ในตอนที่หานเซิ่นตัดสินใจจะวิวัฒนาการ เขาก็รู้สึกว่ามันแตกต่างไปจากที่เขาคิดเอาไว้ กระบวนการวิวัฒนาการนี้ไม่ใช่สิ่งที่แบ่งแยกออกจากกัน ในจังหวะที่หานเซิ่นเริ่มวิวัฒนาการ ร่างกายของเขาก็กลายเป็นซีโน่เจเนอิคด้วยตัวของมันเอง วิชาจีโนทั้งสี่ของเขาเริ่มทำงานพร้อมๆกัน
หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังประหลาด มันเหมือนกับว่าเขากำลังลอกผิวหนังของตัวเอง ยีนเก่าของเขาถูกเอาออกไปและถูกแทนที่ด้วยยีนใหม่ที่ต่างไปจากเดิม ลมปราณสีดำถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของเขาและก่อตัวเป็นรังไหมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมเขาทั้งตัว
หานเซิ่นรู้สึกค่อนข้างมีความสุข ตอนนี้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่โชคดีที่เขาเอาเด็กในชุดคลุมสีแดงไปไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตาก่อนแล้ว
หานเซิ่นคิดว่ากระบวนการวิวัฒนาการจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า แต่ร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุด เขาอยู่ในสภาพนั้นเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เสร็จสิ้นการวิวัฒนาการ
เนื่องจากร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เขาไม่สามารถหยุดเอาไว้ชั่วคราวได้ เขาจำเป็นต้องทำการวิวัฒนาการต่อไป เขาจำเป็นต้องอดทนและรอคอยให้มันเสร็จสิ้น
เขารอคอยอยู่เป็นเวลานาน และหลังจากที่ผ่านไปเจ็ดสิบวัน หานเซิ่นก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาหยุดการเปลี่ยนแปลง และไม่มีอะไรปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขาอีก
รังไหมที่เหมือนกับลูกบอลสีดำนั้นแตกกระจายออก และหานเซิ่นก็เดินออกมา
หานเซิ่นเหยียบลงบนอากาศซึ่งส่งผลทำให้เขาร่วงลงกับพื้น เขากุมใบหน้าของตัวเองอย่างเจ็บปวด ขณะที่ดวงตาของเขามีน้ำตาไหลออกมา
“พลังของเราหายไปไหน?” หานเซิ่นตกใจ เขาไม่ได้รู้สึกถึงพลังในร่างกายอีกต่อไป มันเหมือนกับว่าเขาเป็นแค่สามัญชนที่ไม่เคยฝึกวิชา
หานเซิ่นรีบตรวจเช็คร่างกายของตัวเอง และสิ่งที่ได้เห็นก็ทำให้เขาแข็งทื่อไป
เขามีแขนและขาขนาดเล็ก พวกมันดูขาวและน่ารัก หานเซิ่นรู้สึกตกใจอย่างมาก เขาดูเหมือนกับเด็กอายุแค่หกขวบเท่านั้น เขาดูเหมือนกับเด็กในชุดคลุมสีแดง เหมือนกับว่าตอนนี้เขาอยู่ในร่างกายของเด็กคนนั้น
หานเซิ่นรีบวิ่งไปหน้ากระจกและส่องดูตัวเอง เขาเห็นว่าตอนนี้เขาดูเหมือนกับเด็กอายุห้าถึงหกขวบจริงๆ แต่เขาจำได้ว่าในตอนที่เขาอายุเท่านั้น เขาไม่ได้มีรูปลักษณ์เหมือนในขณะนี้
เด็กน้อยในกระจกมีดวงตาและผมสีดำ ใบหน้าของเขาดูซีดเซียวราวกับคริสตัล โครงสร้างใบหน้าของเขาดูงดงามมากๆ เขาดูเหมือนกับผู้หญิง
ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงดูเป็นแบบนี้ ในตอนที่เขารวมร่างกับมนตรา แน่นอนว่าเขาจะดูเหมือนกับผู้หญิงมากขึ้นกว่าเดิม
หานเซิ่นต้องการจะยกเลิกการรวมร่าง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลอีกต่อไป เขาไม่ได้รู้สึกถึงพลังในร่างกายของตัวเองอีกแล้ว มันเหมือนกับว่าร่างกายของเขาเป็นเด็กวัยหกขวบจริงๆ
“เราตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ยังไง? นี่มันมีความผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้นขณะที่เราวิวัฒนาการอย่างนั้นหรอ?”
ในหัวของหานเซิ่นเต็มไปด้วยคำถาม เขารีบเช็คสถานะของตัวเอง
โชคดีที่ถึงแม้พลังของเขาจะหายไป เขาก็ยังสามารถเข้าถึงทะเลจิตและวิญญาณอสูรได้ หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เห็นสถานะของตัวเอง
[หานเซิ่น: ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด]
[ร่างยีนต่อสู้: ซีโน่เจเนอิค (ขั้นทรานส์มิวเทชั่น)]
[ระดับ: เทพเจ้า]
[ยีนที่จำเป็นต่อการวิวัฒนาการ: 0/100]
[อายุ: 2,658 ปี]
“ข้อมูลทั้งหมดถูกต้อง เราเลื่อนระดับมาสู่ขั้นทรานส์มิวเทชั่นแล้ว แต่ทำไมร่างกายของเราถึงได้เป็นแบบนี้? และทำไมเราถึงใช้พลังของตัวเองไม่ได้”
หานเซิ่นเต็มไปด้วยคำถามมากมาย และเขาไม่สามารถหาคำตอบได้
…
บนดินแดนที่เต็มไปด้วยทรายสีเหลือง ชายคนนั้นกำลังเดินไปบนทะเลทราย มันมีหุบเขาลูกหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขา เมื่อชายคนนั้นเห็นหุบเขา เขาก็หลี่ตาและเดินเข้าไปหามัน
ปัง!
ในตอนที่ชายคนนั้นไปถึงหุบเขา ก็มีกระสุนลูกหนึ่งถูกยิงมาที่พื้นใกล้ๆกับเท้าของเขา มันเฉี่ยวรองเท้าของเขาไปแค่นิดเดียวเท่านั้น
“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว” เสียงดังก้องไปทั่วหุบเขา
“ท่านคือโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าโจรสลัดใช่ไหม? ชื่อของข้าคือไป๋ว่านเจี้ย ข้าอยากจะทำธุรกิจกับท่านโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์”
ไป๋ว่านเจี้ยไม่ได้เดินไปมากกว่านั้น เขายืนอยู่กับที่และพยายามจะพูดคุยกับคนที่อยู่ในหุบเขา
“องค์ชายไป๋ว่านเจี้ยของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง?” เสียงดังออกมาจากหุบเขาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเขาสับสนกับการประกาศตัวของชายที่เดินทางมา
“ใช่ นั่นคือข้า” ไป๋ว่านเจี้ยตอบ
“ราชาไป๋มาที่นี่ด้วยหรือไม่? ถ้าเขามาด้วย ให้เขามาพูดกับข้า เจ้าเป็นแค่เด็กอวดดีที่ไม่คู่ควรจะมาพูดคุยกับข้า” เสียงฟังดูเย็นชาอีกครั้ง
“ข้าได้ยินมาว่าท่านโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์รักภาพวาด มันมีรูปภาพไหมนภาที่เป็นของเผ่าพันธุ์ของข้าอยู่ ท่านโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์สนใจมันหรือไม่” ไป๋ว่านเจี้ยนำม้วนกระดาษที่มีภาพวาดอยู่ออกมา
“มันคือรูปภาพไหมนภาที่เป็นของชาโดว์คิง?” ขณะที่เขากำลังพูด เงาของชายแก่ก็ปรากฏตัวตรงหน้าของไป๋ว่านเจี้ย ชายแก่จ้องไปที่รูปภาพในมือของเขา
“ใช่แล้ว มันเป็นของชาโดว์คิงบรรพบุรุษของพวกเรา”
ไป๋ว่านเจี้ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์จะสนใจรับมันไปไหม?”
