ขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้นั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิงดังมาจากในความมืด เห็นได้ชัดว่าสเปชชาร์มถูกดึงดูดมาที่นี่โดยการต่อสู้ แต่สเปชชาร์มนั้นหวาดกลัวแสงสว่างจากตะเกียงหิน ดังนั้นพวกมันจึงไม่กล้าเข้ามาใกล้
เป่าเอ๋อส่องแสงของกระจกไนน์สปินเดสทินี้ไปใส่อีแร้งแก่ ดูเหมือนมันจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก แต่ไม่รู้ว่าทำไมหลังจากที่ถูกแสงของกระจกไนน์สปินเดสทินี้เข้าไป อีแร้งแก่ก็ไม่กล้าจะเข้ามาใกล้อีก
มันกลายเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทันใดนั้นปีศาจสาวก็ตะโกนขึ้นมา “ไร้ตา กลิ้งไปทางตรงกันข้ามกับปราสาทศักดิ์สิทธิ์!”
เมื่อได้ยินแบบนั้น อสูรยักษ์ไร้ดวงตาก็เปลี่ยนทิศทางและเริ่มกลิ้งไปอีกด้านหนึ่ง ปีศาจสาวรู้ว่าเป้าหมายของหานเซิ่นก็คือปราสาทศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการบอกให้อสูรไร้ดวงตากลิ้งไปในทางตรงกันข้าม นอกซะจากหานเซิ่นจะยอมล้มเลิกความคิดจะไปที่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่สามารถใช้อสูรยักษ์ไร้ดวงตาเป็นที่กำบังได้
โดยที่ไม่ลังเลหานเซิ่นเลิกตามติดอสูรยักษ์ไร้ดวงตาและมุ่งหน้าไปทางปราสาทศักดิ์สิทธิ์
“ตอนนี้มาดูกันสิว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้อีก” ปีศาจสาวไล่ตามหานเซิ่นไป พร้อมกับถือปิ่นปักผมหยกเอาไว้เหมือนกับว่าพวกมันเป็นส้อม ปิ่นปักผมหยกเริ่มจะสั่นไหว แต่พวกมันไม่ได้สร้างเสียงขึ้นมา
“มาดูกันสิว่าเจ้าจะหนีจากสนามพลังของข้าได้ไหม” อาเหมยพูดขณะที่นำปิ่นปักผมหยกมาประกบกันเป็นรูปกากบาท หลังจากนั้นพวกมันก็เริ่มบินออกมาจากมือของอาเหมยและลอยตัวอยู่ในอากาศ
มันเหมือนกับว่ามิติอวกาศภายใต้ปิ่นปักผมหยกนั้นถูกพลิกผัน มีเงามากมายเคลื่อนที่ออกมาจากปิ่นปักผมหยก ซึ่งพวกมันก็คือสเปชชาร์ม
เดิมทีสเปชชาร์มนั้นหวาดกลัวแสงไฟจากตะเกียงหิน แต่ตอนนี้สเปชชาร์มที่ออกมาจากปิ่นปักผมหยกนั้นดูเหมือนจะไร้ซึ่งความหวาดกลัวต่อแสงไฟของตะเกียงหิน พวกมันเป็นเหมือนกับแฟรี่ที่บินเข้ามาล้อมหานเซิ่นเอาไว้
สเปชชาร์มที่เข้ามานั้นมีสีขาว พวกมันดูแตกต่างสเปชชาร์มสีฟ้าที่หานเซิ่นเคยเห็นในความมืด แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าพวกมันมีความแตกต่างกันยังไง
หานเซิ่นใช้โล่เมดูซ่าส์เกซเพื่อส่องแสงไปใส่สเปชชาร์ม แต่มันไม่ได้ผล แสงจากโล่นั้นทะลุผ่านร่างกายของพวกมันไปโดยที่ไม่ได้ทำให้ร่างกายของพวกมันถูกแช่แข็ง
หานเซิ่นลองใช้วิชาจีโนหลายวิชาติดต่อกัน แต่ไม่มีวิชาไหนที่ได้ผลกับสเปชชาร์มเช่นกัน แม้แต่อาณาเขตกาลเวลาของเขาก็ไม่สามารถหยุดพวกมันได้
เป่าเอ๋อกำลังถือกระจกไนน์สปินเดสทินี้และส่องแสงของมันไปใส่พวกสเปชชาร์ม ซึ่งพวกสเปชชาร์มนั้นหลบแสงของกระจกอย่างน่าประหลาด ดูเหมือนกับว่าเหล่าสเปชชาร์มนั้นหวาดกลัวแสงจากกระจกไนน์สปินเดสทินี้
แต่ทว่ากระจกไนน์สปินเดสทินี้ส่องแสงออกไปได้แค่ทิศทางเดียวเท่านั้น มันมีสเปชชาร์มเข้ามาหาพวกเขาจากทุกด้าน ในตอนที่เป่าเอ๋อใช้กระจกไนน์สปินเดสทินี้ในทิศทางหนึ่ง สเปชชาร์มจากทางอื่นก็จะเข้ามาหาพวกเขา
สเปชชาร์มดูน่าดึงดูด พวกมันเป็นเหมือนกับแฟรี่ที่กำลังบินไปบินมา พวกมันมีรอยยิ้มที่ทำให้หานเซิ่นอยากจะเข้าไปกอดพวกมัน
แต่หานเซิ่นรู้ว่าสเปชชาร์มดูน่าดึงดูดแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น เพราะยังไงซะพวกมันก็ดูเหมือนกับแฟรี่ เขารู้ว่าถ้าเข้าไปใกล้พวกมัน พวกมันก็จะกลายเป็นอสูรร้ายที่จะกลืนกินเขาเข้าไป
ไนน์เทาซันด์คิงนั้นเป็นขั้นทรูก็อตระดับท็อป และเขาก็มีชุดเกราะที่เป็นอาวุธประจำตัวพระเจ้าอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังหวาดกลัวสเปชชาร์มและไม่กล้าจะเข้าไปใกล้พวกมัน แค่ความจริงในเรื่องนั้นก็บ่งบอกถึงความน่ากลัวของพวกมัน
ตอนนี้มันมีสเปชชาร์มเป็นสิบๆตัวที่เข้ามาล้อมพวกเขาจากทุกทิศทาง เมื่อดูจากตำแหน่งของตัวเองแล้ว หานเซิ่นก็รู้ว่ามันไม่มีหนทางให้เขาหนีไปไหนแล้ว
นอกจากนั้นมันยังมีสเปชชาร์มออกมาจากปิ่นปักผมอีกเรื่อยๆ เขาไม่รู้จริงๆแล้วสเปชชาร์มพวกนี้มาจากที่ไหนกันแน่
“ผู้หญิงบ้ากาม ถึงเจ้าจะไม่ได้ใช้พลังนี้ซะนาน แต่มันก็ยังคงน่ากลัวเหมือนเดิม” อีแร้งแก่พูดกับปีศาจสาว
“แต่เจ้าทำเกินไปแล้ว หลังจากที่สนามพลังของเจ้าสิ้นสุดลง สเปชชาร์มพวกนี้ก็คงจะยังอยู่ในความมืดและสร้างปัญหาให้กับพวกเรา”
“ในตอนนี้ข้าไม่มีเวลามาสนใจเรื่องแบบนั้น” ปีศาจสาวพูด
“ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องจัดการเขาให้ได้ พวกเราจะปล่อยให้เขาเอาสปิริตศักดิ์สิทธิ์ไปไม่ได้”
อสูรยักษ์ไร้ดวงตากลิ้งเข้ามาและพูด “ด้วยสนามพลังของเจ้า แม้แต่เทพสปิริตก็หนีไปไม่ได้ เด็กคนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง”
ปีศาจสาวพูด “ถ้ามันไม่มีกระจกไนน์สปินเดสทินี้ที่หยุดยั้งเหล่าสเปชชาร์มได้ล่ะก็ เขาก็คงจะตกมาอยู่ในมือของข้าเรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่มีทางที่เขาจะหนีจากสเปชชาร์มด้วยกระจกไนน์สปินเดสทินี้ได้”
ทุกอย่างเป็นไปตามการคาดการณ์ของปีศาจสาว เป่าเอ๋อพยายามใช้กระจกไนน์สปินเดสทินี้เพื่อทำให้สเปชชาร์มหลายตัวต้องถอยออกไป แต่เธอไม่สามารถทำลายพวกมันได้โดยสมบูรณ์ เธอไม่สามารถหยุดสเปชชาร์มทั้งหมดได้
สุดท้ายสเปชชาร์มตัวหนึ่งก็เล็ดลอดมาจนถึงตรงหน้าหานเซิ่น หลังจากนั้นใบหน้าที่งดงามของมันก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่น่ากลัว มันกำลังจะกัดขาของหานเซิ่น
