“ไม่อยากเชื่อเลยว่าดราก้อนวันจะถูกฆ่าตายแบบนั้น…” เสียงของผู้หญิงคนนั้นฟังดูแปลกมากๆ
ผู้นำปราสาทนภาถอนหายใจและพูด “ข้าหวังว่าเผ่าดราก้อนจะก้าวข้ามการสูญเสีญครั้งนี้ไปได้”
“เผ่าดราก้อนใช้ทรัพยากรทั้งหมดเพื่อสร้างคนที่จะกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของเผ่าดราก้อนขึ้นมา แต่เขาถูกฆ่าตายไปแบบนั้น เผ่าดราก้อนกำลังตกอยู่ในอันตราย…”
ผู้หญิงส่ายหัวและยิ้มแห้งออกมา “ว่าแต่เดม่อนอัลฟ่าคนนั้นเป็นใครกัน? นางมีพลังที่น่ากลัว ด้วยทรัพยากรของเผ่าเดม่อนแล้ว มันไม่มีทางที่พวกเขาจะสร้างคนแบบนั้นขึ้นมาได้”
“นี่คือยุคสมัยของความโกลาหล” ผู้นำปราสาทนภาไม่ตอบ เขามองไปสู่อวกาศที่อยู่ไกลออกไป
“น่าสนใจ… น่าสนใจมาก… ถึงแม้ข้าจะไม่ได้เห็นดราก้อนหนึ่งร้อยคนรวมร่างกัน แต่มันก็ยังเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์อยู่ดี” พระเจ้าดูพึงพอใจอย่างมาก
“เจ้ารู้จักเดม่อนอัลฟ่าคนนี้ไหม? เขามีพลังที่น่ากลัวแบบนั้นได้ยังไงกัน?” หานเซิ่นถาม
พระเจ้าส่ายหัวา “ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าพระเจ้าไม่ได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง? ข้าเป็นเหมือนกับเจ้า ข้าแค่รู้ในสิ่งที่ข้าเห็นเท่านั้น ข้าไม่เคยเห็นเดม่อนอัลฟ่ามาก่อน ดังนั้นข้าไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับนาง แต่มันมีอย่างหนึ่งที่ข้ารู้แน่ๆ”
“มันคืออะไร?” หานเซิ่นถาม
“ในมือของนาง มีดกระดูกนั่นคืออาวุธประจำตัวพระเจ้า” พระเจ้าพูดด้วยความมั่นใจ
เมื่อหานเซิ่นได้ยินแบบนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาคิดกับตัวเอง
“ถ้าเดม่อนอัลฟ่าคืออาชูร่าจริงๆ แบบนั้นเมื่อก่อนจอมมารและอาชูร่าก็อัญเชิญพระเจ้ามาจริงๆอย่างนั้นสินะ ด้วยพลังของพวกเขาในตอนนั้น พวกเขาฆ่าเทพสปิริตได้ยังไงกัน? ถึงแม้เทพสปิริตจะบาดเจ็บหนัก มันก็ควรจะเป็นไปไม่ได้อยู่ดี ความแตกต่างระหว่างพลังเป็นอะไรที่มากเกินไป มันไม่มีโอกาสที่พวกเขาจะทำแบบนั้นได้ ถึงแม้พระเจ้าจะไม่ตอบโต้และปล่อยให้พวกเขาฆ่า? พวกเขาก็ไม่มีพลังพอที่จะฆ่าเทพสปิริตอยู่ดี… นั่นหมายความว่าอาชูร่าฆ่าเทพสปิริตและได้อาวุธประจำตัวพระเจ้ามา หลังจากที่มาถึงจักรวาลจีโนอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นไม่สามารถคาดเดาความจริงได้ แต่ที่เขารู้สึกคาใจที่สุดก็คือเรื่องที่เดม่อนอัลฟ่านั้นดูเหมือนกับซีโร่ไม่มีผิด
‘ดูเหมือนว่าเราจำเป็นต้องหาโอกาสพูดกับจอมมารเกี่ยวกับอาชูร่าอีกครั้ง’
“นั่นคืออาวุธประจำตัวพระเจ้าของเทพสปิริตคนไหน?” หานเซิ่นถาม
“มันมีพระเจ้าอยู่มากเกินไป ข้าจำพวกเขาไม่ได้ทั้งหมด” พระเจ้าพูด
“มันมีพระเจ้ามากมายขนาดนั้นเลยหรือ?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน
“พระเจ้าที่แท้จริงนั้นมีไม่มาก” พระเจ้าพูดและก็ไม่พูดอะไรเพิ่มอีก
