Super God Gene – ตอนที่ 2954 พ่อและลูกสาวต่อสู้กับอสูรร้ายสามตัว

นอกจากอีแร้งแก่ที่มีความเร็วเหนือกว่าอาณาเขตกาลเวลาแล้ว อสูรยักษ์ไร้ดวงกับปีศาจสาวได้รับผลกระทบจากอาณาเขตกาลเวลา พลังของพวกเขาช้าลงไปอย่างมาก

 

แต่ถึงอย่างนั้นอาณาเขตกาลเวลาก็ไม่สามารถถ่วงเวลาพวกเขาได้นานนัก ที่สุดแล้วพลังของพวกเขาก็ไปถึงตัวหานเซิ่น

 

“เป่าเอ๋อรับมันไป!” หานเซิ่นโยนกระจกไนน์สปินเดสทินี้ให้กับเป่าเอ๋อ และหยิบเอามีดเหตุและผลออกมา หลังจากนั้นเขาก็โยนมันขึ้นในอากาศและใช้ปากคาบมีดเอาไว้

 

ในเวลาเดียวกันหานเซิ่นก็เอาอาวุธอีกอันออกมา มันคือแส้เหล็กเทพเสน่หา

 

มีดเหตุและผลทรงพลังก็จริง แต่พลังหลักๆของมันก็เหตุและผลแห่งกรรม ด้วยตัวมันเองสร้างความเสียหายได้เพียงเล็กน้อย ในการต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งแบบนี้มีดเหตุและผลดูจะใช้งานได้ยาก หานเซิ่นต้องรอคอยจนกระทั่งเขาได้รับบาดเจ็บก่อนที่จะทำการใช้มัน

 

แต่แส้เหล็กเทพเสน่หานั้นต่างออกไป ในตอนที่หานเซิ่นเอาแส้เหล็กเทพเสน่หาออกมา พลังของวิชาโลหิตชีพจรก็ได้ถูกใส่เข้าไปในแส้เหล็กเรียบร้อยแล้ว พลังนั้นไม่ได้ถูกใส่เข้าไปเพื่อควบคุมแส้เหล็กเทพเสน่หา แต่มันถูกใส่เข้าไปเพื่อทำลายผนึกของผู้นำปราสาทนภา

 

ก่อนหน้านี้หานเซิ่นไม่มีพลังพอที่จะควบคุมแส้เหล็กเทพเสน่หาได้ เขาจึงต้องขอให้ผู้นำปราสาทนภาช่วยผนึกแส้เหล็กเทพเสน่หาเอาไว้ แต่ตอนนี้พลังของหานเซิ่นเทียบได้กับขั้นทรูก็อตคนหนึ่ง มันมากพอที่จะใช้อาวุธขั้นทรูก็อตและอาวุธเผ่าพันธุ์ได้ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป

 

ตอนนี้ผิวของแส้เหล็กเทพเสน่หาเป็นสีเทา แต่หลังจากที่ผนึกแตกร้าวด้วยพลังของวิชาโลหิตชีพจร มันก็เริ่มมีแสงสีม่วงเล็ดลอดออกมา แสงสีม่วงของแส้เหล็กที่ส่องออกมาผ่านรอยร้าวนั้นสว่างขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่รอยแพร่กระจายไปทั่วแส้เหล็ก ที่สุดแล้วผิวสีเทาทั้งหมดก็แตกเป็นเสี่ยงๆและเผยให้เห็นแส่เหล็กสีม่วง

 

หานเซิ่นถือแส้เหล็กเทพเสน่หาและแกว่งมันไปใส่ปิ่นปักผมของปีศาจสาว หลังจากการปะทะกัน หานเซิ่นก็กระเด็นออกไปได้หลัง แต่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เขาแค่พลังน้อยกว่าปีศาจสาวเท่านั้น

 

เป่าเอ๋อกำลังถือตะเกียงหินและกระจกไนน์สปินเดสทินี้อยู่ เธอเล็งมันไปที่อสูรไร้ดวงตาที่ปลดปล่อยพลังเสียงเข้ามา จิ้งจอกสาวเก้าหางในกระจกเรืองแสงสีเงินออกมาป้องกันเอาไว้ คลื่นเสียงนั้นไม่ได้ถูกทำลาย แต่พวกมันถูกสะท้อนออกไป

 

