ในเวลาเพียงไม่นานหานเซิ่นก็ฆ่าโคลด์ไลท์ชาร์มสามสิบถึงสี่สิบตัวไปจนหมด ซีโน่เจเนอิคในระบบจักรวาลร้างนั้นโหดร้าย ถึงแม้พวกมันจะรู้ว่าไม่สามารถเอาชนะเขาได้ พวกมันก็ยังต่อสู้ต่อไปอย่างไม่กลัวตาย
ลุงสองและคนอื่นๆทั้งตกใจและดีใจ พวกเขาเชื่อว่าตัวเองจะต้องตายอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าพวกเขาจะรอดชีวิตมาได้ หานเซิ่นระเบิดพลังออกมาในระดับที่เหนือจินตนาการของทุกคน
“ไม่แปลกใจเลยที่ราชาไป๋รับเขาเป็นลูกศิษย์ ด้วยพลังขนาดนั้นเขาถือเป็นบุคคลที่คู่ควรจะเป็นลูกศิษย์ของราชาไป๋” เหมิงเลี่ยยกนิ้วให้กับหานเซิ่น
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้มีพลังมากขนาดไหน ทำไมถึงไม่ใช้มันก่อนหน้านี้ ไม่น่าทำให้พวกเรากังวลใจเป็นเวลานานเลย” ลอนโดพูด
ทุกคนคิดว่าหานเซิ่นปกปิดพลังที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ ถ้านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ตัดสินความเป็นความตาย พวกเขาก็คงจะไม่ได้รู้ถึงพลังมหาศาลที่หานเซิ่นมีอยู่
“ข้าแค่ใช้พลังของสมบัติเท่านั้น” หานเซิ่นพูด “มันไม่ใช่พลังของข้า”
“มิสเตอร์โฮลี่เบบี้ มีดาบที่น่ากลัวจริงๆ” เป่าฉินพูด
“มันคือดาบอะไรอย่างนั้นหรอ? สมบัติระดับเทพเจ้าแบบนั้นควรจะติดอันดับที่สูง ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อนเลย”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน จู่ๆอีวิลโลตัสก็หัวเราะขึ้นมา เขาพูดหนึ่งประโยคกับหานเซิ่น
“เจ้าคู่ควรที่จะถูกฆ่าโดยพระเจ้าอย่างข้า”
ลอนโดมองไปที่เขาด้วยความดูถูกและพูด “อีวิลโลตัส เจ้าหยุดพูดข่มได้แล้ว ด้วยการที่พวกเรามีผงรูปปั้นดินเผาอยู่ เจ้าแตะต้องอะไรข้าไม่ได้ นั่นหมายความว่าเจ้าแตะต้องมิสเตอร์โฮลี่เบบี้ไม่ได้เช่นกัน”
ดวงตาของอีวิลโลตัสเต็มไปด้วยความดูถูก “ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่โง่เขลาอะไรขนาดนี้ ที่รูปปั้นดินเผาทำร้ายร่างกายพระเจ้าของข้าได้ก็เพราะมันมีเถ้าของกิเลนศักดิ์สิทธิ์อยู่ ข้าไม่ต้องการจะเสียเวลากับเรื่องไร้ประโยชน์แบบนั้น นี่พวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้ารับมือกับเถ้าพวกนั้นไม่ได้น่ะ?”
“ถ้าเจ้าแน่จริงก็เข้ามาได้เลย ถ้าเจ้าคิดว่าทำได้ล่ะก็นะ” ลอนโดไม่เชื่อว่าอีวิลโลตัสจะทำได้
ทุกคนคิดว่าอีวิลโลตัสนั้นไม่สามารถป้องกันผงรูปปั้นดินเผาได้ เพราะถ้าเขาทำได้ เขาก็คงจะไม่เสียเวลาไปล่อเหล่าโคลด์ไลท์ชาร์มมาเพื่อฆ่าพวกเขา
“สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ!” อีวิลโลตัสไม่คิดจะอธิบาย จู่ๆร่างกายของเขาก็ลุกโชนด้วยเปลวไฟสีม่วงขาว ดวงตาของเขาปะทุด้วยประจุไฟฟ้า พวกมันเรืองแสงสีเขียวขาว
ลุงสองและคนอื่นๆรู้สึกตกใจ พวกเขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของอีวิลโลตัสนั้นมีสัมผัสที่น่ากลัวอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ พวกเขาก้าวถอยหลังไปด้วยจิตใต้สำนึก พวกเขาเกือบจะหันหลังและวิ่งหนีไป
ขณะที่อีวิลโลตัสเดินเข้ามาหาพวกเขา ลุงสองก็ตะโกนขึ้นมา “เตรียมผงรูปปั้นดินเผาให้พร้อม!”
