“โชคดีที่นี่เป็นผู้นำเผ่าเวรี่ไฮในวัยหนุ่ม ถ้านี่เป็นผู้นำเผ่าเวรี่ไฮในสมัยปัจจุบันล่ะก็ มันก็คงจะไม่ง่ายแบบนี้ที่จะหลอกเขา” หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจ
ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮจ้องไปที่หานเซิ่นและถาม “เจ้าเรียนรู้วิชาจีโนผ่านการมองจริงๆอย่างนั้นหรอ?”
“ไม่ใช่ซะทีเดียว” หานเซิ่นพูด “วิชาจีโนที่ยากบางวิชานั้น ข้าก็จำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อศึกษา แต่วิชาจีโนง่ายๆพวกนั้นข้าเรียนรู้ได้ในทันที”
“ง่ายๆ?” ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮไม่เข้าใจถึงคำว่าง่ายของหานเซิ่น
ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮมีสีหน้าแปลกๆขณะที่เขาถามขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้น วิชาจีโนที่ยากสำหรับเจ้าคือวิชาอะไร?”
“วิชาเวรี่ไฮเซ้นส์ของเผ่าเวรี่ไฮ นั่นเป็นวิชาจีโนที่ยากมากๆ” หานเซิ่นพูด
ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น อย่างน้อยเผ่าเวรี่ไฮก็มีวิชาจีโนหนึ่งที่ได้รับความยำเกรงจากชายคนนี้
แต่หลังจากนั้นหานเซิ่นก็พูดเสริมอีกประโยค “แต่ถ้าข้าจะต้องเรียนรู้มันจริงๆ ข้าก็ฝึกมันได้ในสิบถึงสิบห้าวัน”
หลังจากที่หานเซิ่นพูดแบบนั้น ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮก็ห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ เขาถามขึ้นว่า
“เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าจะเรียนรู้วิชาเวรี่ไฮเซ้นส์ได้ในเวลาแค่สิบถึงสิบห้าวันน่ะ?”
“ข้าคิดว่าแบบนั้น จะยังไงก็ตามมันก็ใช้เวลาไม่เกินหนึ่งเดือน” หานเซิ่นมองไปที่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮด้วยความดูถูก
“ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาลองดูกัน ข้ามีตำราของเวรี่ไฮเซ้นส์ติดตัวอยู่ ข้าจะอ่านวิชาจีโนหนึ่งภายในนั้นให้เจ้าฟัง ถ้าเจ้าฝึกมันได้สำเร็จในหนึ่งเดือน เจ้าจะทำอะไรกับข้าก็ได้” ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮโกรธ
“เอาสิ นั่นฟังดูเป็นข้อตกลงที่ดี” หานเซิ่นตอบตกลง
สำหรับหานเซิ่นแล้ว วิชาเวรี่ไฮเซ้นส์เป็นบางสิ่งที่เขาจำลองได้เพียงแค่สามสิบถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น วิชาจีโนชั้นสูงแบบนั้นเป็นอะไรที่จำลองได้ยากมากๆ การเรียนรู้วิชาเวรี่ไฮเซ้นส์ในหนึ่งเดือนนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
นั่นจึงเป็นการเดิมพันที่หานเซิ่นจะเป็นฝ่ายแพ้ แต่เขาไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะชนะหรือแพ้การเดิมพันนั้น เขาแค่ต้องทำให้แน่ใจว่าผู้นำเผ่าเวรี่ไฮจะไม่ฆ่าผีเสื้อสาวจนกว่ามันจะผ่านไปหนึ่งเดือน นั่นหมายความว่าหานเซิ่นจะชนะการเดิมพันกับพระเจ้า นั่นคือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ
ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮนำเอาตำราวิชาจีโนหนึ่งออกมาและเริ่มอ่านให้หานเซิ่นฟัง
มันคือวิชาจีโนที่มาจากเวรี่ไฮเซ้นส์ มันจำเป็นต้องใช้เวรี่ไฮเซ้นส์เป็นฐาน ไม่อย่างนั้นผู้ฝึกก็จะไม่สามารถเรียนรู้มันได้
