ตอนนี้บุดด้ากลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำไป และเบิร์นนิ่งแลมป์ก็กลายเป็นสามัญชนคนหนึ่ง บุดด้านั้นไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาจะรักษาบุดด้าคิงดอมเอาไว้ได้ไหม
แต่หลังจากการต่อสู้ในครั้งนี้ มันไม่ใช่แค่เผ่าบุดด้าเท่านั้นที่ย่ำแย่ เผ่าเดสทรอยเยอร์เองก็ประสบกับการสูญเสียครั้งใหญ่เช่นกัน
ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์นั้นถูกฆ่าตายไปในระหว่างการต่อสู้ พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์นี้ แต่พวกเขาก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
เดสทรอยเยอร์นั้นเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงอันดับที่ห้า ถึงแม้ในเผ่าเดสทรอยเยอร์จะมียอดฝีมือขั้นทรูก็อตอยู่หลายคน แต่ผู้นำเดสทรอยเยอร์นั้นคือผู้นำของพวกเขาทุกคน เขามีพลังสูงที่สุดและได้รับความเคารพมากที่สุด
สำหรับสามเผ่าพันธุ์สูงสุดแล้ว ความตายของยอดฝีมือขั้นทรูก็อตอาจจะไม่ได้สั่นคลอนรากฐานของพวกเขามากนัก แต่เผ่าเดสทรอยเยอร์นั้นต่างออกไป สำหรับพวกเขาแล้วความตายของยอดฝีมือขั้นทรูก็อตเหมือนกับถูกถอนรากครึ่งหนึ่ง ตอนนี้มีหลายฝ่ายที่ต้องการจะบุกโจมตีเผ่าเดสทรอยเยอร์ มันทำให้เผ่าเดสทรอยเยอร์ตกอยู่ในความโกลาหล
ชื่อของก็อดฟาเธอร์หานเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าของจักรวาล ก่อนหน้านี้ชื่อของก็อดฟาเธอร์หานนั้นเป็นแค่ชื่อที่พูดกันเล่นสนุกๆ แต่ตอนนี้เมื่อไหร่ก็ตามที่สิ่งมีชีวิตพูดถึงก็อดฟาเธอร์หาน มันไม่ใช่ชื่อที่พูดกันเล่นๆแต่เป็นชื่อที่ทำให้ผู้คนที่ได้ยินหวาดกลัว
การทำให้ขั้นทรูก็อตกลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลาย และการเปลี่ยนเบิร์นนิ่งแลมป์ให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดานั้นเป็นอะไรที่บ้ามากๆ โดยปกติแล้วสิ่งมีชีวิตธรรมดาๆจะหวาดกลัวยอดฝีมือระดับเทพเจ้า แต่ระดับเทพเจ้าเป็นเหมือนกับเด็กเมื่ออยู่ต่อหน้าหานเซิ่น พลังของหานเซิ่นนั้นมากพอจะทำให้ทั้งจักรวาลหวาดกลัว
“นั่นเป็นพลังแบบไหนกัน?” ผู้อาวุโสเผ่าเวรี่ไฮขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด เขาได้รับหน้าที่ให้มาจับตัวหานเซิ่นกลับไปที่เผ่าเวรี่ไฮ แต่เนื่องจากการเข้าแทรกแซงของผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ เขาจึงไม่ได้ปรากฏตัวออกไป เขาคอยดูอยู่ห่างๆ แต่เขากลับได้เห็นผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ถูกเปลี่ยนเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายและเบิร์นนิ่งแลมป์ก็ถูกเปลี่ยนเป็นสามัญชน นั่นทำให้แม้แต่ผู้อาวุโสเผ่าเวรี่ไฮก็ไม่กล้าจะเข้าไปจับตัวหานเซิ่น
ความจริงแล้วไม่ใช่แค่เผ่าเวรี่ไฮที่รู้สึกแบบนั้น เผ่าพันธุ์ชั้นสูงมากมายต่างก็ตกใจกับพลังนั้น มันจึงไม่มีใครกล้าทำอะไร
พวกเขาไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว เนื่องจากหานเซิ่นยังเป็นแค่ขั้นบัตเตอร์ฟลาย เขาไม่สามารถใช้คัมภีร์นภาอำพันเปลี่ยนให้ขั้นทรูก็อตกลายเป็นสามัญชนคนหนึ่งได้ เขาทำได้แค่ลดระดับขั้นทรูก็อตลงมาหนึ่งระดับเป็นเวลาชั่วคราวเท่านั้น
ถ้านอร์ทเทิร์นไลท์อัลฟ่าและยอดฝีมือขั้นทรูก็อตคนอื่นๆโจมตีหานเซิ่นพร้อมๆกัน หานเซิ่นก็จะทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายแล้วเขาก็คงจะต้องเป็นฝ่ายที่หนีไป
แต่นอร์ทเทิร์นไลท์อัลฟ่าและคนอื่นๆตกใจกับสิ่งที่หานเซิ่นทำเกินกว่าจะกล้าทำอะไร การที่หานเซิ่นเปลี่ยนเบิร์นนิ่งแลมป์ให้กลายเป็นสามัญชนคนหนึ่งนั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวเกินไป พวกเขาไม่สามารถเข้าใจถึงพลังของหานเซิ่นได้ ดังนั้นมันจึงไม่มีใครกล้าเข้ามาหยุดหานเซิ่นจากการจุดดวงไฟตะเกียงของคริสตัลไลเซอร์
หานเซิ่นอยากจะกำจัดนอร์ทเทิร์นไลท์อัลฟ่าและยอดฝีมือขั้นทรูก็อตคนอื่นที่เข้ามาแทรกแซง แต่เขายังไม่แข็งแกร่งพอจะทำแบบนั้น มันถือเป็นเรื่องยากแล้วกว่าที่เขาจะจุดตะเกียงเผ่าพันธุ์ได้
‘เผ่าคริสตัลไลเซอร์เคยไปล่วงละเมิดใครกันไว้กันแน่? ทำไมมันถึงได้มียอดฝีมือขั้นทรูก็อตตั้งหลายคนปรากฏตัวออกมาเพื่อจะหยุดคริสตัลไลเซอร์จากการกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง?’ หานเซิ่นไม่เข้าใจ
เมื่อกลับเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่ามนุษย์ในก็อตแซงชัวรี่นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากตะเกียงเผ่าพันธุ์ของคริสตัลไลเซอร์ เขารู้สึกโล่งใจขึ้นมา
หานเซิ่นเข้าใจว่าก็อตแซงชัวรี่และจักรวาลจีโนนั้นมีกฎที่แตกต่างกัน และสถานที่ทั้งสองก็ไม่ได้เชื่อมต่อกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกกังวลอยู่ดี
หานเซิ่นลองพามนุษย์คนหนึ่งมาที่จักรวาลจีโน มนุษย์คนนั้นกลายเป็นระดับบารอนและสร้างอาวุธจีโนขึ้นมาในทันที บนหน้าผากของเขามีเครื่องหมายเผ่าพันธุ์ของคริสตัลไลเซอร์ปรากฏขึ้นมา แต่หลังจากที่วัฒนาการเป็นบารอนเสร็จแล้ว เครื่องหมายเผ่าพันธุ์ก็หายไป
‘จริงๆด้วย หลังจากที่เข้ามาในจักรวาลแล้ว คนๆนั้นถึงจะได้รับผลกระทบจากกฎของจีโนฮอลล์’ หานเซิ่นคิด
ด้วยการที่มีสเปชการ์เด้นเป็นฐาน หานเซิ่นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมากอีกต่อไป เขาสามารถพามอนสเตอร์ สปิริตและมนุษย์มาที่จักรวาลจีโนได้มากตามที่เขาต้องการ คนที่เขาพามายังสามารถใช้ทรัพยากรของสเปชการ์เด้นเพื่อพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
การสร้างเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งขึ้นมาไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้โดยคนเพียงคนเดียว ถ้าหานเซิ่นอยากให้มนุษย์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งในจักรวาล เขาก็จำเป็นต้องทำให้ทุกคนแข็งแกร่งขึ้น
แต่หานเซิ่นมีเพียงแค่สเปชการ์เด้นเท่านั้น ไม่สำคัญว่ามันจะมีทรัพยากรมากมายสักแค่ไหน ลำพังแค่มันไม่สามารถทำให้พวกเขากลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงระดับท็อปได้ หานเซิ่นจำเป็นต้องมีซีโน่เจเนอิคสเปชเป็นร้อยเป็นพันที่มีทรัพยากรเหมือนกับสเปชการ์เด้นเพื่อจะทำให้คนอื่นๆแข็งแกร่งพอจะโจมตีสามเผ่าพันธุ์สูงสุดได้
ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่สามารถเอาแต่หลบอยู่ในสเปชการ์เด้นได้ ถึงแม้มันจะมีทรัพยากรอยู่มาก แต่พวกมันก็เป็นแค่พืชซีโน่เจเนอิคขั้นพริมิทีฟเท่านั้น มันไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนคนที่ไปถึงขั้นบัตเตอร์ฟลายแล้วอย่างหานเซิ่น
มันไม่ใช่แค่หานเซิ่นเท่านั้น แม้แต่หวงฟูจิ้งที่กลายเป็นขั้นลาร์วาแล้วก็จำเป็นต้องหาทรัพยากรเพื่อจะเพิ่มระดับขึ้นอีก
หานเซิ่นรู้สึกลังเล แต่เขาตัดสินใจจะใช้ตัวตนของโฮลี่เบบี้เพื่อกลับไปที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง เขาจำเป็นต้องไปที่นั่นเพื่อจะกลายเป็นขั้นทรูก็อตโดยเร็วที่สุด
โฮลี่เบบี้ตัวจริงนั้นหานเซิ่นปล่อยให้อยู่ในสเปชการ์เด้น ตอนนี้โฮลี่เบบี้นั้นดูเป็นคนที่ซื่อตรงมากๆ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับแม็กแคกหกหูและติดตามเป่าเอ๋อ เขาเรียกเป่าเอ๋อว่า “พี่เป่าเอ๋อ” ซึ่งทำให้เธอรู้สึกดี
หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในช่วงที่เขาไม่อยู่ แต่เขารู้ว่าโฮลี่เบบี้นั้นถูกเป่าเอ๋อกำราบซะอยู่หมัด
หน้าผากของหานหลิงเอ๋อก็มีเครื่องหมายของคริสตัลไลเซอร์ปรากฏขึ้นมา แต่เธอเป็นเหมือนกับเป่าเอ๋อที่ไม่เพิ่มระดับขึ้น หานเซิ่นที่เป็นคนจุดตะเกียงเองก็เช่นกัน ตัวเขาไม่ได้เพิ่มระดับขึ้น เขาแค่ได้รับผลประโยชน์จากการยีนที่ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นเท่านั้น
หานเซิ่นใช้ลูกบาศก์สี่แกะเพื่อเทเลพอร์ตกลับไปที่ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์อีกครั้ง เขามีแผนที่จะไปดูไทม์โกสต์ที่ปราสาทหมายเลข0002
ไทม์โกสต์นั้นเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต ถ้าเขาฆ่ามันได้ มันก็จะช่วยเพิ่มยีนระดับเทพเจ้าได้มาก ในตอนนี้หานเซิ่นอยากจะเลื่อนไปสู่ขั้นทรูก็อตให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นเขาก็จะใช้มงกุฎสกายก็อตเพื่อเข้าไปดูในจีโนฮอลล์ว่าในนั้นมีอะไรอยู่กันแน่
หานเซิ่นไปที่ปราสาทหมายเลข0002และเห็นไทม์โกสต์ยังคงอยู่ภายใต้ระบบป้องกันของปราสาท
หานเซิ่นรู้ว่าซีโน่เจเนอิคที่นี่นั้นถูกเอาสปิริตออกไป ถึงแม้สปิริตของพวกมันจะเกิดขึ้นมาใหม่ แต่พวกมันก็ถูกกักขังอยู่ที่นี่มาเป็นเวลายาวนาน สปิริตใหม่ของพวกมันจึงค่อนข้างอ่อนแอ สติปัญหาของพวกมันจึงต่ำมากๆ
หานเซิ่นเอาหอกสกายไวน์แรดิชก็อตออกมาและแทงใส่ไทม์โกสต์ ไทม์โกสต์ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงพลังของหอกสกายไวน์แรดิช ซึ่งทำให้มันลืมตาขึ้นมา
พลังที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าถูกปลดปล่อยออกมาจากไทม์โกสต์ ปลายของหอกสกายไวน์แรดิชที่กำลังจะแทงเข้าไปในอกของไทม์โกสต์ แต่จู่ๆระยะที่ใกล้ก็ดูไกลแสนไกล หานเซิ่นแทงไปข้างหน้าเป็นเวลานาน แต่ปลายหอกก็ยังไปไม่ถึงอกของไทม์โกสต์
“พลังกาลเวลา?” หานเซิ่นแปลกใจ แม้แต่ภายใต้ระบบป้องกันของปราสาท ไทม์โกสต์ก็ยังใช้พลังธาตุกาลเวลาที่น่ากลัวได้ มันคู่ควรต่อการเป็นซีโน่เจเนอิคธาตุกาลเวลาขั้นทรูก็อต