หานเซิ่นคิด ‘ไท่อี? นี่คือไท่อีที่เป่าเอ๋อพบ หรือว่านี่คือไท่อีผู้สังหารพระเจ้าที่ถูกเขียนเอาไว้ในม้วนกระดาษกัน?’
ไท่อีเดินเข้ามาในวิหารโลหะและตรงเข้ามาที่แท่นบูชา
ไท่อีมองไปที่แท่นบูชา ก่อนที่จะพูดขึ้นมา “ในเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ ทำไมถึงมัวเสียเวลาซ่อนตัวอยู่อีก?”
หานเซิ่นรู้สึกตกใจ เขาไม่คาดคิดว่าจะถูกค้นพบเร็วอย่างนี้ แต่ทันใดนั้นก็มีคนๆหนึ่งปรากฏตัวออกมา หานเซิ่นเห็นเงาของใครบางคนอยู่ถัดไปจากแท่นบูชา
“ราชาจุน?” ในตอนที่หานเซิ่นเห็นรูปลักษณ์ของคนๆนั้น เขาก็รู้สึกตกใจ เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้เห็นราชาจุนที่นี่
“วิหารโลหะนี่เป็นวิหารของราชาจุนอย่างนั้นหรอ? ไม่มีทาง ราชาจุนเป็นเทพสปิริตธาตุไฟ เขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับโลหะ แถมแท่นบูชาก็ถูกทำลายไปแล้ว” หานเซิ่นครุ่นคิด
“ไท่อี ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดกลับมาได้” ราชาจุนพูด
ไท่อีมองไปที่ราชาจุนและพูด “ข้าไม่สนว่าตัวเองจะมีชีวิตหรือตาย แต่เจ้า? เจ้าน่ะห่วงชีวิตของตัวเองอย่างมาก ถึงอย่างนั้นเจ้ากลับเสี่ยงมาที่จักรวาลนี้ เจ้าไม่กลัวว่าจะกลับไปที่วิหารของตัวเองไม่ได้หรือยังไง?”
ราชาจุนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ดูถูกและพูด
“เจ้าคิดว่าตัวเองยังอยู่ในยุคสมัยของเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ? ผู้คนในจักรวาลนี้โชคดีมากแล้วที่รักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ได้ แบบนั้นทำไมพวกเขาถึงจะมาหาเรื่องข้าอีก?”
“แต่ในยุคสมัยนี้ก็ยังคงมีความเศร้าของพระเจ้าเกิดขึ้นไม่ใช่หรอ?” ไท่อีถามด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของราชาจุนดูเย็นชาขึ้นมา เขาขึ้นเสียง “ไท่อี ไนน์ก็อตถูกฆ่าตายภายในวิหารและสิ่งนั้นก็ถูกขโมยเอาไป คนที่ทำคือเจ้าอย่างนั้นหรอ?”
“ข้าก็แค่เอาสิ่งที่เป็นของของตัวเองกลับคืนมา” ไท่อีตอบอย่างเย็นชา
“เจ้าไม่รู้หรือยังไงว่าสิ่งนั้นมีความสำคัญต่อข้า?” ราชาจุนถามด้วยความโกรธ
“ข้ารู้ว่ามันสำคัญ” ไท่อีพยักหน้า
“ถ้าเจ้ารู้อยู่แล้ว ทำไมเจ้าถึงยังเอามันไป?” ราชาจุนถาม
ไท่อีมองไปที่ราชาจุนและพูดอย่างสงบนิ่ง “มันไม่ได้สำคัญกับข้าว่าสิ่งนั้นจะสำคัญกับเจ้าหรือไม่”
“ก็ได้ ก็ได้ เอางั้นก็ได้ไท่อี เจ้าจะทำตัวเป็นศัตรูกับข้าจริงๆใช่ไหม?”