หานเซิ่นไม่มีแผนที่จะเรียนรู้มัน เขาแค่จำเป็นต้องถ่วงเวลาผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ เพื่อทำให้เขาไม่ไปฆ่าผีเสื้อสาวจนกระทั่งผ่านวันนี้ไป
พระเจ้าสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสนใจ หลังจากที่หานเซิ่นและผู้นำเผ่าเวรี่ไฮทำการตกลงกัน พระเจ้าก็ยิ้มและพูด
“ความสามารถในการพลิกสถานการณ์ของเจ้านั้นเป็นอะไรที่ชาญฉลาดมากๆ ถ้านี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเคยเห็นมัน เจ้าก็อาจจะเป็นฝ่ายชนะ แต่น่าเสียดายที่เคยมีใครบางคนพยายามจะใช้วิธีการแบบเดียวกันมาก่อน ข้าจะไม่พ่ายแพ้ให้กับวิธีการเดิมเป็นครั้งที่สอง”
“ใครกันที่เป็นคนใช้วิธีนี้ในครั้งก่อน? มันคือหานจิงจืออย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยความอยากรู้
“ไม่ใช่หานจิงจือ เขาเป็นคนจากเซเคร็ด เขาเหมือนกับเจ้า ข้าคิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายชนะแล้ว เพราะข้าไล่ต้อนเขาไปอยู่ในสถานการณ์ที่จนมุม แต่เขาพลิกสถานการณ์กลับมาได้เหมือนกับที่เจ้าทำ เขาปล่อยให้ข้าทำตามแผนการของตัวเอง โดยการทำแบบนั้นเขาก็พลิกสถานการณ์กลับมาได้สำเร็จ”
ดูเหมือนกับว่าพระเจ้ากำลังพยายามนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น รอยยิ้มเล็กปรากฏบนใบหน้าของเขา ก่อนที่เขาจะพูดต่อไปว่า “แต่เจ้านั้นโชคร้าย เจ้าไม่ได้เป็นคนแรกที่ใช้วิธีแบบนี้กับข้า ด้วยเหตุนั้นเจ้าจะเป็นฝ่ายแพ้”
“ผลลัพธ์ยังคงไม่ออกมา เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าจะเป็นฝ่ายแพ้?” หลังจากที่พูดอย่างนั้นหานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา
“เจ้าพูดถูก ผลลัพธ์ยังไม่ออกมา ข้าไม่ควรด่วนสรุปว่าเจ้าจะเป็นฝ่ายแพ้” พระเจ้าพยักหน้า มันฟังดูเหมือนกับว่าเขารู้สึกผิดกับสิ่งที่เขาเพิ่งจะพูดออกไป
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแกล้งทำเป็นว่าเขากำลังศึกษาวิชาจีโนที่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮมอบให้กับเขา เขาอยากรู้ว่าพระเจ้าจะใช้วิธีการแบบไหนเพื่อพลิกสกานการณ์ในตอนนี้
หานเซิ่นไม่รู้ว่าผู้นำเผ่าเวรี่ไฮจะฆ่าผีเสื้อสาวหรือเปล่า แต่ความเป็นไปได้ที่เขาจะฆ่าเธอในเวลาที่เหลืออีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงนั้นค่อนข้างต่ำ
พระเจ้าไม่ได้ทำอะไรพิเศษเพื่อยั่วยุหรือล่อลวงผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ พระเจ้านั้นเพียงแค่เริ่มพูดเกี่ยวกับเวรี่ไฮเซ้นส์
ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮฟังมันอยู่สักพัก และใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่โกรธ “เจ้าขโมยเวรี่ไฮเซ้นส์ของเผ่าข้ามาจากที่ไหน?”
“ยังไงเจ้าก็จะฆ่าข้าอยู่แล้ว มันสำคัญด้วยหรอว่าข้าขโมยมันมาจากที่ไหน? ข้าถามคำถามอยู่ และข้าหวังว่าเจ้าจะตอบมัน”
ก่อนที่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮจะตอบ พระเจ้าก็พูดต่อ “ในตำราของเวรี่ไฮเซ้นส์มันมีประโยคที่อ่านได้ว่า ‘ลืมตัวเองและกลายเป็นทุกคน’ นั่นมันหมายความว่าอะไร?”