“เจ้าต้องการอะไร?” ชายแก่มองไปที่ไป๋ว่านเจี้ย
“ข้าต้องการให้ท่านโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ขโมยของอย่างหนึ่งให้กับข้า”
ไป๋ว่านเจี้ยพูดด้วยโทนเสียงจริงจัง “และไม่ว่าท่านจะทำได้สำเร็จหรือไม่ ข้าก็จะมอบภาพไหมนภานี้ให้กับท่าน”
“มันมีสถานที่ที่เอ็กซ์ตรีมคิงเข้าไม่ถึงด้วยหรือยังไง?
ชายแก่ถามขณะที่หลี่ตา “เจ้าคงจะไม่ได้ขอให้ข้าไปในเอาท์เตอร์สกายเพื่อขโมยบางสิ่งหรอกใช่ไหม”
ไป๋ว่านเจี้ยส่ายหัว “ข้าอยากให้ท่านโจรสลัดช่วยไปขโมยบางสิ่งจากภายในสเปชการ์เด้น”
“สเปชการ์เด้น? อย่างนี้นี่เอง นั่นเป็นสถานที่ที่น่ารำคาญ นอกจากข้าโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์แล้ว มันไม่มีใครที่จะแอบเข้าไปข้างในได้”
ชายแก่พยักหน้าและถาม “เจ้าต้องการให้ข้าขโมยอะไรออกมา? เจ้าคงจะรู้กฎสามข้อของพวกเราสินะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้ารู้เกี่ยวกับกฎของโจรสลัด” ไป๋ว่านเจี้ยพูดด้วยรอยยิ้ม
“สิ่งที่ข้าต้องการให้ท่านโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ขโมยออกมานั้นคือเด็กอายุห้าถึงหกขวบ ถึงเขาจะเป็นเด็ก แต่จริงๆแล้วเขาคือซีโน่เจเนอิค การขโมยซีโน่เจเนอิคควรจะไม่ผิดกฎสามข้อของโจรสลัด”
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ไป๋ว่านเจี้ยก็เดินกลับออกมาจากหุบเขาด้วยรอยยิ้ม และรูปภาพไหมนภาก็ไม่ได้อยู่ในการครอบครองของเขาอีกต่อไป
“โจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ตกลงจะช่วยเรา เขาไม่มีทางทำงานล้มเหลว ถ้าเราขโมยเด็กนั่นมาได้ สเปชการ์เด้นก็จะตกเป็นของเรา” ไป๋ว่านเจี้ยยิ้มอย่างชั่วร้าย
ถึงแม้ไป๋ว่านเจี้ยจะไม่ได้เห็นหานเซิ่นเอาตัวเด็กในชุดคลุมสีแดงไป แต่เขาเห็นหานเซิ่นพาเด็กในชุดคลุมสีแดงไปเพื่อช่วยเหล่าฟลาวเวอร์ก็อต เขาสามารถคาดเดาได้ว่าเด็กในชุดคลุมสีแดงนั้นทำบางสิ่งที่พิเศษ
แต่สเปชการ์เด้นตกอยู่ในกำมือของหานเซิ่นไปเรียบร้อยแล้ว มันเป็นอะไรที่ยากเกินไปถ้าคนนอกจะเข้าไปข้างในได้อีก ไป๋ว่านเจี้ยอยากจะได้สเปชการ์เด้นมาเป็นของตัวเอง เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับคนอื่นและเลือกที่จะมาขอความช่วยเหลือจากโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าโจรสลัด
เผ่าโจรสลัดอยู่ในจักรวาลมาเป็นเวลานาน แต่มีเพียงคนเดียวที่ได้รับสมญานามว่าโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์ เหตุผลที่ว่าทำไมมีแค่เขาที่ได้รับสมญานามนั้นก็เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถแอบเข้าไปในเอาท์เตอร์สกายเพื่อขโมยบางสิ่งและรอดชีวิตกลับมาได้ นั่นทำให้ทุกคนคิดว่าเขาคือโจรสลัดที่ดีที่สุด ดังนั้นเขาจึงได้รับชื่อเสียงว่าเป็นบุคคลที่สามารถขโมยได้ทุกสิ่งทุกอย่าง