ทุกคนนำเอาผงรูปปั้นดินเผาของตัวเองออกมา พวกเขาเริ่มขว้างมันไปใส่อีวิลโลตัส ในชั่วพริบตาท้องฟ้าก็ปกคลุมไปด้วยผงรูปปั้นดินเผาสีเทา แต่ในจังหวะที่ผงรูปปั้นดินเผาสัมผัสกับเปลวไฟสีม่วงขาว มันก็ไม่ต่างอะไรจากฝุ่นผงของทรายที่ถูกพัดมากับสายลม มันไม่สามารถดับแสงแห่งเทพของอีวิลโลตัสได้
ทุกคนรู้สึกตกใจเมื่อเห็นว่าผงรูปปั้นดินเผาที่พวกเขาใช้นั้นไร้ประโยชน์ต่ออีวิลโลตัส
อีวิลโลตัสเดินเข้ามาหาหานเซิ่นและถาม “ชื่อของเจ้าคือโฮลี่เบบี้ถูกไหม? ชื่อของเจ้าจะถูกจดจำโดยข้าที่เป็นพระเจ้า ชีวิตนี้ของเจ้าถือว่ามีค่า”
หานเซิ่นเมินเฉยต่อสิ่งที่อีวิลโลตัสพูด ดวงตาของเขาจ้องไปที่อีวิลโลตัส ดูเหมือนกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
ลุงสองและคนอื่นๆไม่สามารถมองเห็นร่างกายสปิริตสีม่วงที่ดูเหมือนกับเงาของภูติผีที่ชั่วร้ายที่อยู่ข้างในตัวของเขาได้ หานเซิ่นสัมผัสว่าได้ร่างสปิริตนั้นให้ความรู้สึกเดียวกับสกายไวท์แรดิช
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘แปลกจริงๆ ทำไมอีวิลโลตัสคนนี้ถึงได้ให้ความรู้สึกว่าร่างกายที่มีเนื้อหนังของเขาเป็นเพียงแค่หุ่นเชิด ขณะที่ร่างสปิริตที่ดูเหมือนกับภูติผีที่ชั่วร้ายคือร่างกายจริงๆของเขา?
มันเป็นเพราะว่าร่างสปิริตสีม่วงที่ชั่วร้ายนั้นกำลังปกป้องอีวิลโลตัสเอาไว้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมผงรูปปั้นดินเผาถึงใช้ไม่ได้ผล แต่หานเซิ่นยังคงสังเกตได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล
ในตอนที่ร่างสปิริตสีม่วงปรากฏขึ้นมา พลังชีวิตของอีวิลโลตัสก็ดูเหมือนจะจางหายไป คนที่มองเห็นเส้นเลือดในผิวของเขาจะสังเกตได้ว่าพวกมันเป็นสีม่วงเขียว พวกมันดูเหมือนเส้นเลือดของคนตาย
ตอนนี้ทุกคนเริ่มวิ่งหนีไป แต่ทว่าเป่าอิงเห็นหานเซิ่นยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดังนั้นเธอจึงรีบตะโกนว่า “มิสเตอร์โฮลี่เบบี้!”
หานเซิ่นถูกปลุกจากภวังค์ด้วยเสียงเรียกของเป่าอิง แต่เขายังคงไม่หนีไป เขาจ้องตรงไปที่อีวิลโลตัสที่อยู่ห่างจากเขาไปน้อยกว่าสิบเมตรและถามขึ้นว่า
“อีวิลโลตัส นี่เจ้าอยากตายมากหรือยังไง?”