“นี่เป็นความลับของเผ่าข้า” ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮพูด “ข้าจะบอกเจ้าในเรื่องนั้นได้ยังไง?”
พระเจ้าไม่สนใจและพูดต่อ “จากที่ข้าเข้าใจ คำว่าลืมตัวเองนั้นไม่ได้หมายความว่าลืมตัวเองจริงๆ มันเหมือนกับการเป็นผู้ให้และผู้รับ ในตอนที่ได้รับผลประโยชน์ก็ยอมใช้ผลประโยชน์ของตัวเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ปฏิบัติกับผู้อื่นด้วยห่วงใย แบบนั้นแน่นอนว่าพวกเขาจะปฏิบัติกับเจ้าเสมือนเป็นคนในครอบครัวเช่นกัน นั่นคือเหตุผลที่มันมีคำกล่าวอย่าง ‘ลืมตัวเองและกลายเป็นทุกคน’”
“ไม่ใช่ ถ้าอีกฝ่ายมาใกล้ชิดเพียงเพราะผลประโยชน์ ถึงแม้พวกเขาจะปฏิบัติกับเจ้าเหมือนครอบครัว มันก็ถือว่าไม่นับ…” ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮคัดค้าน
“อย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะอธิบายประโยคนี้ยังไง?”
พระเจ้าไม่ได้พูดเกี่ยวกับผีเสื้อสาว เขาแค่พูดเกี่ยวกับเวรี่ไฮเซ้นส์กับผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ
ในตอนแรกพระเจ้าบอกว่าเขาต้องการจะถามคำถาม แต่ดูเหมือนว่าเขาตั้งคำถามขึ้นมาเพื่อให้ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮคัดค้านซะมากกว่า ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮก็ได้รับแรงบันดาลใจหลายอย่าง มันมีหลายสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เขาสามารถเข้าใจมันได้ทั้งหมด จิตใจของเขาพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
หานเซิ่นรู้สึกแย่กับเรื่องนั้น เขาค้นพบแผนการที่จะถ่วงเวลาผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ แต่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮก็เกิดแรงบันดาลใจขึ้นโดยคำถามของพระเจ้า และทำให้เวรี่ไฮเซ้นส์ของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เขาเข้าใจโลกใบนี้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ยิ่งเขาฉลาดมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ดูเหมือนมนุษย์น้อยลงไปเท่านั้น ตอนนี้มันยากที่จะรับประกันว่าเขาจะไม่ฆ่าผีเสื้อสาว
หานเซิ่นไม่ได้เข้าใจถึงความหมายของเวรี่ไฮฟอร์เก็ตเลิฟ แต่ทุกคนรู้ดีว่าคนของเวรี่ไฮที่ฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์นั้นจะไม่รักอะไร พวกเขาสามารถทอดทิ้งได้แม้แต่ร่างกายของตัวเองเพื่อรวมเป็นหนึ่งกับจักรวาล มันจะมีอะไรที่พวกเขาทอดทิ้งไม่ได้?
ขณะที่พูดกับพระเจ้า ใบหน้าของผู้นำเผ่าเวรี่ไฮก็ดูเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของเขาดูใจเย็นมากขึ้นกว่าเดิมจนหานเซิ่นเริ่มจะรู้สึกกังวล
‘เราจะทำยังไงดี?’ หานเซิ่นไม่รู้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ยังไง คำพูดของพระเจ้านั้นเป็นไปตามกฎบางอย่าง และมันทำให้หานเซิ่นรู้สึกว่าเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน มันเหมือนกับการพายเรือทวนกระแสน้ำ มันไม่มีอะไรที่เป็นไปได้สวย
หานเซิ่นเข้าใจว่านั่นเป็นเพราะพระเจ้าสามารถควบคุมกฎของโลกและหัวใจของผู้คน การเผชิญหน้ากับพระเจ้าตรงๆนั้นเป็นไปไม่ได้
หานเซิ่นหันไปมองที่ผีเสื้อสาว เขาคิดกับตัวเอง ‘ถ้าเป็นแบบนี้ เราก็คงจะต้องใช้ดาบเพื่อกอบกู้สถานการณ์’