อีแร้งแก่ยังคงพ่นควันสีดำออกมาใส่หานเซิ่นอย่างบ้าคลั่ง โล่เมดูซ่าส์เกซนั้นไม่สามารถป้องกันพวกมันทั้งหมดได้ สุดท้ายหานเซิ่นก็จำเป็นต้องเทเลพอร์ตเพื่อหลบควันสีดำ

 

เดิมทีเนื่องจากแสงสว่างของตะเกียงหินนั้นไม่กว้างมาก หานเซิ่นจึงไม่สามารถเทเลพอร์ตเพื่อหลบหลีกควันสีดำได้ แต่เมื่ออสูรยักษ์ไร้ดวงตาเข้ามาใกล้หานเซิ่น เขาก็จงใจเทเลพอร์ตไปข้างๆอสูรยักษ์ไร้ดวงตา เขาใช้ร่างกายที่ใหญ่โตของมันเพื่อป้องกันการโจมตี อีแร้งแก่กังวลว่าอสูรยักษ์ไร้ดวงตาจะถูกโจมตีไปด้วย ด้วยเหตุนั้นมันทำให้การโจมตีของอีแร้งแก่ต้องเปลี่ยนทิศทางในจังหวะสุดท้าย

 

พ่อและลูกสาวต่อสู้ร่วมกัน พวกเขาต่อสู้กับศัตรูทั้งสามได้อย่างสูสี และศัตรูทั้งสามก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้

 

กระจกไนน์สปินเดสทินี้สามารถสะท้อนการโจมตีที่เข้ามา และแส้เหล็กเทพเสน่หาที่รู้จักกันในอีกชื่อว่าแส้เหล็กคิวปิดนั้นถึงจะดูเหมือนทำอะไรไม่ได้มาก แต่จริงๆแล้วมันช่วยหานเซิ่นอย่างมากในการต่อสู้กับศัตรูทั้งสาม มันทำให้พลังที่ศัตรูทั้งสามปล่อยออกมาเบาลงไปโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว มันเหมือนกับว่าลึกๆแล้วพวกเขาไม่ต้องการฆ่าหานเซิ่น

 

หานเซิ่นและเป่าเอ๋อใช้ตะเกียงหิน กระจกไนน์สปินเดสทินี้ แส้เหล็กเทพเสน่หาและโล่เมดูซ่าส์เกซเพื่อป้องกันการโจมตีของศัตรูทั้งสามได้ทั้งหมด มันบอกไม่ได้ว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะ

 

“เวรเอ้ย! ไร้ตา เจ้าอย่ามาขวางทางข้าได้ไหม แบบนี้ข้าจะโจมตีได้ยังไง!” อีแร้งแก่ตะโกน การโจมตีส่วนใหญ่ของมันถูกบล็อกโดยอสูรยักษ์ไร้ดวงตา ซึ่งเป็นอะไรที่น่าโมโห

 

ปีศาจสาวถือปิ่นปักผมหยกสองอันอยู่ในมือ ร่างกายของเธอเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวแว็บหายไป แต่เธอก็ยังคงไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้

 

หานเซิ่นสะบัดหัวเพื่อใช้มีดเหตุและผลที่คาบเอาไว้ป้องกันการโจมตีจากปิ่นปักผมของปีศาจสาว ร่างกายของเขากระเด็นไปด้านหลังและกระอักเลือดออกมา

 

ปีศาจสาว อสูรไร้ดวงตาและอีแร้งแก่นั้นต่างก็ทรงพลังกว่าหานเซิ่นกันทั้งนั้น เขาอาจจะไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายแบบตัวต่อตัวได้ แต่หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวที่ต้องต่อสู้กับศัตรูทั้งสามพร้อมๆกัน

 

ถ้าสู้กันตัวต่อตัว หานเซิ่นอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปีศาจสาว แต่สามต่อหนึ่งเป็นอะไรที่ง่ายสำหรับหานเซิ่น มันทำให้เขารู้สึกเบาใจ

 

หานเซิ่นถนัดมากในเรื่องการสู้กับศัตรูเป็นกลุ่ม เนื่องจากเขาสามารถทำให้ศัตรูทั้งสามโจมตีใส่พวกเดียวกันได้

 

พ่อและลูกสาวป้องกันโจมตีทั้งซ้ายและขวา ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็หนีเข้าไปในความมืด ปีศาจสาวและคนอื่นๆไม่สามารถหยุดพวกหานเซิ่นเอาไว้ได้

 

ขณะที่ตามหานเซิ่นเข้าไปในความมืด ปีศาจสาวและคนอื่นก็รู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาถูกจำกัดโดยความมืด การต่อสู้กับพลังความมืดนั้นทำให้พวกเขาสูญเสียพลังงาน นอกจากนั้นมันยังมีอาณาเขตการเวลาที่คอยชะลอความเร็วของพวกเขาลงอีก ทำให้มันเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆที่จะหยุดหานเซิ่นเอาไว้

 

“เวรเอ้ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย? ทำไมเขาถึงได้มีสิ่งแปลกประหลาดมากมายนัก? มันเหมือนกับว่าของดีๆในโลกนี้มาอยู่กับเขาหมด”

อีแร้งแก่รู้สึกโมโหอย่างมาก พลังของมันเหนือกว่าหานเซิ่น แต่มันกลับไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้เลย

 

“ถ้าเขาไม่มีตะเกียงเผ่าพันธุ์มาช่วยเสริมพลังของกระจกไนน์สปินเดสทินี้ล่ะก็ ข้าก็คงจะทำลายกระจกเฮงซวยนั่นได้ไปแล้ว!” อสูรยักษ์ไร้ดวงตารู้สึกหดหู่

 

“ไม่แปลกใจเลยที่เขาเป็นพ่อของนายน้อย” ปีศาจสาวพูด

“ถึงยีนของเขาจะไม่เสถียร แต่ความสามารถในการต่อสู้ของเขานั้นน่ากลัวมากๆ เขาทำให้พวกเราทำร้ายพวกเดียวกัน พวกเจ้าถอยออกไปก่อน ข้าจะหาทางหยุดเขาเอง”

 

“เอางั้นก็ได้” อีแร้งแก่พูด ก่อนที่จะกระพือปีกเพื่อบินออกจากสนามต่อสู้ไป

 

อสูรยักษ์ไร้ดวงตาก็กลิ้งออกไปด้านข้างเช่นกัน มันคิดจะอ้อมไปดักรอหานเซิ่นอยู่ที่หน้าปราสาทศักดิ์สิทธิ์

 

หานเซิ่นจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้น ตอนนี้เขาเป็นเหมือนกับเงาที่ตามติดอสูรยักษ์ไร้ดวงตาอย่างไม่ห่าง เขาจะไม่ปล่อยให้มันออกจากสนามต่อสู้ไปได้

 

“เจ้าหยุดตามข้าเดี๋ยวนี้!” อสูรไร้ดวงตาตะโกนอย่างโมโห มันไม่สามารถสลัดหานเซิ่นหลุดไปได้ ความเร็วของมันไม่ได้สูงเหมือนอย่างอีแร้งแก่

 

หานเซิ่นใช้อาณาเขตการเวลาเพื่อประกบคู่กับอสูรไร้ดวงตาไป และทำให้มันไม่สามารถหนีออกไปจากสนามต่อสู้ได้

 

“ไร้ตา! ที่เจ้ากำลังอะไรอยู่? ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” การโจมตีของปีศาจสาวถูกบล็อคเอาไว้โดยอสูรยักษ์ไร้ดวงตา มันทำให้เธอรู้สึกโกรธ

 

“ข้าเองก็อยากจะออกไปเหมือนกัน” ตอนนี้อสูรไร้ดวงตารู้สึกหดหู่ยิ่งกว่าเดิม

 

อสูรยักษ์ไร้ดวงตานั้นพยายามจะกลิ้งไปทั้งซ้ายและขวา แต่มันก็ไม่สามารถสลัดหานเซิ่นหลุดไปได้

 

อีแร้งแก่กระพือปีกและบินข้างๆอสูรยักษ์ไร้ดวงตา กรงเล็บของมันยื่นมาจับร่างกายของอสูรไร้ดวงตาเอาไว้ มันคิดจะพาอสูรไร้ดวงตาหนีไปจากอาณาเขตกาลเวลาของหานเซิ่น

 

“นี่เจ้าคิดจะทำอะไร?” เป่าเอ๋อตะโกนอย่างร่าเริง กระจกไนน์สปินเดสทินี้ในมือของเธอส่องแสงผ่านเปลวเพลิงของตะเกียงหิน แสงที่ถูกย้อมเป็นสีขาวพุ่งไปถูกร่างกายของอีแร้งแก่ และทำให้ร่างกายของอีแร้งแก่สั่นรัวราวกับว่ามันถูกไฟฟ้าช็อต อีแร้งแก่จำใจต้องปล่อยอสูรไร้ดวงตาและบินหนีเข้าไปในความมืด

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset