หานเซิ่นมองไปที่รูปปั้นของฉินซิวและยกมีดในมือขึ้น
“ฉินซิว ข้าดื่มไวน์ของเจ้าสามแก้ว ชีวิตของหว่านเอ๋อร์ข้าจะแบกรับเอาไว้เอง เจ้ากับข้าเดินกันคนละเส้นทาง พวกเราจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อเส้นทางของตัวเอง วันนี้ข้าจำเป็นต้องทำลายเส้นทางของเจ้าเพื่อสร้างเส้นทางของข้า”
“หานเซิ่น… เจ้าบังอาจ…” อีแร้งแก่ ปีศาจสาว อสูรไร้ดวงตาและเรดโกสต์คำรามออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาปลดปล่อยพลังที่รุนแรงที่สุดขอตัวเองออกไปโจมตีหานเซิ่น พวกเขาพยายามจะหยุดหานเซิ่นจากการทำลายปราสาทศักดิ์สิทธิ์
หานเซิ่นแกว่งมีดและด้วยพลังของสปิริตศักดิ์สิทธิ์ มันก็ตัดพลังทั้งสี่ของปีศาจสาวและคนอื่นอย่างง่ายดาย ปีศาจสาวและคนอื่นๆถูกส่งกระเด็นออกไปนอกปราสาทศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่กระอักเลือกออกมา พวกเขาพยายามจะลุกกลับขึ้นมา แต่พวกเขาไม่สามารถทำได้
“เพื่อเห็นแก่ที่พวกเจ้าดูแลเสี่ยวฮวาเป็นอย่างดี วันนี้ข้าจะยังไม่ฆ่าพวกเจ้า แต่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์นี้ต้องถูกทำลาย” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็ฟันออกไปใส่รูปปั้นของฉินซิว
“ไม่!” ปีศาจสาวตะโกนขณะที่นอนกองอยู่บนพื้น เธอไม่สามารถลุกขึ้นมาเพื่อหยุดหานเซิ่นได้
อีแร้งแก่ เรดโกสต์และอสูรไร้ดวงตาต่างก็ดูสิ้นหวัง พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าปราสาทศักดิ์สิทธิ์จะถูกทำลาย เพราะแม้แต่เหล่าเทพสปิริตก็ไม่สามารถทำลายปราสาทศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่มันกำลังจะถูกทำลายโดยอาวุธที่ผู้นำเซเคร็ดสร้างขึ้นมา
หานเซิ่นฟันมีดออกไป มีดแสงสีขาวตัดผ่ากลางรูปปั้นของฉินซิวจนขาดครึ่ง หลังจากนั้นทั้งสองด้านของรูปปั้นก็ถล่มลงมา
แต่ทว่าตะเกียงเผ่าพันธุ์ยังคงลอยตัวอยู่บนอากาศ มันไม่ได้ร่วงลงไปพร้อมกับรูปปั้น
ตูม! ตูม! ตูม!
ในจังหวะที่รูปปั้นของฉินซิวพังทลาย รูปปั้นอื่นที่อยู่รอบๆก็พังทลายเช่นเดียวกัน ปราสาทศักดิ์สิทธิ์สั่นไหวและเริ่มจะถล่มลงมา มันเหมือนกับว่าโลกใบนี้กำลังถึงจุดจบ
“ไม่!” ปีศาจสาวดูสิ้นหวังมากๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าปราสาทศักดิ์สิทธิ์จะพังทลายแบบนั้น ซึ่งความหวังที่จะสร้างเซเคร็ดขึ้นใหม่ก็ถูกทำลายไปพร้อมๆกัน
ดวงตาของอีแร้งแก่และคนอื่นๆมีน้ำตาเลือดไหลออกมา ปราสาทศักดิ์สิทธิ์นั้นคือความหวังเดียวของพวกเขาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ตอนนี้ความหวังนั้นถูกพังทลายไปแล้ว มันทำให้พวกเขาหัวใจสลาย
ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภามองดูสิ่งที่เกิดขึ้นจากระยะไกล เขารู้สึกโล่งใจอย่างมากและพูดขึ้นว่า
“ในเมื่อมันเป็นอดีตไปแล้ว มันก็ควรจะถูกฝังไปตลอดการ โลกใบนี้โกลาหลมากพอแล้ว พวกเราจะไปทำให้มันโกลาหลมากกว่านี้ไปทำไม?”
“มิสเตอร์หาน ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้?” ไนน์เทาซันด์คิงตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่หานเซิ่นทำลงไป เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้นำเซเคร็ดจะต้องการให้เขาคุ้มครองหานเซิ่นมาที่นี่เพื่อทำลายปราสาทศักดิ์สิทธิ์ มันทำให้เขารู้สึกสับสนเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ เขายืนนิ่งไปอย่างไม่แน่ใจว่าควรจะทำอะไรต่อไป
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็เห็นปราสาทศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทำลายปลดปล่อยแสงออกมา ขณะที่ลำแสงถูกปล่อยออกมาตัดกันมากขึ้นเรื่อยๆ เศษหินของปราสาทศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็ลอยขึ้นจากพื้นและเผยให้เห็นวัตถุคริสตัลขนาดใหญ่ที่เหมือนกับแผ่นดิสก์ที่อยู่ข้างใต้
ตะเกียงเผ่าพันธุ์ทั้งห้าลอยเข้าไปประจำมุมของแผ่นคริสตัลและเริ่มจะปลดปล่อยแสงสว่างออกมา พวกมันส่องสว่างยิ่งกว่าตอนที่มันอยู่บนรูปปั้นหินซะอีก
ในตอนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ความสิ้นหวังของปีศาจสาวและคนอื่นๆก็ถูกเปลี่ยนเป็นความแปลกใจ พวกเขาจ้องมองไปที่แผ่นคริสตัลด้วยความงุนงง เนื่องจากไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หานเซิ่นขมวดคิ้วและมองไปที่แผ่นคริสตัล ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งออกมาจากอกของเขาและบินไปที่ศูนย์กลางของแผ่นคริสตัล ซึ่งมันก็คือรูปปั้นของหว่านเอ๋อร์
รูปปั้นหยกของหว่านเอ๋อร์บินลงไปบนแผ่นคริสตัลและใส่ตัวเองเข้าไปในช่องว่างที่อยู่ตรงใจกลาง หลังจากนั้นรูปปั้นหยกที่มีขนาดเท่าฝ่ามือก็ขยายใหญ่ขึ้น มันกลับคืนสู่ขนาดเดิมที่หานเซิ่นเคยเห็นในสวนศักดิ์สิทธิ์
บนแผ่นคริสตัลมีลวดลายประหลาดมากมายปรากฏขึ้นมา และหลังจากที่รูปปั้นหยกเข้าไปอยู่ที่จุดศูนย์กลาง แสงที่ตัดกันไปมาก็ทำให้เกิดเป็นสัญลักษณ์ประหลาดอย่างหนึ่ง
ทันใดนั้นรูปปั้นหยกก็เหมือนกับว่ามีชีวิตขึ้นมา มันมองมาที่หานเซิ่น
“ข้ารู้ว่าเจ้าก็คือบุคคลที่ข้าต้องการ”
“ข้าไม่ใช่ผู้กอบกู้” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่ฉินซิว
“ข้าไม่ได้ต้องการผู้กอบกู้” เสียงของฉินซิวดังขึ้นมาจากรูปปั้นหยก
“ข้าไม่ได้จะปกป้องโลกใบนี้ และข้าไม่ได้มองหาคนที่จะเดินตามเส้นทางของข้า ทั้งหมดที่ข้าต้องการก็คือผู้เบิกทาง ข้าต้องการคนที่จะทำลายกฎที่ถูกตั้งเอาไว้”
“ท่านผู้นำ!” ไนน์เทาซันด์คิงรีบเข้ามาคุกเข่าคำนับ
ปีศาจสาว เรดโกสต์ อีแร้งแก่และอสูรไร้ดวงตาเองก็พยายามจะลุกขึ้นมาเพื่อโค้งคำนับให้กับฉินซิว พวกเขาดูทั้งดีใจและประหลาดใจ
“ข้าไม่ใช่คนที่เจ้าต้องการ นอกจากเรื่องของหว่านเอ๋อร์ ข้าจะไม่ทำอะไรให้กับเจ้า” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
“ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าทำอะไรให้กับข้า เจ้าแค่ต้องทำตามหัวใจของตัวเอง เจ้ากับข้านั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะไม่มีข้า เจ้าก็จะไปถึงจุดหมายที่เจ้าแสวงหา ข้าก็แค่จะทำให้เจ้าไปถึงเส้นทางนั้นเร็วขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น”
หลังจากที่พูดจบ รูปปั้นหยกก็ส่องสว่างออกมา ลวดลายบนแผ่นคริสตัลเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ และดูเหมือนกับว่ารูปปั้นหยกกำลังยืนอยู่บนดวงจันทร์ที่สว่างไสว
ก่อนที่หานเซิ่นจะได้พูดอะไร ฉินซิวก็มองไปที่พวกปีศาจสาวก่อนที่จะพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณพวกเจ้าที่ทำงานอย่างหนัก พวกเจ้าทำได้ดีมาก จากนี้ต่อไปพวกเจ้าเป็นอิสระแล้ว พวกเจ้าจะทำอะไรก็ได้ที่พวกเจ้าต้องการ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องคอยเฝ้าที่นี่อีกต่อไป”
“นายท่าน ทั้งหมดนี่มันหมายความว่ายังไง? ข้าคิดว่านายท่านบอกว่ามีแค่คนที่มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะเป็นผู้นำคนใหม่ของเซเคร็ด ทำไมเขาที่ไม่มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์ถึง…” ปีศาจสาวเต็มไปด้วยความสับสน
“คนที่มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้นำคนใหม่ของเซเคร็ด แบบนั้นเซเคร็ดก็จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่นั่นเป็นแค่ความต้องการขั้นต่ำสุดเพื่อจะรักษาความหวังสุดท้ายเอาไว้ แต่สิ่งที่จำเป็นจริงๆนั้นเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ข้าต้องการคนที่จะเดินไปได้ไกลกว่าข้า ข้าต้องการคนที่จะประสบความสำเร็จมากยิ่งกว่า…”
ฉินซิวยืนบนแผ่นคริสตัลและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงตาของเขาเริ่มจะขาดโฟกัส ขณะที่แขนของเขาค่อยๆยกขึ้นไป มันเหมือนกับว่าเขาพยายามจะคว้าท้องฟ้าเอาไว้
“ให้ข้าแนะนำโลกที่น่าสนใจนี้ให้เจ้ารู้จัก” ฉินซิวยิ้ม
หานเซิ่นต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นแผ่นคริสตัลก็ส่องสว่างจนแสบตาและแผ่นคริสตัลก็หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ในตอนที่ฉินซิวยกแขนขึ้นจนสุด แสงของแผ่นคริสตัลก็ปะทุเหมือนกับภูเขาไฟ มันกลายเป็นลำแสงที่พุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้า
ตูม!
ทั้งจักรวาลเริ่มสั่นสะเทือน ดวงดาวและระบบจักรวาลต่างๆเริ่มสั่นไหว เผ่าพันธุ์นับไม่ถ้วนรู้สึกตกใจขณะที่พวกเขาพากันมองขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขามองไปที่เสาแห่งแสงเหมือนกับว่ามันเป็นที่ยึดเหนี่ยวของจักรวาลนี้
ที่ปลายสุดของเสาแห่งแสง ดูเหมือนว่าน้ำแข็งสีดำกำลังละลายและโลกที่อยู่เบื้องหลังก็กำลังเผยออกมาให้เห็น
มันมีวิหารลึกลับมากมายปรากฏออกมา ในตอนแรกพวกมันดูเหมือนกับเงาลางๆ แต่ยิ่งความมืดถูกละลายหายไปเรื่อยๆโดยเสาแห่งแสง ทุกอย่างก็ชัดเจนและเหมือนจริงมากขึ้นเรื่อยๆ
“นี่…มันคือจีโนฮอลล์” หานเซิ่นหลี่ตาและมองไปที่สิ่งก่อสร้างลึกลับในอวกาศ