การต่อสู้ของเดม่อนอัลฟ่าเป็นที่ตกตะลึงไปทั้งจักรวาล เดม่อนกลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชื่อเสียงในหมู่เผ่าพันธุ์ชั้นสูงในชั่วพริบตา ตอนนี้พวกเขาแทบจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในจักรวาล ทุกคนต่างเชื่อว่าเผ่าเดม่อนจะเลื่อนอันดับขึ้นในเร็วๆนี้ มันขึ้นอยู่กับว่าเดม่อนอัลฟ่าจะเริ่มการต่อสู้ชิงตะเกียงของจีโนฮอลล์เมื่อไหร่
ด้วยพลังของเดม่อนอัลฟ่า เผ่าเดม่อนคงจะเข้ามาติดสิบอันดับเผ่าพันธุ์สูงสุดได้โดยไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนเผ่าพันธุ์ที่เคยทัดเทียมกับเผ่าเดม่อนต่างก็รู้สึกว่าพวกเขากำลังเผชิญกับวิกฤต พวกเขาคิดว่าเดม่อนอัลฟ่านั้นอาจจะมาทำลายเผ่าพันธุ์ของพวกเขาเพื่อชิงดินแดนกับซีโน่เจเนอิคสเปชไปได้ทุกเมื่อ หลายเผ่าพันธุ์ได้ทำการส่งทูตไปขอเป็นพันธมิตรกับเผ่าเดม่อนเรียบร้อยแล้ว
แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหานเซิ่น หลังจากที่เขากลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายเรียบร้อยแล้ว มันจึงไม่มีทรัพยากรมากพอที่จะสนับสนุนเขาไปถึงขั้นทรูก็อต ดังนั้นเขาจึงมองดูการต่อสู้ของคนอื่นร่วมกับพระเจ้า
แต่นอกจากการต่อสู้ระหว่างเดม่อนอัลฟ่าและดราก้อนวันแล้ว มันก็ไม่มีการต่อสู้ที่น่าสนใจมากนัก ยอดฝีมือทั้งหมดแค่ต่อสู้จนถึงจุดที่ผู้ชนะถูกตัดสิน มีน้อยคนนักที่จะเสียชีวิตในการประลอง
สิ่งที่เกิดขึ้นกับดราก้อนวันทำให้ยอดฝีมือทุกคนระมัดระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม พวกเขาจะไม่ประมาทคู่ต่อสู้คนไหนๆที่พวกเขาพบ
โกลเด้นโกรวเลอร์ยังคงไร้เทียมทานและพลังที่น่ากลัวของมันก็ถูกผู้คนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่ามันแข็งแกร่งที่สุด คนส่วนใหญ่เชื่อว่าโกลเด้นโกรวเลอร์จะเป็นผู้ชนะในการประลองครั้งนี้ พวกเขาคิดว่ามันมีโอกาสชนะมากกว่าเดม่อนอัลฟ่าซะอีก
ส่วนผู้นำปราสาทนภาและผู้นำเผ่าเวรี่ไฮนั้นไม่จำเป็นต้องบรรยาย คู่ต่อสู้ของพวกเขายอมแพ้ไป ผู้ชมจึงไม่สามารถบอกได้ว่าจริงๆแล้วพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่
แต่คนที่หานเซิ่นรู้สึกสนใจมากที่สุดคือชายที่มีชื่อว่าโหลวเลี่ย คนๆนี้สามารถเอาชนะซีโน่เจเนอิคขั้นบัตเตอร์ฟลายได้อย่างง่ายดาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหานเซิ่นพบบางสิ่งที่คุ้นเคยเกี่ยวกับคนๆนั้น
“นี่เขาเป็นสมาชิกของพยุหะโลหิตอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสงสัย
“โหลวเลี่ยคนนี้น่าสนใจ” พระเจ้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมเขาถึงน่าสนใจ?” หานเซิ่นถาม
“เขาไม่เหมือนเจ้าที่เป็นตัวปลอม เขาเป็นมนุษย์จริงๆ” พระเจ้าตอบ
“เขาเป็นมนุษย์? ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะทำอะไร?”
หานเซิ่นพยายายทำให้คำถามของเขาฟังดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด แต่เขาอยากจะรู้จริงๆว่าพระเจ้าจะทำอะไรถ้าเขาพบมนุษย์คนหนึ่งเข้า
“ข้ายังไม่มีแผนจะทำอะไร ข้าจะดูการประลองต่อไปและตั้งตารอการต่อสู้ของคนที่น่าสนใจ” คำตอบของพระเจ้าทำให้หานเซิ่นประหลาดใจ
หานเซิ่นคิดว่ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งต้องห้ามของจักรวาลนี้ เมื่อพระเจ้าพบว่าโหลวเลี่ยเป็นมนุษย์คนหนึ่ง หานเซิ่นก็เดิมพันว่าเขาจะทำอะไรบางอย่าง
“อย่ามองข้าแบบนั้น ข้าเป็นพระเจ้าไม่ใช่หมาบ้า เจ้าคิดว่าข้าจะฆ่าใครก็ตามที่ข้าเห็นอย่างนั้นหรอ?” พระเจ้าหัวเราะ
หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าและพูด “ข้าคิดว่าเจ้าจะปฏิบัติกับมนุษย์แตกต่างออกไปซะอีก”
“ข้าจะปฏิบัติกับพวกเขาต่างออกไป แต่การประลองบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนดำเนินตามกฎที่ข้าตั้งเอาไว้ ถ้าข้าเป็นคนที่แหกกฎซะเอง มันก็เป็นอะไรที่ไม่เข้าท่าเอาซะเลย”
หลังจากนั้นเขาก็หันมาหานเซิ่นด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนรอยยิ้ม “แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าปฏิบัติกับมนุษย์แตกต่างออกไปเหมือนกันใช่ไหม ทำไมเจ้าถึงได้เสแสร้งปลอมตัวเป็นมนุษย์?”
“ข้าบอกเจ้าแล้วยังไงว่าข้าเป็นมนุษย์ มันไม่ได้เสแสร้ง” หานเซิ่นพูดพร้อมกับยักไหล่
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็หยุดพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้และหันไปดูการประลองกันต่อ
มันมียอดฝีมือที่น่ากลัวอยู่มากมายในจักรวาล ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่าการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนนั้นจะเต็มไปด้วยคนของสามเผ่าพันธุ์สูงสุด แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น มันมียอดฝีมือหลายคนที่มาจากสามเผ่าพันธุ์สูงสุดก็จริง แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าส่วนใหญ่นั้นไม่ได้มาจากเผ่าพันธุ์สูงสุดทั้งสาม มันมีเผ่าพันธุ์มากมายที่หานเซิ่นไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ดูเหมือนว่าในจักรวาลนี้จะมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวซ่อนตัวอยู่มากมาย เราต้องระมัดระวังเอาไว้”
หานเซิ่นมองดูคู่ต่อสู้คนต่อไปและพบว่ามันคืออบิสไนท์ขั้นบัตเตอร์ฟลาย มันค่อนข้างแข็งแกร่ง มันบดขยี้ซีโน่เจเนอิคระดับเดียวกันที่เป็นคู่ต่อสู้ในรอบนี้ได้อย่างง่ายดาย
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘ถึงแม้มันจะแข็งแกร่ง แต่มันก็ไม่น่าจะต่อกรกับเราได้’
“การต่อสู้นัดต่อไปเป็นอะไรที่น่าเบื่อ เจ้าอยากจะเปลี่ยนมาเล่นหมากล้อมหน่อยไหม?” พระเจ้ายืดเส้นยืดสายขณะที่พูดกับหานเซิ่น
“เอาสิ” หานเซิ่นไม่ปฏิเสธ เขาต้องการเล่นหมากล้อมกับพระเจ้า
ถึงแม้หานเซิ่นจะแพ้ตลอด แต่ฝีมือการเล่นหมากล้อมของเขาก็พัฒนาขึ้นเพราะการพ่ายแพ้เหล่านั้น
เกมส์หมากล้อมก็เหมือนกับเกมส์การต่อสู้ ยิ่งเขาพัฒนาฝีมือการเล่นหมากล้อมมากเท่าไหร่ เขาก็จะได้ไอเดียใหม่ที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในการต่อสู้จริง นั่นทำให้เขาอยากจะเล่นหมากล้อมกับพระเจ้า
ด้วยลักษณะนิสัยของหานเซิ่น ถ้าเขาไม่ชนะสักครั้ง เขาก็จะไม่เลิกลาเด็ดขาด
แต่หลังจากพ่ายแพ้เกมส์หมากล้อมติดต่อกันหลายสิบครั้ง ในที่สุดการต่อสู้รอบต่อไปของหานเซิ่นก็มาถึง
หานเซิ่นลุกขึ้นและพูด “ปล่อยกระดาษไว้แบบนี้ พวกเราจะเดินกันต่อในตอนที่ข้ากลับมา”
หมากกระดานนี้ยังเดินไปได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น และมันดูเหมือนว่าเขากำลังจะเป็นฝ่ายชนะ ดังนั้นหานเซิ่นต้องการจะจบการต่อสู้กับอบิสไนท์ให้เร็วที่สุดเพื่อที่เขาจะได้มาเดินหมากกับพระเจ้าต่อ
“โอเค” พระเจ้าพูดด้วยรอยยิ้ม
หานเซิ่นรับคำเชิญของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนและเข้าไปในสนามประลอง