ดูเหมือนกับว่าใบหน้าของราชาจุนกำลังเปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาดูจะโกรธมากๆ
“ในตอนที่เจ้ากลายเป็นเทพนภาราชาจุน เจ้ากับข้าก็ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันอีก” ดูเหมือนไท่อีจะไม่สนใจ
“ก็ได้ ก็ได้ ถ้าเจ้าตกอยู่ในวิกฤต ข้าก็จะนั่งดูอยู่เฉยๆ”
ราชาจุนโมโห เขาสะบัดแขนเสื้อและจากไป เขาหายตัวไปในพริบตา
ไท่อียังคงยืนอยู่หน้าแท่นบูชาโดยที่ไม่พูดอะไร แต่หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็พูดขึ้นว่า
“มันคงจะไม่สบายเท่าไรที่ซ่อนตัวอยู่ตรงนั้น เจ้าควรออกมาได้แล้ว”
หานเซิ่นคิดว่ามันคงจะต้องเป็นคนอื่นอีกคนที่อีกฝ่ายพูดถึง ดังนั้นเขาจึงมองไปรอบๆ แต่มันไม่มีใครปรากฏตัวออกมา
“เจ้ามัวมองหาใครอยู่? ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นั่นแหละ”
สีหน้าของไท่อีดูแปลกๆเล็กน้อย เขามองไปยังกำแพงที่หานเซิ่นซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง
หานเซิ่นรู้ว่าไท่อีคงจะต้องค้นพบตำแหน่งของเขาแล้ว เขาไอกลบเกลื่อนและก้าวออกมาจากหลังกำแพง
“ข้าไม่ได้มีเจตนาที่จะแอบฟังเจ้ากับราชาจุน”
“เจ้ามาที่นี่ก่อนหน้าข้า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อแอบฟัง” ไท่อีพูด
หานเซิ่นตกใจ เขาประหลาดใจที่ไท่อีรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว พลังในการซ่อนตัวตนของเขาดูเหมือนจะไม่ได้ผลกับไท่อี
“คริสตัลไลเซอร์อย่างนั้นหรอ?” ไท่อีมองไปที่หานเซิ่นด้วยความสนใจ
“ใช่แล้ว” หานเซิ่นพยักหน้า
หลังจากที่ตรวจดูอย่างละเอียด ไท่อีก็พูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ เจ้าไม่ใช่คริสตัลไลเซอร์ เจ้าเป็นมนุษย์”
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ แม้แต่พระเจ้าก็ยังเชื่อว่าเขาเป็นคริสตัลไลเซอร์ แต่ไท่อีคนนี้กลับเชื่อว่าเขาเป็นมนุษย์
“หมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
ไท่อีหัวเราะ “ข้าไม่ได้คาดคิดว่ามนุษย์จะออกมาจาก็อตแซงชัวรี่ในช่วงเวลาที่ข้ายังหลับใหลอยู่ ดูเหมือนว่าความพยายามของผู้นำเซเคร็ดจะไม่ได้สูญเปล่า”
“มนุษย์เกี่ยวข้องอะไรกับผู้นำเซเคร็ด?” หานเซิ่นตกตะลึง เขาจำได้ว่ามนุษย์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของคริสตัลไลเซอร์ แต่เขาไม่ได้คิดว่ามนุษย์นั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับผู้นำเซเคร็ด
ถ้าพวกเขาเกี่ยวข้องกัน มันก็แค่เรื่องที่คริสตัลไลเซอร์มารับช่วงดูแลก็อตแซงชัวรี่ต่อจากผู้นำเซเคร็ดเท่านั้น
แต่ในเมื่อไท่อีรู้เกี่ยวกับก็อตแซงชัวรี่และรู้ว่ามนุษย์นั้นมาจากก็อตแซงชัวรี่ มันก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้พูดไร้สาระ
ไท่อีหัวเราะแต่เขาไม่ได้ตอบคำถามของหานเซิ่น เขาหันไปมองแท่นบูชาที่ถูกทำลายและพูด “เจ้าช่วยข้าหน่อยได้ไหม?”
