ตูม!
เมื่อสปิริตเผ่าพันธุ์แตกกระจาย ดวงไฟบนตะเกียงเผ่าพันธุ์ก็ดับไปด้วย
ใบหน้าของเหล่าบุดด้าซีดเผือก เครื่องหมายบนหน้าผากของพวกเขาหายไป มันทำให้ร่างกายของพวกเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง ขณะที่ร่างกายสั่นอย่างเจ็บปวด พลังชีวิตของพวกเขาก็ลดลงไป
เบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่ากระอักเลือดออกมา เขาถูกลดระดับจากขั้นบัตเตอร์ฟลายลงมาอยู่ขั้นลาร์วา บุดด้าคนอื่นๆก็ถูกลดระดับลงหนึ่งระดับเช่นกัน และผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับจากการเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงก็หายไปอีกด้วย
ตะเกียงเผ่าพันธุ์ที่ไม่มีดวงไฟอยู่แล้วบินเข้าไปหาหยดเลือดของหานเซิ่น หยดเลือดนั้นเข้าไปในตะเกียงและเปลี่ยนเป็นดวงไฟที่สว่างขึ้นมาอีกครั้ง
ไฟสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ ดวงไฟในตะเกียงนั้นดูกระจ่างใสราวกับหยกน้ำแข็ง ผู้คนไม่สามารถสัมผัสถึงความร้อนจากมันได้ จริงๆแล้วมันทำให้พวกเขารู้สึกเย็นต่างหาก
ในตอนที่ตะเกียงเผ่าพันธุ์ถูกจุดขึ้นมา เครื่องหมายของเผ่าบุดด้าก็สลายกลายเป็นผุยผง
ตะเกียงเผ่าพันธุ์ลอยมาอยู่ตรงหน้าหานเซิ่น หานเซิ่นเคลื่อนไหวนิ้วของเขา เขาใช้เลือดเขียนคำว่า ‘คริสตัลไลเซอร์’ บนตะเกียงเผ่าพันธุ์และพูด
“จากนี้เป็นต้นไปคริสตัลไลเซอร์เป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงของจักรวาลจีโน ไม่สำคัญว่าใครจะมีสายเลือดของคริสตัลไลเซอร์ที่บริสุทธิ์หรือไม่ และไม่สำคัญว่าภายในตัวพวกเจ้าจะมีเลือดของคริสตัลไลเซอร์อยู่มากน้อยเพียงใด ทุกคนคือคริสตัลไลเซอร์ ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของเรา”
ในตอนที่เสียงของหานเซิ่นดังก้องออกไป ตัวอักษรบนตะเกียงเผ่าพันธุ์ก็ส่องสว่างราวกับดวงอาทิตย์ มันส่องแสงไปทั่วทั้งจักรวาล
ภายใต้แสงสว่างนั้นสเตย์อัพเลทและคริสตัลไลเซอร์คนอื่นๆมีเครื่องหมายเผ่าพันธุ์ปรากฏขึ้นบนหัวของพวกเขา รูปร่างของมันดูเหมือนกับตัวอักษรที่หานเซิ่นเพิ่งจะเขียนลงไปบนตะเกียง
ตูม!
สเตย์อัพเลทพัฒนาจนถึงระดับราชันขั้นสูงสุดเรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุนั้นในตอนที่เครื่องหมายของคริสตัลไลเซอร์ปรากฏขึ้นบนหน้าผาก ร่างกายของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงในทันที มันทำให้เขาวิวัฒนาการไปสู่ระดับเทพเจ้า
ในทุกซอกทุกมุมของจักรวาล ผู้คนที่มีสายเลือดของคริสตัลไลเซอร์ทุกคนระดับพลังเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ และจากการกลายเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ชั้นสูง พรสวรรค์ของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ยีนของพวกเขาถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยพลังประหลาดบางอย่าง
ภายในสเปชการ์เด้น ถังเตียงลิ่ว หวังอวี่ฮัง หวงฟูจิ้งและมนุษย์คนอื่นๆก็มีเครื่องหมายปรากฏขึ้นบนหน้าผากของพวกเขาเช่นกัน แม้แต่เป่าเอ๋อ หลิงเอ๋อและหานเมิ่งเอ๋อก็มีเครื่องหมายบนหน้าผากด้วย
ร่างกายของหวงฟูจิ้งเกิดการเปลี่ยนแปลง เธอกลายเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรานส์มิวเทชั่น คนอื่นๆก็ระดับพลังเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับเหมือนกัน พวกเขาทุกคนวิวัฒนาการภายใต้อิทธิพลของเครื่องหมายเผ่าพันธุ์
มีเพียงแค่เซี่ยชิง ราชินีชั่วพริบตา จิ้งจอกสีเงินและอสูรกาแล็กซี่ที่ไม่เพิ่มระดับขึ้น ดูเหมือนว่าซีโน่เจเนอิคและสปิริตนั้นจะไม่ได้รับเครื่องหมายของคริสตัลไลเซอร์ เห็นได้ชัดว่าสายเลือดของพวกเขาไม่ได้มียีนของคริสตัลไลเซอร์อยู่
บนดาวแคระสีแดง เทพแห่งผลกรรมและสมาชิกของพยุหะโลหิตคนอื่นๆมีเครื่องหมายปรากฏขึ้นบนหน้าผาก สายเลือดของพวกเขามียีนของคริสตัลไลเซอร์อยู่เช่นกัน ถึงมันจะไม่มากแต่พวกเขาก็มีมันอยู่
สิ่งมีชีวิตไหนก็ตามในจักรวาลที่มียีนของคริสตัลไลเซอร์อยู่ในตัว ไม่ว่ามันจะบริสุทธิ์หรือไม่ หรือมากน้อยเพียงใด ตราบใดที่พวกเขามีมันอยู่ พวกเขาก็จะได้รับผลประโยชน์จากการที่คริสตัลไลเซอร์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง
แต่น่าเสียดายที่อันดับของเผ่าบุดด้านั้นไม่ได้สูงอะไร ผลประโยชน์ที่พวกเขาได้รับจึงไม่ได้พิเศษมากนัก ยีนของพวกเขาไม่ได้พัฒนาขึ้นมากมายอะไร
ถ้าพวกเขาได้ตะเกียงในสิบอันดับแรก ระดับการปรับปรุงยีนที่พวกเขาได้รับก็จะสูงขึ้น มันจะทำให้พรสวรรค์ของทั้งเผ่าพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ตะเกียงของหานเซิ่นนั้นแตกต่างไปจากของข่งเฟย นั่นก็เพราะว่าข่งเฟยเป็นเผ่าเฟเธอร์ เนื่องจากเขาถูกทอดทิ้งโดยเผ่าเฟเธอร์ ข่งเฟยจึงล้างแค้นเผ่าเฟเธอร์ด้วยการเลือกที่จะจุดดวงไฟที่ไม่ได้มอบพลังเสริมให้กับเผ่าเฟเธอร์ นั่นรวมถึงตัวเขาเองด้วย
หานเซิ่นเลือกจะจุดดวงไฟสำหรับเผ่าคริสตัลไลเซอร์ มันไม่สำคัญว่าแต่ละคนจะมีเลือดของคริสตัลไลเซอร์มากน้อยขนาดไหน ตราบใดที่พวกเขามีอยู่ พวกเขาก็จะได้รับผลประโยชน์จากการกระทำของหานเซิ่น
ถึงแม้คนๆนั้นจะมีเลือดของเผ่าพันธุ์ชั้นสูงอีกเผ่าหนึ่งอยู่ ตราบใดที่พวกเขามียีนของคริสตัลไลเซอร์ พวกเขาก็จะได้รับพลังเสริมจากสายเลือดของคริสตัลไลเซอร์ด้วยเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่เผ่าพันธุ์ชั้นสูงส่วนใหญ่ทำ
หานเซิ่นเลือกจะทำแบบนี้ก็เพราะว่าเลือดของมนุษย์นั้นไม่บริสุทธิ์ ถ้าเขาเลือกจะมอบผลประโยชน์ให้กับคริสตัลไลเซอร์ที่มีเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น เขาก็ไม่คิดว่ามนุษย์จะได้รับพลังเสริมจากตะเกียงเผ่าพันธุ์ของคริสตัลไลเซอร์
ตะเกียงเผ่าพันธุ์ของคริสตัลไลเซอร์นั้นส่องอย่างสว่างไสว ตะเกียงอื่นๆภายในจีโนฮอลล์ก็ส่องแสงตอบรับ ราวกับว่าพวกมันกำลังเฉลิมฉลองกับการถือกำเนิดของเผ่าพันธุ์ชั้นสูงเผ่าใหม่ ดูเหมือนกับว่าพวกมันกำลังต่อสู้กันว่าใครจะส่องแสงได้สว่างที่สุด มันทำให้ทั้งจักรวาลนั้นสว่างไสว
หลังจากที่ตะเกียงเผ่าคริสตัลไลเซอร์กลับเข้าไปในจีโนฮอลล์ ประตูของจีโนฮอลล์ก็ปิดลง จักรวาลกลับคืนสู่สภาวะปกติอีกครั้ง เครื่องหมายของคริสตัลไลเซอร์บนหน้าผากของทุกคนก็เริ่มจะจางหายไป มันไม่สามารถถูกมองเห็นได้อีกแล้ว
แต่พลังเสริมที่ปรับปรุงยีนของพวกเขานั้นยังคงอยู่
“พวกเราคริสตัลไลเซอร์… ในที่สุดก็กลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง”
สเตย์อัพเลทที่เงียบมาโดยตลอดคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า ดูเหมือนเขากำลังปลดปล่อยความเศร้าโศกและความโกรธทั้งหมดที่เขามีอยู่ออกไป
“พวกเราคริสตัลไลเซอร์…เป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงแล้ว…”
คริสตัลไลเซอร์มากมายกำลังตัวสั่น พวกเขามองดูร่างกายของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นความจริง
ทุกเผ่าพันธุ์ในจักรวาลมองดูหานเซิ่นที่อยู่ในอวกาศด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย หานเซิ่นหันกลับไปมองที่เบิร์นนิ่งแลมป์และบุดด้าคนอื่นๆ
พวกเขารู้สึกถึงสายตาของหานเซิ่น บุดด้าทุกคนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เบิร์นนิ่งแลมป์เองก็เช่นกัน เขาดูแย่มากๆ
เขาคิดว่าการมีมีดเหตุและผลนั้นจะทำให้เผ่าบุดด้ารุ่งเรือง เขาไม่เคยคาดคิดว่ามันจะจบลงแบบนี้
“นี่เป็นเพราะผลแห่งกรรม ถ้าเราไม่ขโมยมีดเปล่านี่มา เผ่าบุดด้าก็คงจะไม่จบลงแบบนี้”
เบิร์นนิ่งแลมป์รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก เขาวางมีดเหตุและผล ตุ๊กตาเทพและกระดูกเบรกโซลลงตรงหน้าหานเซิ่น เขาก้มหัวและพูด
“นี่คือความผิดของข้าทั้งหมด มันไม่ใช่ความผิดของบุดด้าคนอื่นๆ บุดด้านั้นไม่คู่ควรกับของพวกนี้ ข้าจะมอบมันให้กับเจ้า และเจ้าจะเอาชีวิตข้าไปก็ได้ แต่โปรดเมตตาไว้ชีวิตบุดด้าคนอื่นๆด้วย ถึงแม้ข้าต้องไปลงนรก แต่ข้าก็จะขอบคุณเจ้าอย่างมาก”
หานเซิ่นสะบัดมือและเก็บของพวกนั้นมาอยู่ในมือ เขามองไปที่เบิร์นนิ่งแลมป์และพูด
“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าหรือทำลายเผ่าบุดด้า เจ้าขโมยมีดเปล่าและเปลี่ยนข้าให้กลายเป็นมดตัวหนึ่ง ข้าแค่มานี่ที่เพื่อมอบสิ่งที่เจ้าสมควรจะได้รับ”
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็สะบัดมืออีกครั้งและปล่อยแสงแห่งเทพประหลาดใส่เบิร์นนิ่งแลมป์ ร่างกายของเบิร์นนิ่งแลมป์วิวัฒนาการย้อนกลับ เขานั้นถูกลดระดับพลังจากเทพเจ้าลงมาเหลือราชัน และจากระดับราชันลงมาเหลือระดับดยุก ในเวลาอันสั้นยอดฝีมือของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมของจักรวาลที่ไม่ใช่แม้แต่ระดับบารอนด้วยซ้ำ
เบิร์นนิ่งแลมป์ที่ก่อนหน้าดูทรงพลัง ตอนนี้ดูเหมือนกับคนแก่ธรรมดาๆคนหนึ่ง เขาดูเหมือนกับไม้แห้ง มันไม่มีพลังอะไรถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขา พลังชีวิตของเขาใกล้จะดับแล้ว มันทำให้คนอื่นที่ได้เห็นรู้สึกหนาวขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งนอร์ทเทิร์นไลท์อัลฟ่าและยอดฝีมือขั้นทรูก็อตคนอื่นๆ พวกเขารีบแยกย้ายกันไปจากบริเวณนั้น พวกเขาไม่กล้าจะเสี่ยงอยู่ที่นั่นต่อ
เมื่อเห็นนอร์ทเทิร์นไลท์และคนอื่นๆจากไปแล้ว หานเซิ่นก็หันหลังกลับและเตรียมตัวจะจากไปเช่นกัน
เบิร์นนิ่งแลมป์ที่พลังชีวิตดูอ่อนแอมากพูดขึ้นมา “อมิตาพุทธ! ขอบคุณเจ้ามากที่ไม่ทำลายเผ่าบุดด้า”
หานเซิ่นไม่ได้สนใจที่เบิร์นนิ่งแลมป์พูด เขาเทเลพอร์ตหายไปโดยที่ไม่เหลียวกลับไปมอง อายุขัยของเบิร์นนิ่งแลมป์กำลังจะหมดลง ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่ฆ่าเขา เขาก็มีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่นาน หานเซิ่นแค่ขี้เกียจเกินกว่าจะเอาชีวิตของเขา ส่วนเรื่องการฆ่าคนทั้งเผ่าพันธุ์นั้น หานเซิ่นไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เขาเหมือนกับข่งเฟย เขาไม่อยากจะฆ่าคนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ข่งเฟยนั้นเกลียดชังเผ่าเฟเธอร์อย่างที่สุด แต่เขาก็ไม่ได้ฆ่าเฟเธอร์ทุกคนในจักรวาล แถมเขายังรับเฟเธอร์ที่เป็นเด็กกำพร้ามากมายมาดูแล
หานเซิ่นไม่สามารถทำเหมือนอย่างที่ข่งเฟยทำได้ เขาไม่คิดจะรับคนของเผ่าบุดด้ามาดูแล แต่เขาก็ไม่ต้องการจะฆ่าบุดด้าทั้งหมด
การต่อสู้เพื่อจุดตะเกียงเผ่าพันธุ์ในจีโนฮอลล์จบลงไป แต่สิ่งที่หานเซิ่นก่อนั้นไม่ได้จบลงไปด้วย การต่อสู้นี้ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อทั้งจักรวาลจีโน