Super God Gene – ตอนที่ 2891 ใครจะหยุดข้าจากการจุดตะเกียงอีก?

‘ใครกันที่อยู่เบื้องหลังคนพวกนี้? ใครกันที่ไม่ต้องการให้คริสตัลไลเซอร์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แค่อุบัติเหตุที่ในอดีตคริสตัลไลเซอร์กลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงไม่สำเร็จ’ หานเซิ่นคิด

ในจักรวาลนี้มีเผ่าพันธุ์อยู่มากมาย แต่มีเพียงแค่เผ่าพันธุ์ชั้นสูงเท่านั้นที่มีระดับเทพเจ้าอยู่ ถึงแม้มันจะมีเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำบางเผ่าที่มีระดับเทพเจ้าอยู่ แต่พวกเขาก็ถือข้อยกเว้น โดยปกติแล้วเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำจะไม่มีแม้แต่คนที่เป็นระดับเทพเจ้าเลยสักคน

มันมีเผ่าพันธุ์ชั้นสูงแค่หมื่นเผ่าเท่านั้น และมีแค่ราวๆยี่สิบเผ่าพันธุ์เท่านั้นที่มียอดฝีมือขั้นทรูก็อต

ตอนนี้มันมียอดฝีมือขั้นทรูก็อตหลายคนปรากฏตัวออกมา ใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องเป็นศัตรูที่น่ากลัวมากๆ

เรื่องหนึ่งที่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกดีใจก็คือความจริงที่ว่าเขาไม่เห็นคนจากสามเผ่าพันธุ์สูงสุดเลยสักคน ถ้าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้สามารถควบคุมคนของสามเผ่าพันธุ์สูงสุดด้วยล่ะก็ นั่นก็จะเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

“หานเซิ่น ตอนนี้เจ้าจะถอยกลับไปได้หรือยัง?”
ผู้นำเดสทรอยเยอร์พูด แสงแห่งเทพบิ๊กเดสทรอยเยอร์ของเขาดูทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้ทั้งกาแล็กซี่สั่นสะเทือน

บุดด้าทุกคนดูตื่นเต้น ราชาเคลียร์ซีตะโกนขึ้นว่า “ได้โปรดช่วยพวกเราฆ่าหัวขโมยคนนี้”

“คนๆนี้หยาบคายต่อทุกคน พวกเราควรฆ่าเขา”

“ใช่ พวกเราควรฆ่าเขา”

เหล่าทรูก็อตบอกให้หานเซิ่นถอยออกไป แต่พวกเขากำลังล้อมหานเซิ่นเอาไว้ หานเซิ่นกำลังอยู่ตรงกลางและมันไม่มีหนทางให้เขาหนีไปไหนได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดจะปล่อยหานเซิ่นไปง่ายๆ

“วันนี้ข้าหานเซิ่นจะจุดตะเกียงสำหรับคริสตัลไลเซอร์ ใครก็ตามที่ขวางทางข้าจะต้องตาย”
หานเซิ่นพูด เขาไม่สนใจว่าจะมียอดฝีมือขั้นทรูก็อตปรากฏตัวออกมาสักกี่คน มีดแสงกำลังหมุนรอบๆตัวเขาเหมือนกับกาแล็กซี่ ขณะที่เขาเริ่มเดินออกไปข้างหน้า

ทุกเผ่าพันธุ์ในจักรวาลรู้สึกแปลกใจ พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะยังคงต้องการทำลายตะเกียงเผ่าพันธุ์ของบุดด้าท่ามกลางเหล่ายอดฝีมือขั้นทรูก็อตที่อยู่ที่นี่

บนดาวดวงหนึ่งที่เป็นของเทาซันด์เทรเชอร์ ดวงตาของสเตย์อัพเลทเป็นประกาย เขากำหมัดแน่นจนนิ้วมือจิกลงไปในเนื้อ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกถึงเรื่องนั้น

“คริสตัลไลเซอร์จะกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงจริงๆอย่างนั้นหรอ?”
สเตย์อัพเลทอยู่ในจักรวาลนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เขาได้รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับจักรวาล เขารู้ว่าการต่อสู้นี้ของหานเซิ่นเป็นอะไรที่ยากลำบากแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงหวังว่าหานเซิ่นจะทำได้สำเร็จ

ในตอนที่คริสตัลไลเซอร์พ่ายแพ้ในครั้งก่อน พวกเขาได้ส่งคนที่เหลือรอดไปหลบภัยในก็อตแซงชัวรี่ มันไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะกลับออกมาที่จักรวาลจีโนอีก

ตอนนี้อีกเพียงก้าวเดียวคริสตัลไลเซอร์ก็จะได้กลายเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ชั้นสูง แต่ก้าวนี้ดูเป็นก้าวที่ยากลำบาก ทรูก็อตที่มาขวางนั้นเป็นเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ที่ไม่มีใครก้าวข้ามไปได้

“ทำไมกัน? ทำไมคริสตัลไลเซอร์ถึงต้องประสบกับความยากลำบากมากขนาดนี้เพื่อจะกลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง? ทำไมทรูก็อตพวกนี้ถึงได้มาขวางพวกเรา?”
คริสตัลไลเซอร์ทุกคนที่เหลือรอดในจักรวาลจีโนนั้นกำลังกำหมัดแน่นด้วยความโกรธเหมือนกับสเตย์อัพเลท

ร่างกายของยอดฝีมือระดับเทพเจ้านับสิบปลดปล่อยแสงแห่งเทพออกมา ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ระเบิดแสงแห่งเทพบิ๊กเดสทรอยเยอร์ออกมาและปล่อยมันไปใส่หานเซิ่น

หานเซิ่นไม่คิดจะถอยออกไป โล่ในมือของเขาปลดปล่อยแสงประหลาดออกมาจากดวงตาของเมดูซ่า แสงประหลาดนั้นแช่แสงแห่งเทพบิ๊กเดสทรอยเยอร์ให้แข็งกลายเป็นหินกลางอากาศ ขณะเดียวหานเซิ่นก็ปลดปล่อยแสงแห่งเทพของตัวเองออกมา

แสงแห่งเทพนี้แตกต่างไปจากมีดแสงที่หานเซิ่นกำลังใช้อยู่ นี่เป็นแสงที่มหัศจรรย์ ในจังหวะที่มันส่องไปถูกร่างของผู้นำเดสทรอยเยอร์ ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ก็ระเบิดแสงแห่งเทพบิ๊กเดสทรอยเยอร์ออกมาเพื่อจะต้านมันเอาไว้

แต่แสงแห่งเทพของหานเซิ่นนั้นไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากแสงแห่งเทพของผู้นำเดสทรอยเยอร์ หลังจากที่ผู้นำเผ่าเดสทรอยเยอร์ถูกแสงนั่นเข้าไป ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตคนอื่นๆที่เข้าล้อมหานเซิ่นก็หยุดชะงักไปเช่นกัน พวกเขาโซเซถอยไปด้านหลังด้วยความตกใจ

ในตอนที่แสงแห่งเทพของหานเซิ่นส่องไปถูกผู้นำเดสทรอยเยอร์ ร่างกายของผู้นำเดสทรอยเยอร์ก็วิวัฒนาการย้อนกลับอย่างรวดเร็ว แทนที่จะเป็นขั้นทรูก็อต เขากำลังกลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลาย

ก่อนที่จะมีโอกาสได้ตั้งตัว ร่างกายของผู้นำเดสทรอยเยอร์ที่ตอนนี้กลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายก็ถูกตัดโดยสายธารมีดแสงของหานเซิ่น เขาไม่มีหวังจะป้องกันการโจมตีของหานเซิ่นได้เลย เมื่อเขาถูกลดระดับลงมาเทียบเท่ากับหานเซิ่น ร่างกายของเขาถูกฉีกเป็นชิ้นๆและกลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา

นอร์ทเทิร์นไลท์อัลฟ่าและคนอื่นๆทั้งหมดตกตะลึง พวกเขารู้สึกหวาดกลัวและถอยออกไปด้านหลังโดยสัญชาตญาณ ผู้นำเดสทรอยเยอร์เป็นคนที่แข็งแกร่ง แต่หานเซิ่นลดระดับของผู้นำเดสทรอยเยอร์จากขั้นทรูก็อตมาสู่ขั้นบัตเตอร์ฟลาย ก่อนที่จะตัดร่างของเขาเป็นชิ้นๆ ผู้นำเดสทรอยเยอร์นั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหานเซิ่นเพิ่งจะฆ่าผู้นำเดสทรอยเยอร์ต่อหน้าพวกเขา พวกเขาก็คงจะไม่เชื่อ แต่พวกเขาเพิ่งจะเห็นผู้นำเดสทรอยเยอร์ถูกลดระดับจากขั้นทรูก็อตมาอยู่ขั้นบัตเตอร์ฟลายด้วยตาตัวเอง นั่นเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าการที่หานเซิ่นฆ่าผู้นำเดสทรอยเยอร์ซะอีก

“นั่นมันอะไรกัน?”

“ผู้นำเดสทรอยเยอร์เป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อต แต่เขากลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายหลังจากถูกแสงแห่งเทพของหานเซิ่น

“พลังนั่นคืออะไรกัน? มันทำให้ขั้นทรูก็อตกลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายได้”

“บิดาของเทพยังไงก็เป็นบิดาของเทพ เขาเพิ่มระดับพลังของคนอื่นได้ ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เขาจะลดระดับพลังของคนอื่นได้เช่นกัน”

“นั่นเป็นพลังที่ขี้โกงเกินไปแล้ว ใครจะต่อสู้กับพลังแบบนั้นได้? แม้แต่ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตก็ยังถูกลดระดับลงมา ถ้าหานเซิ่นเข้าร่วมการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนด้วย เขาก็อาจจะได้อันดับที่หนึ่ง และโกลเด้นโกรวเลอร์ก็คงจะไม่มีโอกาสมอบอันดับของมันให้กับดอลลาร์”

“หานเซิ่นเป็นบิดาของเทพทั้งปวง ดังนั้นถึงพวกเขาจะเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตแล้วยังไง ยังไงพวกเขาก็เป็นแค่ลูกของหานเซิ่น”

หานเซิ่นฆ่าผู้นำเดสทรอยเยอร์และหันไปมองยอดฝีมือขั้นทรูก็อตคนอื่นๆด้วยสายตาเย็นชา มันทำให้พวกเขารู้สึกหนาวและต้องการจะถอยออกไป พวกเขาทั้งหมดได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตาตัวเอง พวกเขาเป็นยอดฝีมือที่ผ่านอะไรมามาก ถึงแม้พวกเขาจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า พวกเขาก็จะไม่รู้สึกแบบนี้ แต่การที่ผู้นำเดสทรอยเยอร์ถูกลดระดับลงมาอยู่ขั้นบัตเตอร์ฟลายนั้นเป็นอะไรที่น่าตกใจเกินไป นี่มันอยู่เหนือความรู้และประสบการณ์ของพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว

มันเป็นเรื่องยากมากๆที่จะกลายเป็นขั้นทรูก็อต พวกเขาทุกคนต่างก็เข้าใจถึงความยากลำบากนั้นเป็นอย่างดี เมื่อพวกเขาค้นพบว่าหานเซิ่นสามารถทำลายสิ่งที่พวกเขาทุ่มเทมาอย่างหนักได้ในเวลาไม่กี่วินาที ใครมันจะใจเย็นอยู่ได้?

หานเซิ่นยืนอย่างภาคภูมิในอวกาศ เขามองออกไปข้างหน้าและถามขึ้นว่า
“ใครจะหยุดข้าจากการจุดตะเกียงอีก?”

นอร์ทเทิร์นไลท์อัลฟ่าและคนอื่นๆไม่พูดอะไรสักคำ ตอนนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวางทางหานเซิ่นอีกแล้ว ขณะที่หานเซิ่นเดินเข้าไปหาตะเกียงเผ่าพันธุ์ของบุดด้า เหล่าทรูก็อตนั้นค่อยๆหลีกทางให้กับเขา

ทั้งจักรวาลตกอยู่ในความเงียบสงัด ไม่มีใครกล้าตอบคำถามของหานเซิ่น

สีหน้าของเบิร์นนิ่งแลมป์และบุดด้าคนอื่นๆดูแย่ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าถึงแม้พวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากยอดฝีมือขั้นทรูก็อตตั้งมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดหานเซิ่นจากการทำลายตะเกียงของเผ่าบุดด้าได้

ภาพที่หานเซิ่นก้าวเข้ามาพร้อมกับสายธารมีดแสงที่ดูเหมือนกับกาแล็กซี่นั้นทำให้เขาดูเหมือนกับเทพ บุดด้าทุกคนดูซีดเซียวและสิ้นหวัง พวกเขาไม่ได้ดูอวดดีและตื่นเต้นเหมือนอย่างตอนที่เหล่าทรูก็อตปรากฏตัวออกมาอีกแล้ว

เบิร์นนิ่งแลมป์มีสีหน้าที่ซีดเผือก เขาพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ
“มิสเตอร์หาน มันเป็นความผิดของข้าเองที่โลภมาก มีดเล่มนี้คือสิ่งที่สร้างขึ้นจากมีดเปล่าของเจ้าจริงๆ ตอนนี้ข้าจะมอบมันคืนให้กับเจ้า ส่วนตุ๊กตาเทพนี้… มันก็คือรางวัลที่ข้าได้มาจากการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน มันเป็นอาวุธขั้นทรูก็อต ข้าจะมอบมันให้กับเจ้าเช่นกัน ของพวกนี้ถือเป็นคำขอโทษของพวกเรา ได้โปรดไว้ชีวิตเผ่าบุดด้าด้วย อันดับของเผ่าบุดด้านั้นไม่คู่ควรต่อเผ่าพันธุ์ของเจ้า”

“ข้าได้มอบโอกาสให้กับเจ้าและเผ่าบุดด้าไปแล้ว ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว” หานเซิ่นสะบัดมือ มีดแสงนับหมื่นพุ่งออกไปตัดสปิริตเผ่าพันธุ์ของบุดด้า

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset