หานเซิ่นได้รับคำตอบมากมายจากจักรพรรดิมนุษย์ แต่มันก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่เขายังไม่เข้าใจ เหมือนอย่างที่จักรพรรดิมนุษย์ไม่ได้ขอให้หานเซิ่นทำอะไรให้ มันเหมือนกับว่าเขาแค่ต้องการเตือนหานเซิ่นว่าอย่าได้เปิดเผยว่าตัวเองเป็นมนุษย์
จักรพรรดิมนุษย์ยังมอบส่วนสุดท้ายของวิชาโลหิตชีพจรให้กับหานเซิ่น จักรพรรดิมนุษย์บอกว่าถ้าหานเซิ่นเปลี่ยนใจ ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือฝึกส่วนสุดท้ายของวิชาโลหิตชีพจรและเลือดของเขาจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ถึงแม้วิธีการนี้จะไม่บริสุทธิ์เหมือนอย่างการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น แต่มันก็ยังมอบพลังเลือดสีฟ้าให้กับหานเซิ่น
ราคาที่หานเซิ่นต้องจ่ายคือการสูญเสียวิชาจีโนทั้งหมดไป เขาจะใช้ไม่ได้แม้แต่วิญญาณอสูร ทั้งหมดที่เขาจะใช้ได้ก็คือพลังของเลือดสีฟ้า
จักรพรรดิมนุษย์ไม่ได้บังคับให้หานเซิ่นทำแบบนั้น เขาปล่อยให้หานเซิ่นเป็นคนตัดสินใจเอง
หานเซิ่นได้ถามจักรพรรดิมนุษย์เกี่ยวกับหานจิงจื่อ แต่จักรพรรดิมนุษย์บอกว่าหานจิงจื่อไม่ได้เป็นสมาชิกของพยุหะโลหิต และเขาก็ไม่ได้มีเลือดสีฟ้า แต่นอกจากเรื่องนั้นแล้วจักรพรรดิมนุษย์ไม่ได้บอกอะไรอย่างอื่นเกี่ยวกับหานจิงจื่อ
ในระหว่างทางกลับ หานเซิ่นครุ่นคิด ‘จักรพรรดิมนุษย์บอกเราหลายเรื่อง แต่ดูเหมือนเขาจะยังปกปิดรายละเอียดสำคัญหลายอย่างเอาไว้’
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? จักรพรรดิมนุษย์บอกว่าหานจิงจื่อไม่ใช่สมาชิกของพยุหะโลหิตและไม่มีเลือดสีฟ้า แต่ทำไมผู้คนของทีมที่เจ็ดถึงบอกว่าหานจิงจื่อมีเลือดสีฟ้าล่ะ?” หานเซิ่นรู้สึกสับสนอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในตอนแรกเขาคิดว่าการไปเยือนพยุหะโลหิตจะทำให้เขาได้รับคำตอบเกี่ยวกับเรื่องของหานจิงจื่อ แต่มันกลับไม่มีประโยชน์อะไร และเขาก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหานจิงจื่อ
จักรพรรดิมนุษย์อาจจะรู้เรื่องบางอย่าง แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการจะพูดเกี่ยวกับเรื่องของหานจิงจื่อ
ในตอนที่หานเซิ่นกลับไปถึงสเปชการ์เด้น ไนน์เทาซันด์คิงก็ยังไม่กลับมาจากระบบจักรวาลร้าง แต่มันมีแขกคู่หนึ่งมาหาเขา
โกรวเลอร์สีเขียวและกาน่าหญิงมาที่สเปชการ์เด้น ในตอนที่หานเซิ่นเห็นพวกเขา อสูรขนเขียวก็ย่อตัวลงและก้มหัวให้กับเขาก่อนที่จะพูดขึ้นมา
“ข้าขอโทษที่ล่วงเกินเจ้า เจ้าจะเอาชีวิตของข้าไปก็ได้ แต่ได้โปรดช่วยผู้นำเมาท์เทนน้อยด้วย”
“ลุกขึ้น” หานเซิ่นพูดพร้อมกับโบกมือ
“ข้าจะไปช่วยโกลเด้นโกรวเลอร์แน่ แต่พวกเจ้าน่าจะรู้ว่าพลังของข้าในตอนนี้ยังไม่พอจะต่อสู้กับพระเจ้าชั่วพริบตา ข้าจำเป็นต้องใช้เวลาเตรียมตัวอีกสักพัก”
“ถ้ามีบางสิ่งที่เจ้าต้องการ ได้โปรดบอกกับพวกเรา ถ้ามันช่วยผู้นำเมาท์เทนน้อยได้ พวกเราจะทำทุกอย่าง” กาน่าหญิงพูด
“ถ้าพวกเจ้าต้องการจะช่วยโกลเด้นโกรวเลอร์จากพระเจ้าชั่วพริบตา ลำพังแค่พลังของพวกเรายังไม่พอ ข้าจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเพื่อทำให้พวกพ้องของข้าแข็งแกร่งขึ้น ถ้าพวกเจ้ามียีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า มอบมันให้กับข้าได้ไหม?” หานเซิ่นคิดว่าเอมตี้เมาท์เทนนั้นต้องมีของดีอยู่เป็นจำนวนมาก บางทีเขาอาจจะได้ทรัพยากรจากพวกเธอ
“เอมตี้เมาท์เทนมียีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าอยู่ ข้าจะไปนำมันมาให้กับเจ้า” กาน่าหญิงพูด
ในตอนนี้พวกเขาไม่สามารถไปขอความช่วยเหลือจากใครได้ หานเซิ่นเป็นคนเดียวที่พวกเขาจะพึ่งพาได้ อย่างน้อยพวกเขาก็รู้ว่าหานเซิ่นต้องการจะช่วยโกลเด้นโกรวเลอร์เช่นกัน
“ดอลลาร์คนนั้นแย่จริงๆ” โกรวเลอร์สีเขียวพูดด้วยความโมโห
“ผู้นำเมาท์เทนน้อยมอบอันดับที่หนึ่งของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนให้กับเขา แต่ตอนนี้เมื่อผู้นำเมาท์เทนน้อยตกอยู่ในวิกฤต เขากลับไม่ปรากฏตัวออกมา”
หานเซิ่นยิ้มแห้งๆและคิดในใจว่าที่ดอลลาร์ไม่ได้ปรากฏตัวนั้นเป็นเพราะว่าดอลลาร์ก็คือเขาเอง แต่สิ่งที่โกรวเลอร์สีเขียวพูดขึ้นมาช่วยเตือนหานเซิ่นว่าโกลเด้นโกรวเลอร์ได้มอบอันดับที่หนึ่งของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนให้กับดอลลาร์ แบบนั้นถ้าดอลลาร์ยังไม่แสดงตัวออกมา มันก็อาจจะทำให้เขาดูแย่
ถึงแม้ด้วยการที่เผ่าพันธุ์ของดอลลาร์แตกต่างไปจากหานเซิ่น มันจึงไม่มีใครคาดคิดว่าดอลลาร์คือหานเซิ่น แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกผิดอยู่ดี
หลังจากที่ส่งโกรวเลอร์สีเขียวและกาน่าสาวกลับไป หานเซิ่นก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่สักพัก ที่สุดแล้วเขาก็ตัดสินใจจะท้าสู้กับเทพสปิริตด้วยตัวตนของดอลลาร์
ครั้งนี้เทพสปิริตที่หานเซิ่นตัดสินใจจะท้าสู้ไม่ใช่พระเจ้าชั่วพริบตา แต่เป็นโนเวิลด์ก็อตที่เป็นเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์
หานเซิ่นได้ยินปีศาจสาวบอกว่าพลังของโนเวิลด์ก็อตนั้นสามารถต้านทานพลังการเวลาได้ระยะหนึ่ง ถ้าเขาได้อาวุธประจำตัวพระเจ้าของโนเวิลด์ก็อตมา มันก็จะช่วยเขาอย่างมากในการต่อสู้กับพระเจ้าชั่วพริบตา
ในตอนที่ไม่มีใครอยู่รอบๆ หานเซิ่นก็เข้าสู่โหมดซีโน่เจเนอิคและสวมใส่ชุดเกราะตงเสวียน หลังจากนั้นเขาก็เอามงกุฎสกายก็อตออกมา
มงกุฎสกายก็อตนั้นเป็นอาวุธประจำตัวพระเจ้าขั้นแอนนิฮิเลชั่น มันระดับสูงกว่าหอกสกายไวน์แรดิชก็อตถึงสองขั้น มันเป็นอาวุธประจำตัวพระเจ้าที่อยู่ขั้นเดียวกับพระเจ้าชั่วพริบตา
