หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าและพูด “เจ้ามาได้จังหวะพอดี ทำไมข้าถึงกลายเป็นเทพสปิริตเพียงเพราะสวมใส่มงกุฎสกายก็อตนี่?”
พระเจ้าหัวเราะและพูด “เจ้าไม่ได้กลายเป็นเทพสปิริต มันเป็นเพราะเจ้าสวมมงกุฎสกายก็อต เจ้าจึงมีอำนาจเสมือนเป็นเทพสปิริตชั่วคราว ถ้าเจ้าถอดมงกุฎสกายก็อต อำนาจนั้นก็จะหายไป”
หลังจากได้ยินแบบนั้นหานเซิ่นก็ถอดมงกุฎสกายก็อตออกและออกไปจากวิหารเทพ ในตอนที่เขาสวมมงกุฎสกายก็อตอีกครั้ง เขาก็กลับเข้ามาในวิหารพระเจ้าเดิมและธงพระเจ้าสีขาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา
“นี่คือทั้งหมดที่มงกุฎสกายก็อตทำได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นผิดหวัง สำหรับเขาแล้วการกลายเป็นเทพสปิริตดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร
พระเจ้านั่งลงบนแท่นบูชาและถามอย่างเป็นกันเอง “นั่นยังไม่พอสำหรับเจ้าหรือยังไง? เจ้าไม่จำเป็นต้องทำสิ่งที่เทพสปิริตต้องทำ แต่เจ้าจะได้รับประโยชน์เหมือนกับเทพสปิริต เทพสปิริตมากมายอยากจะได้อะไรแบบนั้น”
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัวขณะที่เขารีบถามขึ้นมา “เทพสปิริตจะได้รับประโยชน์อะไร? และพวกเขามีความรับผิดชอบอะไร”
“ตราบใดที่เจ้าสวมใส่มงกุฎสกายก็อต เจ้าก็จะมีร่างกายที่เป็นอมตะเหมือนกับเทพสปิริตคนอื่นๆ ถึงแม้เจ้าจะถูกฆ่าตาย เจ้าก็จะเกิดใหม่บนแท่นบูชาในวิหารพระเจ้าของเจ้า” พระเจ้าพูด
หานเซิ่นแบะปากและถาม “นั่นจะไปมีประโยชน์อะไร? ข้าไม่ได้ต้องการจะติดอยู่ภายในวิหารพระเจ้าไปตลอดกาล”
“แน่นอนว่ามันมีประโยชน์ ยกตัวอย่างเช่นถ้าเจ้าต้องการจะต่อสู้กับศัตรูที่เหนือกว่าเจ้า เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าตัวเองจะถูกฆ่า” พระเจ้าหัวเราะ
หานเซิ่นส่ายหัว “นั่นมันไม่สมเหตุสมผล ถ้าข้าถูกศัตรูฆ่าตาย และเขาเอาธงพระเจ้าของข้าไป แบบนั้นข้าก็ต้องตายสิ”
“นั่นคือพลังของมงกุฎสกายก็อต ถึงแม้จะมีคนอื่นเอาธงของเจ้าไป มันก็แค่จะทำลายมงกุฎสกายก็อตของเจ้า เจ้ายังคงเกิดใหม่ได้ แต่เจ้าจะสูญเสียสิทธิ์ในการเป็นเทพสปิริตไป”
พระเจ้าชี้ไปที่มงกุฎสกายก็อตและพูดต่อ “แถมในตอนที่เจ้าเป็นเทพสปิริต เจ้าจะมีอำนาจของเทพสปิริต มันจะทำให้เจ้าแลกเปลี่ยนกับสิ่งมีชีวิตในจักรวาลและรับเอาอายุขัยของพวกเขามาได้”
หานเซิ่นสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนั้นมาโดยตลอด เทพสปิริตเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะ แล้วแบบนั้นพวกเขาจะเอาอายุขัยของคนอื่นไปทำอะไร?
เมื่อดูจากวิธีการของเทพสปิริตที่หานเซิ่นเคยเจอจะเห็นว่าพวกเขาต่างก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้อายุขัยของสิ่งมีชีวิตอื่น หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงต้องทำอะไรแบบนั้น
“สำหรับเทพสปิริตที่เป็นอมตะ การได้อายุขัยเพิ่มจะมีประโยชน์ด้วยหรอ?” หานเซิ่นถาม
“เกี่ยวกับเรื่องนั้นเจ้าจะเข้าใจเองในอนาคต”
พระเจ้าไม่ตอบคำถามของหานเซิ่น เขาหัวเราะและพูดต่อ “สำหรับความรับผิดชอบของเทพสปิริต มันเป็นอะไรง่ายๆ พวกเขามีหน้าที่อย่างเดียว ซึ่งก็คือการปกป้องจีโนฮอลล์และป้องกันมันจากการถูกรุกรานโดยสิ่งมีชีวิตอื่นๆ”
“ปกป้องจีโนฮอลล์?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน
“นี่จีโนฮอลล์จำเป็นต้องปกป้องด้วยหรอ? ยังไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่ผู้หญิงที่อยู่ในจีโนฮอลล์ก็ไม่มีใครในจักรวาลนี้จะต่อสู้ได้แล้วไม่ใช่หรอ?”
พระเจ้าส่ายหัว “ผู้หญิงที่เจ้าพูดถึงก็คือหนึ่งในเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นทั้งสิบสองคน เทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นทั้งสิบสองจะผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าจีโนฮอลล์ แต่ความรับผิดชอบของพวกเขาเหมือนกับเทพสปริตคนอื่นๆ”
“นี่ภายในจีโนฮอลล์ไม่มีเทพสปิริตอยู่อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรีบถาม
พระเจ้าหัวเราะแต่ไม่ได้ตอบคำถามของหานเซิ่น “ในตอนที่เจ้าเข้าไปในจีโนฮอลล์ เจ้าก็จะเข้าใจเอง ตราบใดที่เจ้ามีมงกุฎสกายก็อต เจ้าจะได้รับประโยชน์ของเทพสปิริตโดยปราศจากความรับผิดชอบของเทพสปิริต เจ้าละทิ้งฐานะเทพสปิริตไปได้ทุกเมื่อ เจ้ายังคงไม่พึงพอใจกับของดีๆแบบนี้อย่างนั้นหรอ?”
“นอกจากเรื่องพวกนั้นแล้ว มงกุฎสกายก็อตไม่มีพลังในการต่อสู้เลยจริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นยังคงคิดว่าการกลายเป็นเทพสปิริตนั้นเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์
พระเจ้าหัวเราะ “มงกุฎสกายก็อตเป็นสิ่งที่ถูกทำลายได้ยากมากๆ ความทนทานของมันเหนือกว่าอาวุธประจำตัวพระเจ้าขั้นแอนนิฮิเลชั่นส่วนใหญ่ซะอีก เจ้าใช้มันเหมือนกับก้อนอิฐได้ แต่ตัวมงกุฎสกายก็อตไม่มีพลังในการต่อสู้อะไร เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าควรจะคิดเกี่ยวกับชื่อได้แล้ว เมื่อเจ้าได้ชื่อพระเจ้าของตัวเอง เจ้าจะได้เพลิดเพลินกับอำนาจของพระเจ้า”
“เจ้าบอกว่ามันมีเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นอยู่สิบสองคน” หานเซิ่นพูด
“ถ้าข้าใช้มงกุฎสกายก็อต ข้าจะถูกนับเป็นหนึ่งในพวกเขาและต้องรับหน้าที่เฝ้าจีโนฮอลล์ด้วยไหม?”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรอ? เจ้าไม่ใช่เทพสปิริตจริงๆ เจ้าไม่ต้องรับผิดชอบงานของเทพสปิริต” พระเจ้าตอบ
หานเซิ่นรู้ว่าพระเจ้าไม่ได้พูดโกหก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงผิดหวัง ถ้าเขาไปที่จีโนฮอลล์ เขาก็จะเห็นว่าข้างในที่แห่งนั้นเป็นยังไงกันแน่
หานเซิ่นครุ่นคิดอยู่สักพักขณะที่จ้องมองไปยังธงพระเจ้าที่ว่างเปล่า
“ข้าจะเรียกตัวเองว่าพระเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ข้าชอบชื่อนั้น มันเข้ากันได้ดีกับชื่อดอลลาร์ของข้า”
เมื่อพระเจ้าได้ยินชื่อของหานเซิ่น เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขามองไปที่หานเซิ่นและพูด
“ชื่อพระเจ้าของเจ้า…เป็นมงคลมากๆ มันเป็นชื่อที่สร้างสวรรค์จริงๆ”
“ชื่อนี่เป็นชื่อที่เยี่ยมมากๆ!” หานเซิ่นรู้ว่าพระเจ้าไม่ได้จะหมายความแบบนั้น แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไร
ตอนนี้ด้านหน้าของธงมีคำว่า “ความมั่งคั่ง” ปรากฏขึ้นมา ส่วนด้านหลังของมันแสดงคำว่า “พระเจ้าแห่ง” ธงส่องสว่างด้วยแสงแห่งเทพขณะที่บินออกไปติดอยู่หน้าประตูวิหารพระเจ้า ในจังหวะที่ธงพระเจ้าไปอยู่ตรงนั้น มงกุฎสกายก็อตบนหัวของหานเซิ่นก็เรืองแสงอย่างสว่างไสว ในเวลาเดียวกับมันก็มีข้อความออกมาจากมงกุฎสกายก็อต ซึ่งทำให้หานเซิ่นเข้าใจสิ่งต่างๆ
“อย่างนี้นี่เอง…” หานเซิ่นรู้ถึงข้อมูลที่มงกุฎสกายก็อตส่งให้กับเขา หลังจากนั้นเขาก็เข้าใจว่าการเป็นเทพสปิริตนั้นเป็นยังไง
นอกจากที่พระเจ้าพูด เทพสปิริตยังมีพลังอย่างอื่นอีก มันดีกว่าที่หานเซิ่นคาดคิดเอาไว้
ประโยชน์ของการเป็นเทพสปิริตไม่ใช่แค่ความเป็นอมตะเท่านั้น มันยังมีพลังเสริมที่เขาจะได้รับจากการเป็นเทพสปิริต ยิ่งระดับวิหารของพระเจ้าคนนั้นสูงมากเท่าไหร่ พลังเสริมที่เขาจะได้รับก็มากขึ้นเท่านั้น
หานเซิ่นมีวิหารพระเจ้าขั้นแอนนิฮิเลชั่น พลังเสริมที่เขาได้รับจึงทำให้พลังในการต่อสู้ของเขาเพิ่มสูงขึ้นไปอยู่ในอีกระดับหนึ่ง
แต่พลังเสริมนั้นจะมีผลเฉพาะภายในเขตแดนของวิหารพระเจ้าเท่านั้น ถ้าเขาออกไปจากวิหารพระเจ้า พลังเสริมก็จะหายไป
และมันยังมีอำนาจพิเศษของเทพสปิริตอีก เทพสปิริตแต่ละคนจะมีอำนาจพิเศษที่แตกต่างกัน หานเซิ่นไม่รู้ว่าเทพสปิริตคนอื่นนั้นมีอำนาจอะไร แต่อำนาจของเทพสปิริตที่เขาได้รับคือ “ความมั่งคั่ง” ถ้าสิ่งมีชีวิตไหนยินดีจะจ่ายอายุขัยให้ หานเซิ่นก็จะมอบพรให้กับพวกเขาและทำให้พวกเขามั่งคั่งในเวลาอันสั้น
แน่นอนว่าอำนาจของเทพสปิริตจะถูกใช้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายยอมจ่ายอายุขัย สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือความมั่งคั่งที่หานเซิ่นจะมอบให้นั้นไม่ได้มาจากใครที่ไหน แต่มันเป็นความมั่งคั่งที่มาจากอนาคตของคนนั้นๆ
ถ้าหานเซิ่นมอบความมั่งคั่งให้เกินกว่าที่คนๆนั้นจะมีได้ สิ่งเลวร้ายก็จะเกิดขึ้นกับคนๆนั้น
——————-
ประกาศจากผู้แปล
เนื่องด้วยตอนนี้ตัวผมมีงานประจำแล้วทำให้มีเวลาแปลงานในแต่ละวันน้อยมากจริง ๆ หลัก ๆ ผมจะว่างแปลแค่เสาร์ – อาทิตย์ ทำให้ช่วงหลัง ๆ แปลงานตุนไว้ได้ไม่เพียงพอที่จะลงได้ครบอาทิตย์
ผมจึงอยากจะขออนุญาตหยุด 3 วันเพื่อตุนงาน- ปรับสต๊อกใหม่
ต้องอภัยนักอ่านทุกท่านที่ติดตามงานของผมมานาน ยังไงผมก็จะพยายามแปลต่อให้จบแน่ครับ