“ข้าน่ะอ่อนแอ ข้าไม่รู้ว่าจะช่วยเจ้าได้ไหม”
ไท่อีเป็นบุคคลปริศนา หานเซิ่นจึงไม่ต้องการจะให้สัญญาอะไร แต่เขาอยากจะรู้เกี่ยวกับความลับของมนุษย์จากไท่อี เขาจึงไม่ได้ตอบปฏิเสธไปในทันที
“มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร ข้าแค่ต้องการซ่อมแท่นบูชานี้ วัสดุที่จำเป็นถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ข้ายังจำเป็นต้องใช้น้ำบริสุทธิ์เพื่อซ่อมแซมมัน เจ้าใช้วิชาจีโนธาตุน้ำได้หรือเปล่า?” ไท่อีพูด
“ข้าพอจะใช้วิชาจีโนธาตุน้ำได้ แต่ทำไมเจ้าถึงต้องการจะซ่อมแซมแท่นบูชา?” หานเซิ่นสับสน เขาไม่เข้าใจไท่อี
จากที่ได้ยินไท่อีพูดกับราชาจุน ไท่อีดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับราชาจุน นอกจากนั้นเขายังรู้เกี่ยวกับผู้นำเซเคร็ดและก็อตแซงชัวรี่ ตอนนี้เขาต้องการจะซ่อมแซมแท่นบูชา หานเซิ่นไม่สามารถบอกได้ว่าเขาอยู่ข้างไหนกันแน่
ราชาจุนพูดว่าเขาเข้าไปในวิหารและฆ่าเทพสปิริตคนหนึ่ง หานเซิ่นจึงค่อนข้างแน่ใจว่าไท่อีคนนี้ก็คือไท่อีผู้สังหารพระเจ้าที่ม้วนกระดาษนั่นพูดถึง
ไท่อีไม่ตอบคำถามของหานเซิ่น เขาแค่เอาวัสดุหลายอย่างออกมาและวางลงบนแท่นบูชาที่ถูกทำลาย เขาดีดนิ้วและไฟสีขาวก็ตกลงไปใส่แท่นบูชา มันลุกโชนและเข้าครอบคลุมทั้งแท่นบูชา
หานเซิ่นยืนอยู่ไม่ไกลไปจากแท่นบูชา แต่เขาไม่สามารถสัมผัสถึงความร้อนของไฟได้ วัสดุที่ไท่อีนำเอาไปวางบนแท่นบูชานั้นถูกละลายกลายเป็นของเหลวและเข้าไปเติมเต็มส่วนที่แตกสลายของแท่นบูชา ไม่นานหลังจากนั้นแท่นบูชาก็ดูสมบูรณ์เหมือนกับของใหม่ เพียงแต่ว่ามันตกผนึก มันดูเหมือนกับคริสตัล
“ช่วยข้าด้วยน้ำ” ไท่อีพูด
หานเซิ่นสะดุ้ง เขารีบทำตามที่ไท่อีสั่งและใช้วิชาจีโนธาตุน้ำเพื่อปล่อยน้ำจำนวนมากใส่แท่นบูชา แต่ก่อนที่น้ำจะได้สัมผัสกับแท่นบูชานั้นพวกมันก็ถูกละเหยกลายเป็นไอด้วยความร้อน
“พวกเราต้องใช้น้ำมากกว่านี้เพื่อทำให้ทั้งแท่นบูชาเย็นลง” ไท่อีพูด
หานเซิ่นเพิ่มพลังและปล่อยน้ำออกไปใส่แท่นบูชามากขึ้นอีก หานเซิ่นพยายามอย่างเต็มที่ แต่น้ำก็ยังไม่สามารถเข้าไปสัมผัสกับแท่นบูชาได้ น้ำทั้งหมดที่เขาปล่อยออกมาราวกับคลื่นยักษ์นั้นถูกละเหยไปในอากาศ
“ไท่อีคนนี้ทรงพลังมาก” ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจถึงความน่ากลัวของพลังไฟของไท่อีแล้ว
ในเมื่อมันมาถึงนี่แล้ว หานเซิ่นก็ไม่คิดจะยอมแพ้ เขาจำลองออร่าของแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตและใช้พลังของแอนเชี่ยนท์ก็อตออริจินเข้าช่วย
ในที่สุดน้ำก็พุ่งไปถูกแท่นบูชาได้สำเร็จ ทำให้เกิดเป็นควันสีขาวลอยขึ้นมา แท่นบูชาที่ดูเหมือนกับคริสตัลที่ลุกไหม้นั้นเริ่มกลับมาดูเหมือนกับหินอีกครั้งหนึ่ง