไทป์คืออะไร”
“ถ้าพวกเราเป็นตัวหมากเหมือนกัน เจ้าจะอธิบายมันได้ไหมล่ะ?” หานเซิ่นไม่ได้ขยับไปไหนขณะที่พูด
“หุบปาก!” ชายหนุ่มขึ้นเสียง “ข้าเป็นตัวสำรองที่ฉินซิวสร้างขึ้นมา ข้าคือคนที่เขาทุ่มเทอย่างหนัก ส่วนเจ้าเป็นใครกัน? เจ้าไม่เหมือนกับข้า”
เขาเร่งความเร็วขึ้นเหมือนกับผีเพื่อตรงเข้าไปหาหานเซิ่น
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นมือของชายหนุ่มยื่นเข้ามา เขารู้สึกว่าทั้งอวกาศถูกพลิกเมื่อเขาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มคนนี้ กาลเวลานั้นช้าลงไป ซึ่งทำให้หานเซิ่นช้าลงไปด้วย
“วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้ถึงร่างกายศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าข้าเหนือกว่าฉินซิว” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างชั่วร้ายขณะที่จับคอของหานเซิ่น