แต่หานเซิ่นไม่เคยใช้มงกุฎสกายก็อตมาก่อน เขาจึงไม่รู้ว่าพลังของมันคืออะไร
ถึงเขาจะมีวิญญาณอสูรดอกบัวไลท์เวลล์ที่เป็นวิญญาณระดับสูงอยู่ แต่พลังในการรักษาของมันไม่ใช่ว่าจะมีประโยชน์ในทุกสถานการณ์ ในการต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายนั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไรมาก
‘เมื่อก่อนพระเจ้าบอกว่ามงกุฎสกายก็อตจะทำให้เราเข้าออกจีโนฮอลล์ได้อย่างอิสระ ตอนนี้เมื่อจีโนฮอลล์ถูกเปิดเผยออกมาแบบนี้ มงกุฎสกายก็อตจะยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีกไหมนะ?’ หลังจากที่หานเซิ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็ตัดสินใจจะสวมมงกุฎสกายก็อต
ในจังหวะที่หานเซิ่นสวมมงกุฎสกายก็อต มันก็มีแสงแห่งเทพที่เหมือนกับสายรุ้งลงมาปกคลุมร่างกายของเขา
หานเซิ่นเห็นฟันเฟืองจักรวาลตรงหน้าเริ่มหมุน มันเหมือนกับว่าประตูเครื่องจักรขนาดยักษ์กำลังเปิดออกตรงหน้าของเขา นี่เหมือนกับการเปิดประตูสู่คอร์แอเรียหรือก็อตแอเรีย
ประตูนั้นไม่ได้เปิดเพราะหานเซิ่น แต่มันเป็นเพราะมงกุฎสกายก็อตที่อยู่บนหัวของเขา
หานเซิ่นมองไปที่ประตูอวกาศและเห็นเพียงแค่หมอกแสงสีรุ้งกับโซ่สสารที่เชื่อมต่อกัน เขาไม่สามารถเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในได้
หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นก็เดินเข้าไปในประตู หลังจากที่ร่างกายของเขาเดินผ่านประตูไปแล้ว ประตูก็ปิดลงและหายลับไป เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นก็หายไปเช่นกัน
“ที่นี่คือ…วิหารพระเจ้า…” หานเซิ่นขมวดคิ้วเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
มันเป็นวิหารที่ทำขึ้นมาจากหินหยก ใต้เท้าของหานเซิ่นเห็นได้ชัดว่าเป็นแท่นหินที่เขาเคยเห็นสกายไวน์แรดิชก็อตกำเนิดขึ้นมาใหม่ มันต้องไม่ผิดแน่ๆ เขากำลังยืนอยู่บนแท่นของวิหารพระเจ้าจริงๆ
“วิหารพระเจ้าขั้นแอนนิฮิเลชั่นถูกเปิดออก ได้โปรดตั้งชื่อวิหารพระเจ้า”
มีเสียงดังก้องทั่ววิหาร และมีธงพระเจ้าบินมาทางหานเซิ่น
“เกิดอะไรขึ้น? นี่เรากลายเป็นเทพสปิริตอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นขมวดคิ้วขณะที่มองธงพระเจ้าที่ว่างเปล่า ธงพระเจ้าที่เขาเคยเห็นนั้นจะมีชื่ออยู่ แต่ธงตรงหน้าเขาตอนนี้ว่างเปล่า
หานเซิ่นไม่ต้องการจะกลายเป็นเทพสปิริต ถึงแม้มันจะเป็นเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่น เขาก็ไม่ต้องการมัน
“ในที่สุดเจ้าก็มา” ขณะที่หานเซิ่นกำลังลังเล ประตูของวิหารพระเจ้าก็เปิดออกและมีเด็กสาวเดินเข้ามา เด็กสาวคนนั้นก็คือกู่หว่านเอ๋อ เมื่อได้ยินโทนเสียงของเธอ หานเซิ่นก็รู้ว่าคนที่พูดขึ้นมาไม่ใช่กู่หว่านเอ๋อ แต่เป็นพรเจ้าที่กำลังสิงร่างของเธอ