อีวิลโลตัสดูใจร้อน เขาไม่คิดจะพูดอะไรกับหานเซิ่น เขารวบรวมพลังที่นิ้วมือขณะที่เอื้อมออกไปหาหานเซิ่น ถ้าหานเซิ่นถูกจับด้วยมือนั้น หัวของเขาก็คงจะมีรูห้ารูที่มีเลือดไหลออกมา
ลุงสองได้ยินเสียงของเป่าอิงและรู้ว่าหานเซิ่นไม่ได้วิ่งหนีมาพร้อมกับพวกเขา เขาหันกลับไปมองและเห็นอีวิลโลตัสกำลังเอื้อมมือไปจับหัวของหานเซิ่น ผงรูปปั้นดินเผาที่อยู่ในอากาศนั้นไม่ได้ผลกับเขา
ถึงแม้คนอื่นๆจะมองไม่เห็น แต่หานเซิ่นมองเห็น ร่างกายสปิริตสีม่วงที่ยื่นมือออกมาพร้อมกับอีวิลโลตัสนั่นทำให้หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขารู้ว่าการโจมตีนี้เป็นอะไรที่อันตรายมากๆ ดังนั้นเขาไม่ลังเลและเรียกเทพสปิริตออกมา
ยักษ์สีเขียวที่ดูเหมือนกับสกายไวน์แรดิชปรากฎขึ้นตรงหน้าหานเซิ่น หลังจากนั้นยักษ์สีเขียวก็ชกออกไปใส่ร่างสปิริตสีม่วงของอีวิลโลตัส
อีวิลโลตัสไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น การที่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำมีเทพสปิริตอยู่นั้นควรจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
อีวิลโลตัสไม่มีเวลาจะตอบสนองอะไรได้ ร่างสปิริตสีม่วงของเขาถูกชกเข้าที่หน้าโดยสกายไวน์แรดิชและถูกส่งกระเด็นออกไป
ในตอนที่ร่างสปิริตสีม่วงกระเด็นออกไป ร่างกายของอีวิลโลตัสก็ถูกส่งกระเด็นออกไปพร้อมกัน เขากระอักเลือดออกมาจากปากของเขา
เหมิงเลี่ยและคนอื่นๆตกตะลึง สิ่งที่พวกเขาเพิ่งจะเห็นนั่นเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ พวกเขาคิดว่าดวงตาของตัวเองกำลังเล่นตลกอยู่
พวกเขาเห็นว่าอีวิลโลตัสกำลังเอื้อมมือออกไปหาหานเซิ่น แต่จู่ๆอีวิลโลตัสก็ถูกส่งกระเด็นออกไป หานเซิ่นไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่จ้องมองไปที่อีวิลโลตัส หลังจากนั้นอีวิลโลตัสก็ถูกกระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักเลือดออกมา
“นี่ข้าเพิ่งจะได้เห็นโฮลี่เบบี้ใช้ดวงตาเพื่อสังหารพระเจ้าอย่างนั้นหรอ…” เหมิงเลี่ยอึ้งจนเกือบจะพูดอะไรไม่ออก
ลุงสองเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน ลอนโดและคนอื่นๆไม่รู้ว่าพระเจ้าหมายความว่าอะไรอีกต่อไปแล้ว พวกเขาคิดว่าพวกเขาเป็นระดับเทพเจ้าที่แข็งแกร่ง แต่พวกเขารู้ดีว่าพระเจ้านั้นไม่ใช่แค่แข็งแกร่งกว่าระดับเทพเจ้ามากๆ ในจักรวาลนี้มีเพียงแค่ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตเท่านั้นที่จะต่อกรกับพระเจ้าได้ และถึงอย่างนั้นพวกเขาก็แค่พอจะตอบโต้ได้เท่านั้น พวกเขาไม่รู้ว่ามันจะมียอดฝีมือขั้นทรูก็อตสักกี่คนที่เอาชนะพระเจ้าได้จริงๆ
ลุงสองไม่เคยคาดฝันว่ามันจะมีสิ่งมีชีวิตในจักรวาลนี้ที่สามารถใช้ดวงตาเพื่อส่งพระเจ้ากระเด็นออกไปได้ มันเป็นเหมือนกับเทพนิยาย
ไป๋ปู้อีเห็นเหมือนกับว่าหานเซิ่นนั้นฆ่าผู้นำเวรี่ไฮด้วยดวงตาของเขา ซึ่งนั่นควรจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้บางสิ่งที่ควรจะเป็นไปได้เพิ่งจะเกิดขึ้นมา และมันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของเขา