ทุกหนทุกแห่งในดินแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยเครื่องจักรโลหะและสิ่งก่อสร้างหินที่พังทลาย ชิ้นส่วนที่แตกหักของเครื่องจักรนั้นเป็นบางสิ่งที่ดูเหมือนจะมาจากยุคสตีมพังค์ ขณะที่สิ่งก่อสร้างนั้นดูเก่าแก่ยิ่งกว่าพวกมันอีก เครื่องดินเผา เตาหินและหอคอยหินถูกทำลายไม่มีเหลือ เตาหลอมที่สูงกว่าสามเมตรถูกตัดขาดครึ่ง สิ่งก่อสร้างหินและเครื่องเรือนที่ทำจากดินเผากระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เครื่องจักรโลหะขนาดใหญ่มีให้เห็นทุกทิศทาง แต่พวกมันเสื่อมโทรมซะจนไม่สามารถบอกได้ว่าพวกมันคืออะไร
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน ดินแดนแห่งนี้ดูเหมือนกับซากปรักหักพังที่ถูกทิ้งเอาไว้หลังจากวันสิ้นโลก หานเซิ่นและคนอื่นๆเพิ่งจะมาถึง ทันทีที่ได้เห็นทั้งหมดนี้ พวกเขาก็ขมวดคิ้ว
“จากที่ข้าคำนวณ มีความเป็นไปได้มากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่าที่นี่เป็นระบบจักรวาลร้าง” เหมิงเลี่ยพูดขณะที่เขามองไปรอบๆ
หานเซิ่นมองเห็นสิ่งก่อสร้างที่พังทลายรอบๆ พวกมันเป็นอะไรที่ดูคุ้นเคย สไตล์ของสิ่งก่อสร้างนั้นดูเหมือนกับสถาปัตยกรรมในหุบเขาแห่งกาลเวลาในก็อตแซงชัวรี่
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘นี่หมายความว่าเครื่องหินพวกนั้นมาจากที่นี่อย่างนั้นหรอ? นั่นหมายความว่าแผ่นหินนั้นก็มาจากที่นี่ด้วย?’
เนื่องจากพลังของเกอร์ยังคงใช้งานไม่ได้ พวกเขาจึงต้องพึ่งพาพลังของเป่าอิงในการตามล่าตัวหานเซิ่น
กลีบดอกไม้นำทางพวกเขาผ่านซากปรักหักพังไป ลุงสองและคนอื่นค่อยๆตามกลีบดอกไม้ไปอย่างระมัดระวัง ไม่มีใครกล้าชะล่าใจแม้แต่นิดเดียว
ระบบจักรวาลร้างคือสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในจักรวาลจีโน แม้แต่ระดับเทพเจ้าที่แข็งแกร่งอย่างลุงสองก็ไม่กล้าจะประมาท
หลังจากที่เดินทางไปกว่าหนึ่งร้อยไมล์ พวกเขาก็ยังเห็นเพียงแค่ซากปรักหักพัก พวกเขาไม่เห็นซีโน่เจเนอิคเลยแม้แต่ตัวเดียว ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นมาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่มีใครกล้าจะชะล่าใจ
ทันใดนั้นกลีบดอกไม้ก็ไปหยุดตรงหน้าหอคอยหินแห่งหนึ่ง พวกมันวนเวียนรอบๆหอคอยหินนั้น
เป่าอิงมองไปที่หอคอยหินและพูด “ที่นี่แหละ”
ทุกคนรู้สึกดีใจ ถ้าพวกเขาจับตัวหานเซิ่นภายในนั้น พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางลึกเข้าไปในระบบจักรวาลร้างมากไปกว่านี้
“หานเซิ่นคงคิดไม่ถึงที่พวกเรากล้าไล่ตามเขามาถึงที่นี่” เป่าฉินพูด
“ลอนโด ทำลายหอคอยหินนี่ซะ” ลุงสองพูดกับระดับเทพเจ้าที่มีหัวเป็นวัว
ชายหัววัวรับคำสั่งและเรียกอาวุธจีโนของเขาออกมา มันเป็นขวานขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยโซ่สสารที่ดูทรงพลัง
ชายหัววัวคำรามและแกว่งขวานขนาดใหญ่เข้าใส่หอคอยอย่างเต็มกำลัง เขาตัดหอคอยที่สูงเป็นสิบเมตรจนขาดครึ่ง
หอคอยหินถูกแยกออกเป็นสองด้าน ในตอนที่ขวานใหญ่ไปถึงฐานของหอคอย มันมีบางสิ่งป้องกันขวานจากการฟันลงไปมากกว่านั้น มันทำให้เกิดเป็นเสียงโลหะปะทะกัน
ทุกคนจ้องไปยังจุดที่ขวานใหญ่ถูกหยุดเอาไว้ และพวกเขาก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในหอคอยหิน เขากำลังยกมือขวาขึ้นมาและขวานก็ถูกหยุดเอาไว้ระหว่างนิ้วของชายคนนั้น
ลอนโดคำรามอย่างบ้าคลั่ง โซ่สสารระเบิดออกมาราวกับภูเขาไฟ เขาต้องการจะกดขวานลงไปตัดแขนของชายหนุ่มคนนั้นให้ขาด
แต่ไม่ว่าลอนโดจะระเบิดพลังออกมามากสักแค่ไหน ขวานก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มหัวเราะ เขาออกแรงมากขึ้นและหักขวานด้วยสองนิ้วของเขา
ลอนโดกระอักเลือดออกมา เขาโซเซถอยไปด้านหลัง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาว
ขวานใหญ่คืออาวุธจีโนของเขา เนื่องจากอาวุธจีโนของเขาถูกทำลาย เขาจึงได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ลุงสองและคนอื่นๆดูตกตะลึง ถึงแม้ลอนโดจะเป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟ แต่อาวุธจีโนของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่จะถูกทำลายได้ง่ายๆ แต่ชายหนุ่มคนนั้นใช้แค่นิ้วมือเพื่อทำลายขวาน ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ทุกคนก็รับรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้น่ากลัวขนาดไหน
ลุงสองและคนอื่นๆเข้ามาล้อมชายหนุ่มเอาไว้ เป่าฉินตะโกนใส่ชายหนุ่ม
“หานเซิ่นไม่ว่าเจ้าจะชั่วร้ายสักแค่ไหน วันนี้คือวันตายของเจ้า!”
หานเซิ่นมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความสับสน นั่นก็เพราะชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนกับเขาไม่มีผิด หานเซิ่นเกือบจะคิดไปว่าตัวเองกำลังมองเข้าไปในกระจก
‘หมอนี่เป็นใครกัน? เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเราตอนก่อนจะกลายเป็นแบบนี้ซะอีก ทำไมเขาถึงได้ปลอมตัวเป็นเรา?’ หานเซิ่นคิดเกี่ยวกับมันอย่างสงสัย
ชายหนุ่มมองไปที่ลุงสองและยิ้มออกมา “ข้าคิดว่าเผ่าเวรี่ไฮจะมาถึงที่นี่ก่อนซะอีก ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะมาถึงก่อน แต่นั่นไม่เป็นอะไร ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงที่นี่ก่อน มันก็คงจะต้องเป็นพวกเจ้า จากนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าจะต้องฟังคำสั่งของข้า ถ้าพวกเจ้าขัดคำสั่งแม้แต่นิดเดียว พวกเจ้าจะถูกลงโทษ”
ชายหนุ่มพูดออกมาราวกับว่าลุงสองและคนอื่นๆเป็นทาสของเขา ลุงสองและเหมิงเลี่ยมีตำแหน่งที่สูงส่ง พวกเขาไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน มันทำให้พวกเขารู้สึกโกรธ
เหมิงเลี่ยพูด “หานเซิ่น เจ้าอย่าได้อวดดีเพียงเพราะเจ้ามีโล่เมดูซ่าส์เกซ วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าโล่เมดูซ่าส์เกชเป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง”
หลังจากที่พูดแบบนั้น เหมิงเลี่ยก็นำเอายาเม็ดหนึ่งออกมา เขาบดขยี้มันในมือ หลังจากนั้นมันก็มีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่น่ากลัวออกมา มันคืองูยักษ์เก้าหัวที่มีเกล็ดสีดำ
เหมิงเลี่ยเอื้อมมือไปจับหางของงูยักษ์ ร่างกายของเขาส่องแสงแห่งเทพสีทองออกมา เขาย้อมเกล็ดสีดำของงูตัวนั้นให้กลายเป็นสีทอง
หลังจากนั้นงูยักษ์เก้าหัวก็ถูกเปลี่ยนเป็นหอกเก้าง่ามสีทอง เหมิงเลี่ยยกมันขึ้นโดยเล็งไปยังชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนแท่นหินและปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา
‘เหมิงเลี่ยคนนี้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก นี่เขากลายเป็นขั้นลาร์วาแล้วอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิด
ชายหนุ่มมองไปที่เหมิงเลี่ยด้วยความสนใจ เขาไม่มีแผนที่จะลุกขึ้นมาจากแท่นหิน เขายิ้มและมองไปที่หอกเก้าง่าม
“ร่างกายแห่งราชันโกลโซลเยอร์เป็นอะไรที่น่าสนใจ แต่ข้าคิดว่าเจ้ายังคงอ่อนแอเกินไป”
“มันเพียงพอที่จะฆ่าเจ้าล่ะกัน” เหมิงเลี่ยพูดพร้อมกับปลดปล่อยแสงสีทองที่น่ากลัวออกมาจากหอกเก้าง่าม แสงสีทองกลายเป็นงูปีศาจสีทองเก้าตัวที่พุ่งตรงเข้าไปหาชายหนุ่ม พวกมันเป็นเหมือนกับมังกรที่ชั่วร้ายที่สามารถกลืนกินโลกทั้งใบ
หานเซิ่นต้องยอมรับว่าเหมิงเลี่ยแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก ถึงแม้เขาใช้ร่างต่อสู้ซีโน่เจเนอิค เขาก็ไม่สามารถรับการโจมตีนั้นได้
วินาทีต่อมาทุกคนก็ตกตะลึงอีกครั้ง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนแท่นหินดีดนิ้วครั้งเก้า ซึ่งการดีดนิ้วแต่ละครั้งจะเข้าไปถูกหัวของหนึ่งในงูปีศาจสีทอง
หูของงูปีศาจถูกระเบิดในทันทีทันใด และหอกเก้าง่ามสีทองก็ถูกทำลายไปด้วย เหมิงเลี่ยกระอักเลือดออกมาขณะที่กระเด็นออกไปด้านหลัง เขาไปชนเข้ากับเครื่องจักรโลหะขนาดใหญ่