หานเซิ่นรีบใช้แส้เหล็กเทพเสน่หาฟาดใส่หัวของสเปชชาร์ม แต่แส้เหล็กนั้นเคลื่อนที่ทะลุผ่านหัวของมันไป
หานเซิ่นรีบเทเลพอร์ตถอยออกไป แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ฟันของสเปชชาร์มยังคงกัดถูกขาของหานเซิ่น เขารู้สึกเจ็บปวดไปถึงกระดูก มันเหมือนกับว่ากระดูกของเขาถูกตัดออกไป ในตอนที่หานเซิ่นก้มหัวดู เขาไม่เห็นเลือดหรือบาดแผลอยู่บนขาของเขา
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าเสื้อคลุมสีฟ้าได้ช่วยป้องกันฟันของสเปชชาร์มให้กับเขา แต่ถึงฟันของสเปชชาร์มจะถูกป้องกัน แต่พลังของมันก็ยังคงอยู่ พลังนั้นเข้ามาถูกขาของเขาและเกือบจะทำให้กระดูกของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ
หานเซิ่นคิด ‘โชคดีที่เสื้อคลุมนี้ป้องกันฟันของสเปชชาร์มได้ พวกมันไม่ได้ฝังเข้ามา ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะกัดขาของเราขาดไปแล้ว’
สเปชชาร์มยังคงโผล่ออกมามากขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นพยายามเทเลพอร์ตหนี ขณะที่เป่าเอ๋อใช้กระจกไนน์สปินเดสตินี้ส่องแสงใส่เหล่าสเปชชาร์ม พวกเขายังคงเอาชีวิตรอดได้ แต่สถานการณ์ของพวกเขากำลังเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ
“เสื้อคลุมนั้นป้องกันการกัดของสเปชชาร์มได้ ดูเหมือนมันจะเป็นสมบัติที่ดีมากๆ นี่เขาออกมาจากก็อตแซงชัวรี่ได้กี่ปีกันเชียว? ทำไมเขาถึงได้มีสมบัติระดับท็อปมากมายขนาดนี้?”
อีแร้งแก่เห็นว่าหานเซิ่นไม่ได้รับบาดเจ็บจากการกัดของสเปชชาร์ม เขาจึงรู้ว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ
ปีศาจสาวพูดขึ้นว่า “เขาไม่ธรรมดาจริงๆ แต่เขาไม่มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์ เขาใช้อาวุธสปิริตศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเทียบกับนายน้อยแล้ว เขาก็เป็นเหมือนกับสินค้าที่เสร็จครึ่งเดียว”
“ใช่แล้ว มีแค่นายน้อยเท่านั้นที่จะทำให้ชื่อเสียงของเซเคร็ดกลับคืนมาอีกครั้ง” อสูรยักษ์ไร้ดวงตาพยักหน้าเห็นด้วย
ในตอนนี้สนามพลังของปีศาจสาวนั้นเรียกสเปชชาร์มออกมาถึงสามสิบตัว หานเซิ่นและเป่าเอ๋อกำลังเหนื่อยล้าที่ต้องรับมือกับพวกมัน พวกเขาคงจะทนได้อีกไม่นาน หานเซิ่นถูกกัดไปหลายครั้ง ถึงเสื้อคลุมจะช่วยปกป้องเขา และทำให้ร่างกายของเขาไม่เป็นอะไร แต่เขาก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี
หานเซิ่นต้องทำอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นแว่นกัดแดดที่เป่าเอ๋อกำลังสวมใส่อยู่ก็มีแสงกระพริบขึ้นมา หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนร่างเป็นสเปชชาร์ม